เรื่อง จิตรานุภาพ
บที่ 3
เรื่อง..ไ้ของแตน
แตนืแพทย์หญิงกัลยา เกตุโสภา ออกผู้ป่วยนอกวันจันทร์กับพุธสองวัน นอกนั้นเ้าห้องผ่าตัด
“ ฟาง ”
“ อ้าว..แตน มีอะไร เ้าาก่อนสิ ทำาเป็นเล่นซ่อนแอบเมียงมองมีอะไรลับลมคมในรึป่าวเนี่ย ” ฉันร้องถามในบ่ายวันหนึ่งี่แตนายืนชะโงกหน้าเ้าาในห้องทำงานของฉัน
“ อยากใ้ฟางไปดูอะไรี่ห้องหน่อยน่ะ ไ้รายนี้มันพิลึกๆยังไงไม่รู้ ว่าจะส่งไปแผนกจิตเวชก็ยังไม่ชัวร์ แถมญาติยังบอกว่าแม่เขาไม่ได้บ้า แตู่ผีปอบเ้าสิงกินไส้ มันตลกาเลยอ่ะฟาง ลองไปดูหน่อยมั๊ย ” แตนเอ่ยชวน
“ แหม! เดี๋ยวนี้เห็นฟางเป็นผีไปแล้วเหรอนี่ ”แตนหัวเราะแหะๆ
“ มันประหลาดจริงๆนะฟาง”เธอพูดเบาๆเหมือนกลัวใครจะได้ยิน
“ใครี่ช่วยเสิฟเครื่องมืออยู่ในห้อง และญาติด้วยนะใ้ออกไปก่อน เดี๋ยวฟางตามไป ขอเวลาใ้ผีบริกรรมคาถานิดนึง” ว่าแล้วสองสาวก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน
ฟางาถึงห้อง แตนก็ลุกขึ้นต้อนรับ ในห้องไม่มีคนอื่นอีก มีแต่ไ้ซึ่งเป็นหญิงแก่วัยหกสิบเจ็ดปี นอนอยู่บนรถเข็น รูปร่างผอมแห้งห่มผ้าปิดทั้งตัว
“ ยาย..ยาย..” ฟางร้องเรียก
“ อือ.อ.อ.” แกขานรับไม่ลืมตา
“ เป็นยังไงไหนลุกขึ้นาคุยกันหน่อยซิ ” แกลืมตาขึ้นดู แล้วหลับต่ออย่างไม่สนใจ
“ ต้องเอาไปเผา ร่างนี้ตายแล้วต้องเอาไปเผา”ทันใดนั้น! ร่างี่ผอมแห้งมีแต่กระดูกก็ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งทันทีทำตาขวาง เอื้อมมือาขว้าหมับเ้าี่แขนของฟาง แตนตกใจกระโดดออกห่างทันที
“ ยาย..ยาย ทำอะไรน่ะ” เธอร้อง
“ ฟางไม่เป็นอะไรหรอกแตนอยู่เฉยๆ อย่าเสียงดังเดี๋ยวคนข้างนอกจะตกใจ แตนไปล็อคประตูป่ะ ”ฟางสั่งแล้วหันาพูดกับไ้ด้วยน้ำเสียงเอาจริง
“ แน่ใจนะี่จับฉัน” นางปล่อยทันที
“ มึงจะเอากูไปเผา ” นางตะคอกใส่เหมือนไม่ใช่คนป่วย
“ แตนถ่ายคลิปไว้ทีจะเอาไว้ใ้ลูกเขาดูเผื่อเขาไม่เชื่อ”
“ อย่านะ อย่าถ่ายนะ กูบอกว่า อย่า.. ถ้ามึงไม่เชื่อกูจะกินไส้มึงอีกคน ” นางแยกเขี้ยวเ้าใส่แตน
“ สตินะแตนมีสติ สิ่งี่เห็นอยู่นี้ไม่ใช่ยายปลั่ง แต่เป็นผีปอบาอาศัยร่างเค้า ทำใ้เค้าเดือดร้อนไปหมด ถามจริงเหอะยัยปอบ เจ้าของร่างตายแล้วจริงเหรอ?
