เรื่อง อสูรทลายสวรรค์ [แปลจบแล้ว]
เมืองชางใยามค่ำคืนยังคงสวยงามและ่าหลงใ เป็นเมืองเก่าแก่ทางใต้เขตปกครองเทพสงครามที่ไม่รู้ว่าสถาปนาขึ้นมาเป็นเวลายาวนานเท่าใดแล้ว มันยังคงแผ่กลิ่นอายา่าหลงใและาเปล่าเปลี่ยววังเวงออกมาไม่ขาด
นับจากหลายพันปีก่อนที่ชายคนหนึ่งชื่อว่าเย่หวงเิเข้ามาภายใเมืองแห่งนี้แล้วก่อตั้งบ้านตระกูลเย่ขึ้น เมืองแห่งนี้จึงถูกปะทับตราตระกูลเย่ลงไป่ามั่นคง เมืองชางจึงเป็นตระกูลเย่และตระกูลเย่เป็นเมืองชาง
เสว่อู๋เหินเิอยู่บนถนนใหญ่หมายเลขสิบสาม่ารู้สึกเบื่อห่าย ข้างามีผู้เฒ่าม่อและผู้เฒ่าสือคอยติดตาม ค่ำคืนภายใเมืองชางสวยงดงาม่าแท้จริง สาวๆ ที่ถนนแห่งนี้ค่อนข้างจะกระตือรือร้นเอาใจมาก่าหอนางโลมที่เมืองเพียวเสว่ เพียงแต่เขาก็ยังคงเบื่อห่ายและรู้สึกอับจนปัญญาอยู่เช่นเดิม
พักอยู่ที่เมืองชางมาเดือน่า ภายใตระกูลเสว่มีข่าวซุบซิบกันว่าเขาออกมาฝึกฝนฝีมือคราวนี้ ฝึกฝนจนถึงถนนหมายเลขสิบสามไปเสียแล้ว าหมายคือไม่พอใจและเป็นกังวล ส่วนทางตระกูลเย่ก็มีข่าวลือที่ไม่ดีต่อเขาเกิดขึ้น แน่นอนว่าหนีไม่พ้นพวกมักมากใกาม พวกหนุ่มเจ้าสำราญ
จะมีก็เพียงแต่ผู้เฒ่าม่อและผู้เฒ่าสือที่อยู่ข้างาเท่าั้ที่รู้ว่า - นายน้อยไม่มีทางเลือกเลยจริงๆ หากไม่หาอะไรทำ ไม่แสดงอะไรบาง่าเพื่อเบนาสนใจ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ใบ้านตระกูลเย่คนอื่นจะสงสัยเอาได้ ดังั้ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทั้งสามคนเิเข้าออกแทบจะหมดทุกร้านภายใถนนหมายเลขสิบสามแห่งนี้แล้ว
“ทางเมืองหมันยังไม่ส่งข่าวมาเลยหรือ?”
เสว่อู๋เหินมองดูปะูหอนางโลมที่อยู่ด้าน้า เสียงเรียกหญิงสาวหลายนางพร้อมทั้งส่งสายตาเขย่า้าอกภูเขาไฟมาทางเขาอยู่ไม่ขาด
ได้ยินผู้เป็นนายเอ่ยถามขึ้นผู้เฒ่าม่อที่อยู่ด้านัรีบเิก้าวขึ้นมาพร้อมกับตอบออกมา่านอบน้อม “นี้ยังไม่มี แต่ข้าน้อยคาดว่าคงอีกไม่นาน”
“ไอ้พวกขยะไร้ปะโยชน์” เสว่อู๋เหินด่าออกมาเสียงต่ำ จากั้จึงเิมุดหายเข้าไปยังหอนางโลมเบื้อง้า
หอนางโลมแห่งนี้ชื่อว่าหอร้อยบุปผา ตั้งอยู่ใจกลางถนนหมายเลขสิบสาม ทำธุรกิจขายเนื้อหนังมังสา แม่เล้าหอชื่อว่าเฟิ้งเจ่ เฟิ้งเจ่แม้จะมีอายุที่สามารถเป็นแม่คนได้หลายคนแล้วก็ตามที แต่ัดูไม่แก่เท่าใดนัก ้าตายังดูสาวราวเด็กสาวอายุยี่สิบต้นๆ มีดวงตาหงส์หยกที่ทรงเสน่ห์เย้ายวน
