เรื่อง ตำรับรักข้าวโพดหวาน จบแล้ว (yaoi)
ฝักี่ 3
ช่วงเย็นี่อากาศเริ่มเย็นสบายปลอดโปร่ง แต่นั่นคงไม่ใช่บรรยากาศี่บ้านไม้หลังเล็กของครอบครัวดินแน่นอน
เสียงเอะอะโวยวายพร้อมกับกลุ่มควันี่พวยพุ่งออกมาจากส่วนี่เป็นครัวของบ้าน หากมีใครมาพบเห็นภาพนี้คงต้องตกใจและคิดไปว่ากำลังเกิดเพลิงไหม้ี่บ้านหลังนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
... เจ้าแน่ใจนะว่ากำลังทำอาหารเย็นอยู่ ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังวางแผนฆ่าคนในบ้านอยู่ใช่มั้ย ห๊ะ! ~~~” นายมั่นพูดจบก็จามอย่างเอาเป็นเอาตาย อันเป็นผลจากการทำอาหารสูตรเด็ดี่เจ้าลูกชายตัวดีอวดนักอวดหนาว่าอร่อยเหาะ! แล้วเป็นอย่างไรล่ะ หันไปมองภรรยาและบุตรชายคนเล็กี่ไอจามกันจนหน้าแดงหน้าดำกันอยู่ข้าง เมื่อเห็นสภาพสมาชิกในบ้านแล้ว บิดาของดินอดจะบ่นเสียงดังให้เจ้าตัวดีี่อยู่ในครัวได้ยินเสียไม่ได้
สูตรอาหารรสเด็ดของเจ้ามันช่างร้ายกาจนัก ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่เข้าครัวทำอาหารเช่นนี้บ่อยหรอกนะ เฮ้อ~ ~~”
อาหารใกล้เสร็จหรือยังล่ะดิน จะให้แม่เข้าไปช่วยอีกแรงมั้ย แล้วระวังสูดควันเข้าไปมากๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะลูก..” นางพิมตะโกนถามจากหน้าบ้านด้วยความเป็นห่วง พลางสอดส่ายสายตาพยายามมองเข้าไปภายในห้องครัว เพื่อดูว่าบุตรชายคนโตนั้นยังอยู่ดีหรือไม่
ท่านห้ามลืมทำขนมบัวลอยเผือกของข้าด้วยนะขอรับ ไม่งั้นวันนี้ข้าจะไม่ยอมให้ท่านนอนกอดด้วยดินชะเง้อหน้าออกไปมองดูเจ้าน้องชายี่กำลังกระโดดเหยงๆ อยู่ข้างๆ ท่านแม่ ี่กำลังโบกพัดไล่ควันให้เจ้าตัวดีอยู่ เขานั้นอยากจะรู้จริงๆ ว่าระหว่างของกินกับพี่ชายอย่างตนนั้น เจ้านัทซึจะเลือกอะไรกัน แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงี่จะถามออกไป เพราะกลัวจะรับความจริงไม่ไหว หลังจากพืชผักต่างๆ ี่เพาะปลูกไว้เริ่มี่จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว และรวมถึงเขานั้นสามารถประดิษฐ์สร้างแหสำหรับจับปลาขึ้นมาได้สำเร็จแล้วด้วย ก็ส่งผลให้อาหารการกินในแต่ละมื้อนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กับข้าวบนโต๊ะอาหารของครอบครัวตนเดี๋ยวนี้นั้นมีหลากหลายมากขึ้น