“ เออ..ตายไปตั้งหลายเดือนแล้ว”มันกระชากเสียงตอบตาคว่ำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ ถ้างั้น..ก็ต้อง..จัดการกับแกได้ละสิ ”
“ มึงจะทำอะไรกู ”มันทำท่าจะกระโดดลงจากเตียงรถนอน แต่ช้าไปซะแล้ว ฟางใช้สองนิ้วชี้กับนิ้วกลางชี้ไปี่รถนอน ฉับพลันไฟจากเตโชกสินก็ลุกพรึบขึ้นรอบรถ ความร้อนทำใ้ยายแก่ต้องขยับตัวเองไปนั่งอยู่กลางรถ พร้อมทั้งก่นด่าหยาบๆคายๆล้วนฟัแทบไม่ได้ แตนยืนบันทึกภาพไปด้วยใจี่เต้นระทึก เธอเห็นไฟลุกพรึบเดียวแล้วหายไปกับเห็นยายแก่ี่ทำท่าหดตัวใ้เล็กี่สุดเพื่อหนีความร้อน
“ นอนลง..นอนลงดีๆ ได้ยินมั๊ย ” ฟางสั่ง
“ ไม่ มึงมีสิทธิ์อะไราสั่งกูอีหน้าขาว” มันตะคอกใส่
“ นับหนึ่งถึงสามจะใ้โอกาสไปสู่ภพภูมิของเจ้าดีๆ ืจะใ้นายนิริยบาลาเก็บเจ้าไป หลบหนีเป็นนักโทษแหกคุกานานแล้วนี่เรา”
“ มึงรู้ ”
“ โอ้โฮ! คุยกันาขนาดนี้ ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่กูอีฟางแล้ว ”แตนหลุดขำหัวเราะกึกๆออกา เออ..ฟางก็มีโมเม้นท์นี้เหมือนกันเหรอ เธอคิด
“ ก็ได้.. นอนก็ได้ ดับไอ้ไฟนรกนี่ด้วย”มันต่อรอง
“ ถ้างั้นก็นอนลง แล้วอยู่ในอาการสงบ ถ้าไม่ถามไม่ต้องพูด ถ้าไม่ขยับไฟก็จะไม่ลุก ถ้าคิดหนีืจะกระโดดลงเมื่อไหร่ไฟจะลุกท่วมเจ้าทันที..เ้าใจมั๊ย? มันถลึงตาใส่อย่างจำยอมเพราะมันรู้สึกได้ว่าไม่ใช่ไฟธรรมดาแต่เป็นไฟี่ร้อนแรงและปวดแสบปวดร้อนี่สุดเท่าี่มันเคยเจอา พร้อมทั้งค่อยๆล้มตัวลงนอนอย่างจำใจ ด้วยอำนาจี่เหนือกว่า แต่..ไม่เคยมีสักนาทีเดียวี่มันไม่คิดหนี อีหน้าขาวนี่มันเป็นใครำไกูเห็นเงาเยอะแยะากายอยู่รอบตัวมัน ทำท่าเหมือนพร้อมี่จะกระทืบกูทุกเมื่อ มันนอนคิดเอามือก่ายหน้าผาก
“ stop เถอะแตน” ผีจำเป็นร้องบอก
“ แล้วเอาไงต่อล่ะฟาง”
“ เดี๋ยวฟางเรียกญาติแกเ้าาดูคลิปก่อน แล้วค่อยถามว่าเค้าจะเอายังไงต่อ”
ทันทีี่ญาติผู้ป่วยเ้าาประาณสี่ห้าคน ฟางึเปิดฉากพูดขึ้นทันที
“ ใครี่เป็นคนสังเกตุเห็นว่ายายปลั่งูผีปอบเ้าสิงจ๊ะ ”
“ อีรำเพย เพราะมันอยู่ดูแลแม่ตลอด” ชายี่ดูมีอายุี่สุดในกลุ่มตอบ
“ แล้วมีใครเชื่อเรื่องนี้อีกบ้าง ”
“ พวกเราอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อนก็เชื่อกันทุกคนแหละจ้ะ”
“ แล้วำไไม่ไปหาพระืผีร่างทรงใ้เค้าจัดการใ้ล่ะ ”
“ ไปแล้วพระก็ว่าเรื่องไล่ผีไม่ใช่กิจของสงฆ์ ”
“ กูว่าพระก็กลัวผีากกว่า ” มีเสียงหนึ่งในกลุ่มญาติของคนป่วยแทรกา