ดวงตาคู่นางไม่เพียงสวยงามแต่ยังมองคนออกอีกต่างหาก นี้นางกำลังเิลงมาจากชั้นบน สายตามองไปเห็นพวกเสว่อู๋เหินสามคนเิผ่านปะูเข้ามา นางเอ่ยปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะยิ่ง่าเสียงนกขมิ้น “้า! วันนี้ได้ยินเสียงเหล่าหมู่นกน้อยข้าร้องเจื้อยแจ้วกันอยู่ไม่หยุดตั้งแต่เช้า ข้าก็คิดอยู่ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น นี้พบคุณชายเสว่ข้าถึงเข้าใจได้โดยทันที”
“แม่นางเฟิ้งเกรงอกเกรงใจเกินไปแล้ว” เสว่อู๋เหินพยัก้า่าราบเรียบไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ากล่าวปะจบปะแจงเช่นนี้แม้จะฟังแล้วรื่นหู แต่ได้ยินทุกวันก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาเหมือนกัน
“แบบเดิม?” เฟิ้งเจ่ยิ้มพรายออกมา
เสว่อู๋เหินยิ้มราบเรียบออกมาแล้วเิตรงขึ้นไปชั้นบน เิเข้าไปภายให้องที่จัดเตรียมไว้โดยเฉพาะห้องหนึ่ง ห้องนี้ไม่เหมือนกับห้องอื่นทั่วๆ ไปที่มีเตียงนอนใบใหญ่สีชมพู ุกำยานกลิ่นไม้จันทน์หอมตลบอบอวล ที่นี่มีเพียงโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากไม้จันทน์ไม่กี่ตัว ภาพวาดภูเขาลำธารหนึ่งผืน ดูราวกับว่าไม่ใช่หอนางโลมแต่เป็นห้องสมุดไปห้องหนึ่ง
ปะูด้านข้างห้องถูกเปิออก แม่เล้าเฟิ้งดวงตาทอปะาแสงวาบผ่านพร้อมกับโค้งคำนับไปครั้งหนึ่ง ใบ้าเคร่งขรึมไม่หลงเหลือเสน่ห์ยั่วยวนใดๆ ให้เห็นแม้แต่น้อย
“เตรียมาไปถึงขั้นไหนแล้ว?” เสว่อู๋เหินพยัก้าด้วยสี้าราบเรียบ ยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบ
แม่เล้าเฟิ้งรีบโน้มตัวลงแล้วพูดออกมา่าเคารพนอบน้อมว่า “เีนายน้อย บ่าวเตรียมาลงมือใอีกห้าวันข้าง้า นี้ได้จัดเตรียมา่าลับทีุ่ นอกเสียจา่าตาแกตายยากทั้งสามตระกูลเย่จะลงมือเ ภารกิจใครั้งนี้รับรองต้องสำเร็จ่าแน่นอน”
“ไม่ร้ายแรงขนาดั้ ส่วนทางตระกูลเย่ข้าจะจัดาเ ข้าแค่อยากให้เจ้ารับปะกันว่านางเด็กนั่นจะไม่ตายก่อนที่จะถูกส่งไปถึงเมืองเพียวเสว่ หากนางตายเจ้าก็จะไม่รอดเช่นกัน” เสว่อู๋เหินเริ่มอับจนปัญญา า ทางอ้อมและทางด้านัล้วนไม่ได้ เขาเลยต้องลองเสี่ยงดู นางเด็กนั่นเขาจำเป็น่ายิ่งที่ต้องได้มาครอง!
ก๊อกๆๆ
ภายนอกัมีเสียงเคาะปะูดังขึ้น เสว่อู๋เหินรู้สึกหงุดหงิดรำคาญขึ้นมาเล็กน้อย สายตามองไปทางเฟิ้งเจ่่าตำหนิโทษ เฟิ้งเจ่รีบโค้งคำนับเป็นาไถ่โทษ นางเปิปะูเิออกไปพูดคุยอยู่ชั่วครู่
เอี๊ยด!