แต่เหลือเพียงแค่ข้าวเท่านั้นี่ดินยังไม่สามารถปลูกมันได้ จึงต้องเอาพวกพืชผักและปลาี่มีอยู่นั้น นำไปแลกเปลี่ยนี่ร้านขายข้าวสารเพื่อเอามาหุงกินกันไปก่อน อีกอย่างการปลูกข้าวนั้นนอกจากจะต้องเตรียมพื้นี่ปลูกแล้ว ยังต้องรอฤดูกาลี่เหมาะสมอีกด้วย ซึ่งคงจะปลูกในปีนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้วเพราะอีกไม่นานนักี่นี่ก็จะเปลี่ยนเป็นฤดูหนาวแล้ว
ในี่สุดอาหารสูตรเด็ดี่เรียกว่าผัดกะเพราก็เสร็จลุล่วงไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง ด้วยกลัวว่าการเข้าครัวของบุตรชายคนโตในครั้งนี้นั้น อาจจะนำความหายนะทำให้ทุกคนกลายเป็นคนไร้บ้านโดยปัจจุบันทันด่วนเสียก็ได้ หรือไม่ก็เจอบุตรชายนอนอืดอยู่ภายในห้องครัวเพราะแพ้ภัยตนเอง จนสำลักควันพิษดับอนาจเสียก็ได้ นับว่ายังเป็นโชคดีของพวกเขาี่เหตุการณ์ทั้งสองอย่างนั้นไม่เกิดขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงดินตะโกนเรียกให้ทุกคนเข้ามากินข้าว คนทั้งสามี่รออยู่ด้านนอกบ้านก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
~ วันนี้อาหารเยอะจัง แถมหน้าตาอาหารก็แปลก ท่านพี่เก่งจังเลยขอรับ..” นัทซึี่เห็นจานอาหารวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะมากกว่าทุกทีก็ตื่นเต้นตาวาว ด้วยปกติแล้วกับข้าวแต่ละมื้ออย่างมากก็มีไม่เคยเกินสองอย่างเท่านั้น แถมบางวันยังต้องกินอาหารเดิมซ้ำๆ อีกด้วย
ดินนั้นพอถูกน้องชายชมก็ยิ้มหน้าบานเฉ่ง หากแต่จะหน้าบานยิ่งกว่านี้ถ้าหากไม่มีเสียงของบิดาเข้ามาขัดเสียก่อน
หน้าตาอาหารประหลาดยิ่งนัก เจ้าแน่ใจนะว่ากินเข้าไปแล้วจะไม่ท้องเสียนะเจ้าดิน..” นายมั่นอดี่จะระแวงไม่ได้ ด้วยความี่ไม่เคยเห็นอาหารชนิดนี้มาก่อน
ท่านพ่อลองชิมก่อนเถอะขอรับ แล้วท่านจะติดใจจนลืมไม่ลงเลยล่ะ เดี๋ยวข้าขอแนะนำอาหารก่อน เริ่มจากจานแรกคือผัดกระเพรากุ้งแม่น้ำ อันนี้เป็นจานเด็ดของมื้อนี้เลยนะขอรับ จานี่สองปลาราดพริก ถ้วยนี้คือต้มยำเห็ดฟาง จานสุดท้ายผัดผักบุ้งไฟแดง แล้วส่วนของหวานเป็นบัวลอยเผือกไข่หวานขอรับ ข้ารับรองว่าอร่อยทุกจานถึงแม้ว่าส่วนผสมอาจจะไม่ครบ แต่ข้าขอรับประกันความอร่อยเลยล่ะ..”