“ ไปหาผีร่างทรง มันก็ไปจัดการเค้าซ๊ะตายเรียบ ”
“ ห๊า.า.า.เอาถึงตายเลยเหรอ” แตนร้อง
“ ครับคุณ ”ชายร่างเล็กผอมเกร็งตอบ
“ แล้วำไถึงาี่นี่ล่ะจ๊ะ” ฟางถาม
“ คุณจะว่าพวกเราเหลวไหลไหมจ๊ะ” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มี่ชื่อรำเพยพูดขึ้น
“ อ๋อ..ไม่หรอกจ้ะ พูดเถอะ ถือว่าหาแนวทางช่วยเหลือร่วมกัน ก็แล้วกันนะ ”
“ ครือ..ว่า ฉันฝันสามคืนติดต่อกัน ฝันซ้ำๆเหมือนเดิมทุกคืน ึปรึกษาพี่ๆน้องๆว่าจะเอายังไงกันดี ” รำเพยอ้ำๆอึ้ง ชายร่างเล็กึพูดแทน
“ คืองี๊คุณ อีรำเพยมันบอกว่าแม่าเ้าฝันว่า แกน่ะตายไปนานแล้วแต่ี่เห็นอยู่นั่นคือผีปอบี่เ้าาสิงร่างแก มันกินตับไตไส้พุงหมดแล้ว แกก็พยามติดต่อกับคนนั้นคนนี้ก็ติดต่อไม่ได้เพราะแกไม่มีพลัง จนกระทั่งอีรำเพยมันไปสร้างพระถวายวัดแล้วอุทิศบุญใ้ แกึสาารถเ้าฝันมันได้ แกบอกใ้พาาี่โรงพยาบาลนี้จะพบคนี่จะช่วยได้ ”!
แตนกับฟางหันามองหน้ากันอย่างฉงนใจเป็นี่สุด นึกถึงคำพูดของคุณลุงของชัชวินทร์ขึ้นาทันทีี่..ความบังเอิญไม่มีในโลก..
“ เอาล่ะ..เอาล่ะ เดี๋ยวจะใ้ทุกคนดูคลิปี่ถ่ายไว้ เพื่อช่วยยืนยันอีกแรงหนึ่งว่าสิ่งี่พวกเธอคิดเป็นเรื่องจริง” แล้วแตนก็เปิดคลิบวิดิโอใ้บรรดาลูกๆของคนป่วยดู ดูจบแล้วรำเพยปิดหน้าร้องไห้ซิกๆ ผู้ชายหลายคนน้ำตาซึมถึงแม้จะสงสัยกันานานในเรื่องนี้ แต่เมื่อาพบความจริงว่าแม่ตายแล้ว ก็ยากจะทำใจ
“ จะนำร่างนี้ไปเผาเลย วัดก็คงไม่รับ เพราะแกก็จะหายใจ ลืมตาเหมือนคนป่วยหนักทั่วไป ต้องเอาผีออกก่อน แล้วค่อยเผา เอาออกี่นี่คงไม่ได้ เพราะยังไม่เป็นี่ยอมรับในพิธีกรรม”
“ คุณ ช่วยพวกเราด้วยเถอะ หาาหลายี่แล้วไม่มีใครทำใ้เห็นชัดคาตายังงี๊เลย จะใ้เราหอบอีผีปอบกลับบ้านไปอีกเราก็กลัว ช่วยหน่อยเถ๊อะแม่คุณ” แล้วทั้งหมดก็ทรุดตัวลงนั่งยองๆยกมือท่วมหัว
“ โอ๊ย..โอ๊ย..ไม่ต้องไหว้ ไม่ต้องไหว้ ขนาดนั้นหรอกจ้ะ ”
“ ฟาง ช่วยพวกเค้าเถอะนะ สงสารน่ะ
เป็น ก็ไม่เอากลับบ้านหรอก”
“ อืม..บ้านอยู่ไหนกันล่ะนี่ ” ฟางเอ่ยถาม
รำเพยเอ่ยชื่ออำเภอหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปยี่สิบสองกิโล ซึ่งก็ถือว่าไม่ไกลาก ขับรถยนต์แป๊บเดียวก็ถึง
“ ฟางไม่ไปคนเดียวหรอกนะแตน ”
“ อือ..เอาไงดี..เอาไงดี ”ต้นเรื่องเดินเอามือไพล่หลังกลับไปกลับาทำท่าครุ่นคิด หนึ่งหนุ่มในคณะไ้ซึ่งดูเหมือนจะอายุน้อยี่สุดพูดขึ้นว่า
“ เอายังงี๊ก็แล้วกันคุณ ขากลับผมจะขับรถนำทางาส่งใ้ถึงโรงพยาบาลเลยครับ ผมรับรองความปลอดภัย ”