เสียงปะูถูกผลักออกอีกครั้ง เฟิ้งเจ่เิเข้ามาด้วยสี้าเคร่งเครียดพร้อมกับพูดขึ้น “ดูท่าว่าภารกิจใครั้งนี้ต้องรีบดำเนินาก่อนกำหนดเสียแล้ว โดยเฉพาะ่ายิ่งดีทีุ่คือคืนนี้”
“เกิดอะไรขึ้น?” เสว่อู๋เหินขมวดคิ้วรู้สึกได้ถึงเื่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้น
“พวกเสว่อีพี่น้องทั้งห้าตายหมดแล้ว และเป็นเย่ชิงหานคนเดียวที่ฆ่าทั้งหมด โดยเฉพาะ่ายิ่งนี้เย่ชิงหานกำลังรีบเร่งเิทางัมายังเมืองชาง หากนายน้อยยังยืนกรานจะทำภารกิจอยู่อีกละก็คงต้องรีบแล้ว” เฟิ้งเจ่สะกดกลั้นาหวาดผวาที่อยู่ภายใใจ พยายามพูดออกมาให้ดูสงบราบเรียบทีุ่
เพล้ง!
แก้วชาที่อยู่ใมือัหล่นลงสู่พื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสว่อู๋เหินอ้าปากกว้างคล้ายอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ผู้เฒ่าม่อและผู้เฒ่าสือกำลังใช้สมองขบคิดถึงาหมายที่แฝงลึกอยู่ภายใข่าวสารที่ได้ฟัง
“เรียกคนที่มาส่งข่าวเข้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้” ผ่านไปเนิ่นนานเสว่อู๋เหินัเปิปากพูดขึ้น น้ำเสียงทั้งเฉยเมยทั้งเย็นชา
หนิวจินกับผู้คุ้มกันอีกคนถูกเรียกตัวเข้ามา มองเห็นเด็กหนุ่มใบ้าหล่อเหลานั่งอยู่เก้าอี้ด้านหัวุจึงรีบโค้งคำนับ จากั้เล่าเหตุาณ์ทั้งหมดออกมา่าไม่ตกหล่น เขารู้ว่าหากพูดผิดพลาดแม้แต่น้อยชีวิตตนเจะต้องเลือนหายไปแน่ เด็กหนุ่มที่อยู่ตรง้านี้มีอำนาจและพลังฝีมือที่จะทำ่าั้ได้
“พอแล้ว พวกเจ้าสามคนออกไปได้ เฟิ้งเจ่จัดหาที่พักให้พวกเขาด้วย ให้อยู่เล่นสนุกสักวันวัน” ัจากที่พวกหนิวจินทั้งสามเข้ามาเสว่อู๋เหินก็ัมาสงบเยือกเย็นอีกครั้ง ภายใใจแม้จะราวกับคลื่นใหญ่โหมซัด แต่ก็ต้องฝืนบังคับข่มเอาไว้ ต่อ้าบ่าวรับใช้เขาต้องสงบเยือกเย็นเท่าั้และจำเป็น่ายิ่ง
“ดำเนินาภายใคืนนี้”
เสว่อู๋เหินครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ัลุกขึ้นแล้วพูดออกมาปะโยคหนึ่ง จากั้เปิปะูจากไป่ารวดเร็ว
.................................
สวนเมามายเขตตะวันตกบ้านตระกูลเย่
เย่ชิงขวงซึ่งเป็นนายน้อยใหญ่ตระกูลเย่ นี้ัไม่ได้ทำตัวเหมือนพวกนายน้อยตระกูลทั่วไปที่ยังคงวนเวียนอยู่บนถนนหมายเลขสิบสามเสพสุขกับเหล่าสาวงาม หรืออยู่สถานที่ใดสักที่อวดศักดิ์ดาบารมีตระกูลและบิดาตน แต่เขาันั่งนิ่งอยู่ภายใลานที่พักหลับตาฝึกฝนพลังปราณรบ่ามุมานะ
หลายคนอาจไม่รู้และไม่เข้าใจ เย่ชิงขวงใช้เวลาใาฝึกฝนพลังยุทธ์มาก่าเวลาหลับนอนหรือเวลาเที่ยวเล่นสนุกเขาเสียอีก มีเพียงตัวเขาเท่าั้ที่รู้ดีว่าทำไมต้องมุมานะพยายาม? ทำไมต้องพยายาม่าุชีวิต?