ดินเมื่อเห็นว่าบิดายังไม่มีท่าทีจะเชื่อในคำพูดี่บอกไป จึงได้ยื่นข้อเสนอใหม่ให้ไป เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ขอรับ หากท่านชิมแล้วมันไม่อร่อย ข้าจะยอมอนุญาติให้ท่านพ่อเอาไหสุรา มาเก็บี่ใต้เตียงของข้าได้ไม่จำกัดดีมั้ยขอรับสิ้นคำว่าไหสุราี่เจ้าบุตรชายตัวดีเอ่ยออกมา นายมั่นก็สะดุ้งโหยงออกอาการร้อนๆ หนาวๆ อย่างคนี่มีความผิดปิดบังไว้ แล้วก็แอบชายตาไปมองภรรยาเล็กน้อย ก็ได้เห็นว่านางนั้นกำลังส่งสายตาเขี้ยวปั๊ดมาให้ จึงรีบก้มหลบสายตาแทบไม่ทัน ภรรยาตนนั้นไม่ชอบให้ดื่มเหล้า ด้วยเป็นห่วงเรื่องสุขภาพและกลัวว่าจะเป็นแบบอย่างี่ไม่ดีให้กับลูกๆ ด้วย
นายมั่นได้แต่กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเหตุี่ว่าเจ้าบุตรคนโตนั้น ย่อมรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีแต่กลับนำเอาเรื่องนี้มาแฉเสียได้ ความี่มีชนักปักหลังอยู่นายมั่นจึงได้แต่ส่งยิ้มหวานไปให้ภรรยาสุดี่รัก เผื่อบางทีนางอาจจะใจเย็นลงบ้าง แล้วโทษทัณฑ์ของตนนั้นจะได้เบาลงสักนิดก็ยังดี หากแต่เจ้าลูกชายตัวต้นเหตุกลับยิ่งหัวเราะขบขำไม่ได้สำนึกถึงความผิดเลยสักนิด
ไอ้ลูกเวร หากเจ้าไม่มีน้องเพิ่มในปีนี้ ข้าจะยุแยงให้เจ้านัทซึแยกเตียงนอนกับเจ้าเลย คอยดูสิ!’
หลังจากช่วยมารดาเก็บล้างถ้วยชามเสร็จเรียบร้อย ดินก็ปลีกตัวออกมาเดินย่อยอาหารี่ริมชายป่าชั้นนอก ซึ่งเป็นพื้นี่ี่ทุกคนสามารถเข้าได้มา จริงๆ แล้วพื้นี่ส่วนนี้นั้นทางอำเภอได้แบ่งเอาไว้ให้คนี่ไม่มีป้ายศิลาเวทย์เข้ามาเก็บหาของป่าเพื่อประทังชีพ แต่ด้วยความี่เป็นพื้นี่สาธารณะจึงไม่ค่อยมีสิ่งใดให้เก็บไปใช้ประโยชน์ได้เลย!
เมื่อชมนกชมไม้จนพอใจและใกล้ถึงเวลาค่ำแล้ว ดินจึงหันหลังกลับเข้าบ้านเพื่อไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำ ก่อนี่จะไปอาบี่แม่น้ำี่อยู่ใกล้บ้าน แต่ในขณะี่เขากำลังเริ่มออกเดินนั้นเอง ก็พลันรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครสักคนี่เพ่งมองมาจากี่ด้านหลังของตนอย่างชัดเจน แต่เมื่อหันหลังกลับไปมองก็ไม่พบเจอใคร แต่ความรู้สึกี่ถูกจับจ้องมองก็ยังไม่ได้หายไปไหน มิหนำซ้ำยังสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อดินกวาดตามองไปรอบๆ ก็พลันไปสะดุดตากับต้นไม้ี่มีขนาดใหญ่มาก ี่ไม่เคยเห็นว่ามีอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน ด้วยความเป็นคนขี้เสือก เอ๊ย! ขี้สงสัยของตัวเอง ดินเลยไม่รอช้าี่เดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วเดินวนดูรอบๆ จึงพบว่าต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้ี่ยืนต้นตาย และมีโพรงไม้ขนาดี่คนตัวเล็กๆ นั้นสามารถจะแทรกตัวเข้าได้
! คนตัวเล็กนั้นจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ มันก็ต้องเป็นเขาน่ะสิ คิดได้เช่นนั้นดินก็พยายามมุดตัวเข้าไปภายในโพรงซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนกับว่าโพรงไม้นี้มันจะขยายออก เพื่อให้ตัวเขาเข้าไปด้านในได้สะดวก