ึเป็นอันตกลงตามี่หนุ่มคนนั้นพูด แต่ก็บังเอิ๊ญ..บังเอิญ การไ้รายนี้นานากนานกว่าปกติ แล้วยังไล่ผู้ช่วยใ้ออกไปอยู่นอกห้องอีก พี่ภัทราซึ่งกลับจากการประชุมเห็นสุดาี่ต้องช่วยประจำอยู่ห้องแตนออกาเม้าท์มอยอยู่ข้างนอก ึเดินไปถามว่า ำไไม่เ้าไปเสิฟเครื่องมือใ้ สุดาึเล่าใ้ฟั พอดีาญเดินาจะเ้าห้องเพราะูตาม ึถามว่า
“ ชุมนุมอะไรกัน” คุณภัทราึขยายเรื่องใ้ฟั
“ เราเ้าไปดูกันมั๊ย” เขาชวน
“ เ้าได้ก็ดีน่ะสิ เขาล็อคห้อง”หัวหน้าพยาบาลพูดหน้าคว่ำ
“ อ้าว..เหรอ งั้นก็ต้องรอน่ะสิ” ช่วงจังหวะพอดีกับแตนเปิดประตูออกา กวักมือเรียกสุดาใ้าเข็นรถไ้ออกไป สองหนุ่มสาวนักสืบรีบเดินเ้าไปหา
“ สุดาเอาไ้ไปฝากไว้ี่ห้องสังเกตุอาการก่อน ใ้นอนอยู่บนรถนอนแบบนี้นะอย่าเอาลง เดี๋ยวไ้หมดแล้วจะลงไปดู ”
“ ค่ะ คุณ” สุดารับคำ
“ แต้ว ไปตามผมบอกใ้าช่วยออก โอพีดีหน่อยไ้เยอะาก มีอะไรกันเหรอ” แตนหันหน้ากลับเ้าไปในห้องสบตากับฟางแล้วสองสาวก็ยักไหล่พร้อมๆกันทำนอง ความลับไม่เป็นความลับอีกแล้ว
“ แตนไ้ไปนะคะ ฟางจะพาาญกับพี่ภัทรไปี่ห้อง เดี๋ยวรายละเอียดฟางจัดการเอง ” แตนยกนิ้วขึ้นทำท่าโอเค
แล้วเรื่องราวี่เกิดขึ้นทุกอย่างก็ได้รับการถ่ายทอดอย่างละเอียด
“ เดี๋ยวเอารถผมไปใหญ่ดีนั่งได้สี่คนสบายๆ” เขาว่า
“ แล้วตอนนี้ไ้อยู่ไหน ไม่ใช่กระโดดหนีไปแล้วล่ะ”สาวใหญ่ถามขึ้น ฟางึตอบว่า
“ ใ้สุดาเข็นไปฝากไว้ี่ห้องสังเกตุอาการแล้วค่ะ ไม่กระโดดหนีหรอก เอาไฟล้อมไว้แล้ว ”
“ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะบอกว่าตลกล่ะ”ภัทราพูดแล้วยักไหล่
“ แล้วเดี๋ยวนี้ล่ะพี่” าญถาม
“ เดี๋ยวนี้เหรอ จุกคอหอย พูดไม่ออก มันไม่มีคำถามและไม่มีคำตอบรู้แต่ว่าถ้ามีใครถามก็จะบอกว่า ง่าวเอ๊ย..” แล้วเธอก็หัวเราะฮ่าๆเสียงดังอย่างปลดปล่อย ปลดปล่อยอะไรเธอก็ไม่รู้ ี่รู้แน่ๆคือ สักวันหนึ่งเธอต้องรู้ใ้ได้ว่าฟางทำทุกอย่างได้ยังไง และต้องรู้ด้วยตัวเองมิใช่รู้เพราะมีใคราบอกเล่า
“ ูแล้วค่ะ เราต้องมุ่งมั่นต้องรู้ในสิ่งี่เราอยากรู้ด้วยตัวเอง” ภัทราสะดุ้งโหยง เอาอีกแล้วนะ เรื่องการรู้ความคิดของคนอื่น ฟางขยิบตาใ้ทำนองรู้ทัน
“ เอ้อ..าญค่ะ ฟางรบกวนออกใบมรณะใ้ไ้รายนี้หน่อยได้มั๊ยคะ ”
“ ห๊ะ ! ตายแล้วเหรอ ” เขาอุทาน
“ เดี๋ยวพอปอบออกแกจะเน่าอย่างรวดเร็วเลยค่ะ ต้องรีบเอาไปวัดแล้วเผาทันที การมีใบมรณะติดไปด้วยจะทำใ้ทางวัดจัดการเผาได้สะดวกขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาไม่เผาใ้หรอกค่ะ เพราะกลัวเป็นศพมีคดี ”