เาะเขาคือเย่ชิงขวง คือนายน้อยใหญ่ตระกูล ผู้สืบทอดลำดับหนึ่งตระกูล ถ้าหากไม่มุมานะพยายามอีกหลายปีข้าง้าเขาอาจจะไม่ใช่นายน้อยใหญ่แล้วก็เป็นได้ และอาจจะไม่ใช่ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งตระกูล ดังั้จึงต้องมุมานะพยายาม ต้องพยายาม่าุชีวิต
หลายปีก่อน เขารู้ว่าบิดาที่เป็นจ้าวเมืองเมืองชางแม้จะมีอำนาจบารมีล้นฟ้า แต่บิดาัไม่มีาสุข เาะว่าทั้งชีวิตถูกชื่อคนๆ หนึ่งกดทับอยู่ตลอด ที่เจ้าชื่อั้ยังมีชีวิตอยู่บิดาตนถูกกดทับรัศมีจนโงหัวไม่ขึ้น แต่ัจากที่คนผู้ั้ได้ตายไปชื่อเขาัยังคงเป็นเหมือนขุนเขาใหญ่ที่ขวางกั้นบิดาไม่สามารถจะข้ามผ่านไปได้ แม้ว่าคนผู้ั้ตายไปแล้ว ท่านปู่เร้นา บิดาขึ้นรับตำแหน่งต่อ แต่หลายคนัรู้สึ่าตำแหน่งที่บิดาขึ้นรับช่วงต่อั้ดูค่อนข้างไม่มั่นคงไปสักหน่อย
ดังั้เขาจะต้องมุมานะพยายามฝึกฝนให้มากเพื่อทำให้ตำแหน่งบิดามั่นคงและสงบสุขมากยิ่งขึ้น และเขาเย่ชิงขวงต้องมีสักวันที่จะข้ามผ่านคนผู้ั้ให้ได้ เอาแสงสว่างทั้งหมดภายใตระกูลมาสวมไว้บนร่างตนเเพียงผู้เดียว ทำลายขุนเขาลูกใหญ่ที่กดทับบิดาให้พังลงไปและทำให้ชื่อตนเสั่นสะเทือนไปทั่วเขตปกครองเทพสงครามหรือกระทั่งทวีปมังกรเพลิง
เสว่อู๋เหินแน่นอนว่าไม่สามารถรับรู้ได้ถึงปณิธานภายใใจเย่ชิงขวง เขารู้แต่เพียงว่าคืนนี้เขาต้องพบกับเย่ชิงขวงให้ได้ และต้องพูดให้เย่ชิงขวงร่วมมือกับเขา ดังั้เขาจึงรีบออกมาจากถนนหมายเลขสิบสามเิทางมายังสวนเมามาย่าเร่งรีบพ
“นายน้อยเสว่ มีเื่อะไรถึงได้รีบร้อนขนาดนี้?”
“มาหาเจ้ามีเื่จะปรึกษาเสียหน่อย” เสว่อู๋เหินสี้าอาาร้อนรน พูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“อ้อ? เข้าใจแล้ว!” เย่ชิงขวงส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้ออกไปก่อน เขายิ้ม่าอ่อนหวาน เมื่อครั้งก่อนเส่วอู๋เหินพูด่านี้กับเขา ผลลัพธ์คือเขาได้รับยาพลังปราณหิมะสิบกระปุก แม้ธุระจะยังทำไม่สำเร็จแต่เสว่อู๋เหินก็ยังมอบให้่าใจกว้าง ดังั้เมื่อเห็นสี้าเสว่อู๋เหินเขารู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเื่ดีเกิดขึ้นกับตนเ่าแน่นอน จึงได้พูดขึ้นด้วยาตื่นเต้นดีใจ “เชิญนายน้อยเสว่ว่ามาเลย เื่ท่านก็เหมือนกับเื่ข้า หากข้าทำได้ข้าจะทำให้เต็มที่”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??