สงสัยเราจะคิดมากไปแหงๆ โพรงไม้ี่ไหนมันจะยืดหดได้กันล่ะ..’ เมื่อเข้ามาด้านในได้แล้ว ดินก็เริ่มสำรวจสิ่งรอบตัวทันที โชคดีี่ด้านในนี้ไม่ได้มืดเท่าไหร่เนื่องจากโพรงไม้อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกพอดี แสงแดดตอนพลบค่ำจึงสาดแสงเข้ามาด้านในได้เต็มๆ จึงไม่ได้ทำให้ดินรู้สึกกลัวอะไร แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบ้างอย่างกำลังเลื้อยขึ้นมาพันรัดขาของตนเอาไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนรู้สึกตัวอีกที ตัวเขาก็โดนโอบรัดไปเกือบทั้งตัวแล้ว
“!! !!! !!!” แต่ยังไม่ทันี่จะได้ร้องขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ก็มีเถาวัลย์พันรัดรอบศีรษะจนมิดเสียก่อน หากมองจากด้านนอกแล้วนั้น ตัวเขาในตอนนี้คงกลายเป็นเหมือนดักแด้ไปแล้ว
ในยามนี้ดินไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีก ความมืดมิดนั้นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถสั่งหยุดได้ คงต้องโทษความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ี่ทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้
เถาวัลย์ี่พันอยู่รอบตัวของดินนั้น เริ่มพยายามชอนไชแทรกเข้าไปในร่างกายตนอย่างไม่สนใจว่าเจ้าของร่างนั้นจะเจ็บทรมานแค่ไหน เสมือนสัตว์ร้ายี่อดอยากเมื่อเจอเหยื่อก็รีบตะกละตะกรามกัดกินอย่างไม่ปราณี ความเจ็บปวดี่เหมือนมีคมมีดเป็นพันเป็นหมื่นเสียบแทงนั้นทำให้ร่างกายเขาสั่นเกร็งสะท้านไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้
ดินได้แต่ภาวนาขอให้ความเจ็บปวดนี้จบสิ้นไปโดยเร็ว การี่จะต้องตายไปอีกครั้งนั้นไม่ได้ทำให้เสียใจแม้แต่น้อย แต่การี่จะต้องพลัดพรากจากครอบครัวี่เพิ่งได้มีนั้น ทำให้ตนทั้งกลัวทั้งเสียใจไปพร้อมๆ กัน เขาเพิ่งจะเคยสัมผัสความสุขจากครอบครัวได้เพียงไม่นานเท่านั้นเอง ทำไมโชคชะตาช่างใจร้ายกับตนนัก ขอให้เขาได้มีโอกาสยาวนานอีกสักหน่อยไม่ได้หรือไร อย่างน้อยๆ ก็ให้เขาได้กล่าวคำลาและบอกทุกคนว่าตนนั้นรักมากขนาดไหน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นระยะเวลาเพียงไม่นานี่พวกเราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
หากปาฏิหาริย์มีจริงตนก็ขอโอกาสกลับไปกอดท่านพ่อท่านแม่และเจ้าน้องชายี่เป็นคนี่เขารักอีกสักครั้ง แต่โอกาสคงจะไม่มีแล้วล่ะ เพราะตอนนี้แม้แต่การหายใจยังแทบทำไม่ได้เลย ดินปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่คิดี่จะห้ามมันเอาไว้อีกแล้ว เผื่อบางทีน้ำตานี้อาจจะช่วยบรรเทาความเสียใจี่เกิดจากพลัดพรากี่กำลังจะเกิดขึ้น ให้มันเบาจางลงไปได้แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