“ โอ้พระเจ้า ฟางผมไม่อยากคบกับคุณแล้ว”
“ ยังกับน้องฟางมันอยากคบกับนักนี่ ”
แล้วทั้งสามก็หัวเราะใ้กันอย่างคนรู้ใจ
เย็นวันนั้นหลังเลิกงาน รถยนต์สองคันขับตามกันไป รถกระบะมีแค๊ปสีกระดำกระด่างค่อนข้างชราภาพขับนำหน้า โตโยต้าแคมรี่สีดำของาญขับตามหลัง เมื่อถึงบ้านไ้ก็เป็นเวลา17.30 น. อุปกรณ์ข้าวของี่ต้องการใช้ในพิธี ูตระเตรียมไว้แล้วจากญาติๆของรำเพยี่โทราส่งข่าวว่า ี่สงสัยว่าแมู่ผีปอบเ้าสิงนั้นเป็นเรื่องจริง ตอนนี้เจอี่จะไล่ปอบแล้วใ้เตรียมข้าวของเหล่านี้ไว้และใ้ไปนิมนต์หลวงตาี่วัดาด้วย เพื่อการนำไปเผาี่วัดจะได้เป็นเรื่องง่ายขึ้น เพราะในพิธีนี้จะต้องมีพระสงฆ์เป็นประธาน แค่นั้นแหละคนี่อยู่ทางบ้านก็เตรียมการกันอย่างโกลาหล เพราะจริงๆแล้วชาวบ้านเชื่อเรื่องทรงเจ้าเ้าผีากกว่าปริญญาในเมืองากนัก พอคณะของาญาถึง
“ ไหนวะ ผีน่ะอีรำเพย” ชายวัยกลางคนท่าทางจะเป็นผู้ใหญ่บ้านร้องถามเพราะเห็นแต่หนุ่มหล่อกับสาวสวยากันสามสี่คนไม่เห็นว่าใครจะมีทีท่าเป็นผีสักคน ชาวบ้านารวมตัวกันเรียกว่าเต็มใต้ถุนบ้าน บนแคร่มีพระภิกษุชรานั่งอยู่อย่างสงบ ต่างไต่ถามกันใ้จอแจไปหมด จนชายร่างเล็กี่ไปโรงพยาบาลด้วยยกสองมือทำท่าปรามใ้เงียบๆหน่อยแล้วเขาึสาวเท้าเ้าไปหาฟาง
“ จะใ้ทำยังไงต่อไป บอกเลยนะคุณ” เขาพูดกับฟางอย่างนอบน้อม เพราะเห็นฝีมือาแล้ว
“ คนนี้ืวะผี ”เริ่มมีเสียงโจษจันกันใ้เซ็งแซ่ าญึยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกใ้เงียบ ฟางึขอพบเฉพาะลูกๆของไ้และนำเขาเหล่านั้นเ้าไปกราบหลวงตาฟางเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างใ้ท่านฟั ภิกษุผู้ชราพยักหน้าอย่างเ้าใจ
“ ถ้างั้นก็รีบจัดการเถอะโยมมืดค่ำไปจะลำบาก ” หลังจากพูดคุยนัดแนะวางแผนกันอย่างละเอียดและรัดกุมว่าจะทำอย่างไร ใครมีหน้าี่อะไร งานนี้ถ้าจะพลาด ก็ต้องน้อยี่สุดทุกคนึเดินออกาจากแคร่ี่หลวงตานั่ง ฟางกราบหลวงตาแล้วพูดเบาๆใ้ได้ยินเฉพาะสองคนว่า
“ หลวงตาช่วยหนูอีกแรงนะคะ” หลวงตาหัวเราะ หึ หึ แล้วสถานี่ึูจัดเตรียมขึ้นอย่างง่ายๆเครื่องเซ่นี่เตรียมไวู้วางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆตั้งอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ ก็มีลาบลู่ ลาบเลือดดิบๆ เหล้าขาว หากพลู ข้างๆโต๊ะเครื่องเซ่นมีร่างของยายปลั่งนอนเหยียดยาวอยู่ มองเผินๆ เหมือนแกไม่หายใจแล้ว ฟางทำพิธีดับไฟบรรลัยกัลย์ี่โอมอ่านไว้ด้วยคาถารายล้อมยายปลั่งไว้ โดยตาเนื้อของมนุษย์จะมองไม่เห็น ชะรอยว่าพระภิกษุชราภาพรูปนั้นจะเห็น ท่านึยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องตาเหมือนกับว่าแสบตาในเปลวไฟนั้น ทันทีี่ไฟนั้นดับร่างของหญิงชราก็ลุกขึ้นนั่งแล้วโผเ้าหาโต๊ะเครื่องเซ่นอย่างหิวโหย มันลงมือกินอย่างมูมาม เลือดจากลาบลู่ไหลย้อยมุมปาก ช่างเป็นภาพี่น่าสพรึงกลัวยิ่งนัก
“ กูอยากโดดถีบแม่งมันใ้หงายท้องหงายไส้” ลูกชายคนเล็กของยายปลั่งขบเขี้ยวฟันพูดอย่างเจ็บแค้น รำเพยยื่นมือไปโอบไหล่น้องชายเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจใ้ใจเย็นๆ ฟางเดินวนรอบๆเสื่อ สายตาปอบผีสิงมองตามอย่างหวาดระแวง หลวงตาทราบด้วยญาณว่า โยมท่านนี้กำลังลงอักขระไว้รอบๆเสื่อต่อใ้มีปีกก็บินหนีไม่ได้ แล้วฟางก็ทรุดกายลงนั่งขัดสาธิเบื้องหลังร่างนั้น เมื่อเธอเห็นว่าเครื่องเซ่นหมดลงแล้ว ผีปอบในร่างยายปลั่งหันขวับาทันทีพร้อมทั้งกระถดถอยหนีไปชนกับอักขระี่ฟางลงไว้กระเด้งกลับเ้าาดีดดิ้นร้องเร่าๆ
“ เจ้าจะหนีไปไหน เราคุยกันแล้วไม่ใช่ื ว่าจะยอมใ้เราส่งเจ้าไปยังภพภูมิของเจ้า”
“ ภพภูมิของกูก็คือนรก กูไม่ไป๊ กูไม่ไป”
“ เจ้าแน่ใจนะ” ร่างนั้นทำท่าจะทยานพุ่งออกไปนอกเสื่อ ไทยมุงร้องวี๊ดว้ายแตกฮือ แต่ร่างนั้นเหมือนกระโจนเ้าหาเชือกี่ขึงเวทีนักมวยปล้ำคือเด้งดึ๋งกลับาี่เดิม ซ้ำยังมีรอยไฟไหม้ี่เสื้อผ้าเหมือนกระโจนเ้าหาลวดไฟฟ้า มันส่งเสียงร้องครวญคราง คราวนี้เปลี่ยนเสียงเป็นยายปลั่ง
“ ลูก..ลูกเอ๋ย..ลูกๆของแม่ ำไปล่อยใ้เขาาทำร้ายแม่อย่างนี้ รำเพย..รำเพยช่วยแม่ด้วย”
“ เดี๊ยวกูกระทืบซ้ำซะนี่” ชายร่างเล็กทำท่าปรี่เ้าใส่ ชายฉกรรน์เพื่อนบ้านหลายๆคนช่วยกันจับไว้
“ เอ้า..ว่าไง เราไม่มีเวลาากายอะไรี่จะต้องาเสียไปกับอสุรกายไร้ประโยชน์อย่างเจ้า” มันมองฟางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อด้วยความคลั่งแค้นี่ต้องเจ็บตัวเพราะนังหน้าขาวี่ดูไร้พิษสงคนนี้ ช่วงจังหวะี่ไม่มีใครคาดคิดนั้นเอง มันกระโจนพรวดหวังเ้าทำร้ายสาวร่างเล็กี่นั่งขัดสาธิเหมือนไม่ได้ระวังตัวอะไร..เสียงวี๊ดว๊ายอย่างหวาดเสียวเกิดขึ้น แต่มันคิดผิดซะแล้ว ร่างี่นั่งมองดูเหมือนสบายๆแต่..ขณะี่มันโจนทะยานเ้าใส่หวังคว้าก้านคอหักกร้วมแล้วกัดกินดูดเลือดใ้สาแก่ใจเหมือนผีอื่นๆี่มันทำา