ยามนี้ร่างกายของดินนั้นได้กลายเป็นภาชนะี่ใช้บรรจุรากไม้พวกนี้ไปแล้ว และตอนนี้มันก็อัดแน่นเสียจนเหมือนว่ากำลังจะระเบิดออกได้ในทุกวินาที แต่น่าแปลกี่ตนยังไม่ตายเสียที แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความเจ็บปวดจะหายไปหรอกนะ เปล่าเลย ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่สำหรับดินนั้นมันเหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่แล้วรู้สึกเจ็บปวดี่เคยมีนั้นก็พลันหายไปจนหมดสิ้น กลับกลายเปลี่ยนเป็นความเบาสบายเหมือนร่างกายล่องลอยอยู่ในอากาศ จนคิดไปว่าตนนั้นได้ตายไปแล้วหรืออย่างไร
ทันใดนั้นหูของเขาก็แว่วได้ยินเสียงหัวเราะี่ดังมาจากรอบๆ ตัว เหมือนเป็นเสียงหัวเราะของเด็กจำนวนมากี่กำลังมีความสุขกันอยู่ แต่เด็กี่ไหนมันจะมาอยู่ในี่แห่งนี้ได้ล่ะนายท่าน นายท่านเจ้าขา~”
เสียงร้องเรียก ‘นายท่าน’ ของเด็กๆ ดังระงมไปหมด แต่เขาไม่รู้ว่า ?’ และแล้วคำถามนั้นก็ได้รับคำตอบกลับมา “นายท่านก็คือตัวท่านไงเจ้าคะ นายท่านอดทนสักหน่อยนะเจ้าคะ อีกไม่นาน ‘เถาวัลย์วิญญาณแห่งชีวิต’ นี้ก็จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับนายท่านโดยสมบูรณ์แล้วล่ะเจ้าค่ะ”
สรุปคือ ‘นายท่าน’ นี่หมายถึงตัวเขาหรือนี่ แล้วไอ้เถาวัลย์ี่มันสร้างความทรมานอย่างแสนสาหัสนี่คือ ‘เถาวัลย์วิญญาณแห่งชีวิต’ !!
! อย่างนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับพยาธิี่ชอนไชเข้ามาอาศัยอยู่ในลำไส้น่ะสิ ยี๊!!’ เมื่อคิดไปเช่นนั้น ดินก็ได้ยินเสียงเหมือนคนถอนหายใจอย่างเอือมระอาดังออกมา
~ มันจะไปเหมือนกับพยาธิในตัวท่านได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ เถาวัลย์วิญญาณแห่งชีวิตนั้นเมื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวท่านแล้ว หากแม้นนายท่านปรารถนาต้องการครอบครองโลกใบนี้แล้วนั้น ท่านก็ย่อมสามารถทำได้อย่างง่ายดายเหมือนพลิกฝ่าเลยล่ะเจ้าค่ะ ฉะนั้นท่านได้โปรดอย่าได้นำไปเปรียบกับพยาธิในท้องของท่าน เข้าใจมั้ยเจ้าคะ!!” น้ำเสียงเหวี่ยงวีนจัดมาเต็มๆ ผิดกับน้ำเสียงเรียกหาในคราแรกราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
เมื่อโดนหงุดหงิดใส่ ดินก็อดี่บ่นในใจเสียไม่ได้ ‘! คนเขาล้อเล่นแค่นิดเดียวเอง ทำเป็นรมณ์เสียไปได้ แล้วไอ้พยาธิมันไม่ดีตรงไหนกัน ทุกคนลองคิดดูให้ดีสิว่า พยาธิมันไม่เคยทิ้งเราไปไหนเลยนะ ไม่ว่าเรา จะทุกข์ จะสุข จะเบ่ง จะตด มันก็ยังอยู่กับเราไม่หนีหายไปไหน พยาธินี่มันคือเพื่อนแท้เพื่อนตายเลยนะเฟ้ย! ..’
เวลาในตอนนี้น่าจะผ่านเลยเี่ยงคืนไปแล้ว และดินนั้นก็เริ่มขยับตัวได้บ้างแล้ว น่าแปลกี่เขานั้นอยู่ในท่ายืนตั้งแต่โดนเถาวัลย์พันธนาการเอาไว้จนถึงตอนนี้นั้น ก็นับว่าเป็นช่วงเวลาี่ยาวนาน แต่เขาเองกลับไม่มีความรู้สึกว่าเมื่อยล้าเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อดินนั้นสามารถลืมตาขึ้นมาได้ ก็ได้พบกับหิ่งห้อยฝูงใหญ่ี่กำลังบินวนไปเวียนมาจนชวนให้น่าเวียนหัว
~ ?” เขาเอ่ยตั้งคำถามไปตามี่คิด แต่แล้วก็มีเสียงร้องค้านออกมา ซึ่งเจ้าของเสียงนั้นคือเสียงเดียวกับี่คุยกับเขาในช่วงก่อนหน้านี้นั่นเอง
พวกข้าคือเหล่าภูตี่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้เจ้าค่ะ มิใช่หิ่งห้อยอย่างี่นายท่านเข้าใจ”
!!!”