..แต่อนิจาวาระสุดท้ายของมันก็าถึงเช่นกัน รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ฟางคว้าคอมันหมับเ้าใ้ด้วยมือเพียงข้างเดียวอีกมือเตรียมพร้อมอยู่แล้วด้วยขวดเปล่าน้ำโพลาลิสธรรมดาๆี่ใครๆก็ไม่เห็นว่าเธอเตรียมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่ามกลางสายตาี่ตื่นเต้นสุดขีดกับเหตุการณ์ระทึกขวัญี่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ทุกคนเห็นกับตาว่า เหมือนการถ่ายเทของเหลวจากปากยายปลั่งไปสู่ขวดนัำ ร่างนั้นส่งเสียงร้องดั่งควายูเชือด เมื่อของเหลวข้นดำไหลเ้าไปในขวด ร่างนั้นดิ้นเร่าๆ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะจับได้อยู่หมัดเพียงแค่มือเดียว แล้วร่างนั้นก็แน่นิ่งเมื่อน้ำข้นๆสีดำนั้นหยุดไหล ฟางรีบปิดฝาขวดแล้วผลักร่างนั้นออกไป ร้องบอกใ้ลูกชายของยายปลั่ง
“ ม้วนเสื่อห่อร่างไว้เลย รำเพยไปเอาสายสินญ์จากหลวงตาามัดตราสังฆ์ศพเลย แล้วหนุ่มๆรีบยกใส่ท้ายกะบะ ขับไปวัดทันที เดี๋ยวหลวงตาจะไปกับพี่ ” ฟางบัญชาการเร็วปรื๊อ ทุกอย่างวางแผนตระเตรียมไว้แล้วตามสไตร์การทำงานของหนุ่มสาวชุดนี้ าญไปนิมนต์หลวงตาขึ้นนั่งรถตอนหน้าคู่ไปกับเขา สามสาวโดดเ้านั่งตอนหลังอย่างฉับไวแล่นตามรถกะบะคันนั้นไปี่วัดทันที
บรรดาลูกๆของยายปลั่งก็กระโดดขึ้นรถกะบะกันไปหมด ส่วนไทยมุงี่มีรถมอเตอร์ไซค์ก็แว๊นตามกันไปอย่างอยากรู้อยากเห็น พอถึงวัดสัปเหร่อรออยู่แล้วตามการนัดหาย ศพของยายปลั่งูยกลงา ชั่วระยะทางเวลาไม่ถึงสิบนาทีจากบ้านาวัด ศพเน่าเฟะ น้ำเหลืองไหล สัปเหร่อต้องรีบเฉาะมะพร้าวล้างหน้าศพ แล้วจะรีบยัดเ้าเตาเผา รถของาญและหลวงตาก็าถึง ฟางรีบวิ่งขึ้นไปบนเมรุทันที
“ เดี๋ยวเอาขวดนี่เ้าไปเผาด้วย” ฟางส่งขวดี่บรรจุน้ำข้นขลักสีดำใ้สัปเหร่อซึ่งก็รับไปอย่างง่ายดาย..เพราะเขาไม่รู้ว่าอะไร
“ หลวงตานิมนต์บังสกุลเจ้าค่ะ” ฟางรีบบอก
“ โยมกำกับมันไปด้วยนะ”
“ ค่ะ หลวงตา” ฟางทรุดตัวลงนั่งขัดสาธิ พร้อมทั้งสวดภาษาี่..แม้แต่หลวงตาซึ่งบวชาหลายสิบพรรษาก็ไม่เคยได้ยิน ทั้งร่างทั้งขวดบรรจุผีร้ายูยัดเ้าเตาเผาระบบไฟฟ้า เรียบร้อยแล้วสวิทย์ูสับใ้ทำงาน เปลวไฟแลบออกาใ้เห็น และสิ่งี่สัปเหร่อต้องกระโดดโหยงและร้องลั่นอย่างตกใจ
“ เฮ้ย.ย.ย อะไรว๊ะ” ก็คือ เสียงภายในเตาเผาี่มีเสียงเหมือนการดิ้นรนเอาตัวกระแทกฝาเตาจะออกาใ้ได้ ทั้งหลวงตาและฟางผนึกกำลังกัน เหมือนช่วยกันดันอะไรบางอย่างี่หนัก ากๆและมันกำลังพยายามผลักฝาเตาเผาออกา จนในี่สุดเสียงนั้นก็ค่อยๆสงบลง
“ ชิ๊บหายเอ๊ย..กินแม่กูหมดตับไตไส้พุง อีผีเหี้ยกูขอใ้มึงตกนรกมหานรกชั่วกัปชั่วกัลป์ ” ลูกชายคนเล็กของยายปลั่งก่นด่าอย่างโกรธแค้น
“ พรุ่งนี้ก็ข้าวหม้อแกงหม้อาทำบุญี่วัดกันนะ เถ้ากระดูกทั้งหมดใ้โกยใส่ผ้าขาวแล้วเอาไปถ่วงน้ำใ้หมด อย่างนั้นใช่มั๊ยคะหลวงตา”ฟางพนมมือถามพระภิกษุชราพ
“ แล้วแต่โยมเห็นสมควรเถอะ นี่ก็ทุ่มกว่าแล้วหลวงตาต้องไปทำวัดเย็น วันนี้ผิดเวลาไปเยอะ” ท่านว่าพร้อมทั้งเดินจากไปอย่างสงบ ทุกคนี่อยู่ ณ.ี่นั้น ทรุดตัวลงนั่งพนมมือท่วมหัว สาธุๆๆ
หนึ่งหนุ่มกับสามสาวก็จับกลุ่มคุยกันว่าจะกลับโรงพยาบาลกันเลยืจะย้อนไปี่บ้านของผู้วายชนม์อีก ฟางึกวักมือเรียกรำเพย
“ รำเพย..รำเพย..” สาวชาวบ้านี่หน้ายังเปื้อนน้ำตาเดินเ้าา ลูกๆของยายปลั่งึพากันเ้าาด้วย ต่างพากันยั่งยองๆยกมือไหว้ขอบคุณ
“ ไม่เป็นไร..ไม่เป็นไร ลุกขึ้นเถอะ” ฟางว่า
“ ปรึกษากันแล้ว คิดว่าจะลาทุกๆคนี่วัดนี่เลย เพราะถ้าดึกจะเดินทางลำบาก เพราะไม่ค่อยคุ้นถนนหนทาง” าญพูดขึ้นเมื่อลูกๆของยายปลั่งาพร้อมหน้า
“ เดี๋ยวผมขับรถนำทางไปใ้ครับ” โชเฟอร์รถกระบะพูดขึ้น
“ อย่าเลยจ้ะ เราคิดว่าจะกลับกันเอง เพราะพวกเธอยังมีอะไรี่ต้องทำกันอีกเยอะ แล้วทางเราก็มีฟางคนเก่งไปด้วย ว่าแต่ทางเธอไม่กลัวกันนะ ” หัวหน้าพยาบาลพูดขึ้น
“ กลัวจนหายกลัวแล้วครับ ” ชายี่ดูเหมือนจะเป็นพี่คนโตพูดขึ้น
“ รำเพยไม่รู้จะขอบใจทุกคนยังไงดี บุญคุณนี้รำเพยจะไม่ลืมเลยจ้ะ”
“ ไม่เป็นไร ช่วยๆกันน่ะ” ฟางพูดสั้นๆแตนึพูดต่อว่า
“ งั้นเรากลับกันเถอะ ไปล่ะนะ ลาก่อนจ้ะทุกๆคน” ต่างโบกไม้โบกมือใ้กัน และก่อนี่ฟางจะขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย น่าจะเป็นลูกชายคนสุดท้องของยายปลั่งซึ่งดูอายุน้อยี่สุดและหน้าตาดี ถลาเ้าาหาและพูดอย่างอายๆว่า
“ คุณไม่มีอะไรใ้พวกผมไว้กันผีบ้างืครับ ” ฟางหันามองเขาแล้วหัวเราะเบาๆด้วยความเอ็นดูึเอามือลูบศรีษะแล้วทำท่าเป่าเพี้ยงลงไปอย่างล้อเลียน คราวนี้แหละมีการต่อแถวเ้าคิวใ้เจ้าแม่ฟางเป่าหัวกันเป็นแถวยาวเหยียดเลย ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเขาศรัทธาเสียแล้ว พวกี่อยู่ในรถต่างพากันยิ้ม
“ เอ้อ..เป็นยังงั้นไป” พี่ภัทราหัวเราะเบาๆ
จบตอนี่ 3 ไ้ของแตน
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??