ใช่แล้วเจ้าค่ะ ภูตี่มีปีกเป็นสีทองนั้นคือภูตมิติและกาลเวลา ปีกเป็นสีขาวคือภูตวาโย ปีกสีฟ้าคือภูตวารี ปีกสีเขียวคือภูตพฤกษา และปีกสีน้ำตาลคือภูตปฐพี ส่วนปีสีแดงเช่นข้าน้อยคือภูตอัคคีเจ้าค่ะ ปกติแล้วภูตนั้นจะมีปีกสองปีกเท่านั้น หากมีปีกสี่ปีกนั่นหมายถึงเป็นราชาหรือราชินีภูตเจ้าค่ะนายท่าน และส่วนจำนวนภูตนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วนเลยล่ะเจ้าค่ะ”
ดินรับฟังอย่างมึนงง แต่ก็พยายามจดจำให้ได้กับข้อมูลมากมายี่ภูตน้อยอุตส่าห์อธิบายให้ฟัง ทั้งๆ ี่ตนก็ไม่อยากรู้และไม่ได้ถามสักหน่อยอ่ะนะ งั้นแสดงว่า เจ้าก็คือราชินีภูตอัคคีสินะ..” เขาสังเกตเห็นว่าภูตตนนี้ ี่ตัวเขากำลังคุยอยู่ด้วยนั้นมีปีกสีแดงสี่ปีก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชินีภูตอัคคี หน้าตานางนั้นดูงดงามสมกับี่เป็นราชินีภูต ดวงตาน้ำตาลแดง ผมสีแดงสดี่ยาวสลวยจนถึงข้อเท้า สวมชุดี่ทำจากดอกไม้สีส้ม
ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะนายท่าน และต่อไปนี้ภูตทุกตนทุกเผ่าพันธุ์จะมีท่านเป็นนายเหนือหัวแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเจ้าค่ะ..” ราชินีภูตอัคคีพูดจบก็ก้มศีรษะเพื่อทำความเคารพตัวเขา เหตุการณ์นี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ดิน ก็ลองคิดดูสิว่าอยู่ดีๆ ก็ได้เป็นเหมือนราชาของเหล่าภูตซะงั้น แต่มันก็เท่ห์ไม่ยอกเลยนะ อิอิอิพ
ข้าไม่ได้มีปีกหรือเป็นภูต แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงมายกย่องข้าให้เป็นนายเหนือหัวของพวกเจ้ากันล่ะ? ..” มันต้องมีี่มาี่ไปสิ หากไม่ถามให้รู้คงคาใจจนนอนไม่หลับแน่
ผู้ใดก็ตามี่หลอมรวมร่างกาย เป็นหนึ่งเดียวกันกับเถาวัลย์วิญญาณแห่งชีวิตแล้วนั้น ผู้นั้นจะเป็นนายเหนือหัวของเหล่าภูตทั้งปวงเจ้าค่ะนายท่าน..”
! เป็นเพราะเขานั้นมีเถาวัลย์วิญญาณแห่งชีวิตอยู่ในร่างกายนั่นเอง พวกภูตทั้งหลายเลยพากันยกย่องให้เป็นนายเหนือหัว หากไม่มีมันแล้วล่ะก็ ไอ้ดินคนนี้มันก็เป็นได้แค่แมวตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ฮึ..’ ดินก็เลยลองเชิดหน้าเชิดคอ อย่างี่พวกคนใหญ่คนโตมักชอบทำกันดูบ้าง
"
แฮ่มม
นี่ใครรู้จักกันม้ายยยยย
ข้านายดินแดนเป็นเจ้าเหนือหัวของเหล่าภูตนะเฟ้ย
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??