เรื่อง อัจฉริยะเทพยุทธ์
บทที่1 อัจฉริยะผู้เกียจคร้าน
ในหมู่บ้านหญ้าสีครามในเขตเมืองประกายฟ้าในหมู่บ้านนี้เป็ของตระกูลสาขาของตระกูอวิ๋นสิ่งที่จะทำให้ตระกูลสาขาอยู่รอดนั้นจำเป็นจะต้องมีผู้ฝึกตนอัจฉริยะส่งไปตระกูลหลักเพื่อได้รับเบี้ยเลี้ยงในแต่ละเดือนโดยจะแบ่งเป็นลำดับขั้นพลังระดับหนึ่งคือสิบเหรียญเงินแต่ละระดับจะเพิ่มทีละสิบเหรียญเงิน
เด็กหนุ่มนอนอยู่บนต้นไม้อายุสิบสามปีเขามีหน้าตาพอใช้เท่านั่นแต่สิ่งที่โดดเด็นนั้นกลับเป็นที่ตาของเขาที่มีสองสีข้างซ้ายของเขาเป็นสีชมพูข้างขวาเป็นสีม่าวเดิมทีตาของเขาก็มีสีปกติแต่หลังจากที่เขามีพลังระดับหนึ่งสีตาก็เปลี่ยนไปแม่ของเขานำไปไห้หมอตรวจดูแล้วแต่ว่าไม่พบความผิดปกติอันใดดังนั้นจึงไม่มีใครใส่ใจอีกแต่ว่าเด็กในรุ่นเดียวกันกลับบอกว่าเขาคือปีศาจเขาจึงไม่มีเพื่อนมากนักถึงงอย่างก็มีหญิงสาวที่หน้าตางงดงามที่จะคอยมาเล่นกับเขาบ่อยๆไม่รู้เป็นเพราะความสงสารหรือเพราะเขาคืออัจฉริยะที่สามารถทะลวงพลังได้ตั้งแต่หนึ่งขวบปีกันแน่นางจะคอยตามเขาบ่อยๆนางชื่ออวิ๋นมู่ย่อแม้เขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรแต่มีเพื่อนไว้ก็ย่อมดีกว่าไม่มีวันนี้ทั้งสองต้องถูกส่งตัวไปที่ตระกูลหลักเพื่อเข้าไปทดสอบเข้าเป็นศิษย์สายในของตระกูล
ตระกูลอวิ๋นแม้ว่าเข้าไปในสาขาหลักได้แล้วแต่ในนั้นก็ยังมีการแข่งขันกันไม่น้อยโดยทุกๆหกเดือนจะมีการทดสอบและเมื่อครบหนึ่งปีจะมีคนสอบเข้าเป็นศิษย์หลักของตระกูลแน่นอนหากภายในสองปีไม่สามารถมีพลังถึงระดับสองจะต้องโดนส่งกลับตระกูกสาขา
เมื่อทั้งสองมาถึงตระกูลจะได้รับบ้านในตระกูลหลักคนละหลังเพื่อเป็นที่พักระหว่างรอเข้ารับเป็นศิษย์หลักในตระกูลหลักแม่ของเขาก็จามมาคอยดูแล
ตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลาสองเดือนอวิ๋นเฟิงเอาแต่นอนหลับเป็นส่วนใหญ่และอ่านหนังสือในหอทักษะอวิ๋นเฟิงไม่รู้ตัวเลยว่าอวิ๋นมู่ยอได้เปลี่ยนไปเนืองจากนางเห็นอวิ๋นเฟิงมีพฤติกรรมที่เอาแต่สบายนางจึงทำตัวออกห่างแล้วไปอยู่กับอวิ๋นหนานที่เป็นถึงหนึ่งในห้าของสายนอกในตระกูล ตอนนี้ทุกคนในตระกูลต่างเรียกเข้าว่าปิศาจไร้ค่ามีคนมาคอยดูถูกและกลั่นแกล้งเขาอยู่บ่อยๆอวิ๋นเฟิงก็เพียงยิ้มออกมาแม้ว่าเขาจะมีแผลเต็มไปทั่วร่างกาย เขามองไปเห็นว่าอวิ๋นมู่ยอเดินมาแต่นางทำเพียงทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้จักกับเขาอวิ๋นเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นเขาไม่ได้หวังนางจะต้องมาช่วยเขาแต่อย่างน้อยก็น่าจะเห็นใจในฐานะคนที่มาจากหมู่บ้านเดี่ยวกัน
“พวกเจ้าพอกันได้หรือยัง”หญิงสาวใบหน้างามผิวเนี่ยนขาขาวยาวเรียวเหมือนรากบัวแขนขาวใสเหมือนกับหยกหิมะผมสีดำเงางามสวยราวน้ำตก นางถูกเรียกว่าเทพธิดาถังชื่อนางอวิ๋นถังจือนางมีพลังอยู่ในระดับสามคลึ่งก้าวขั้นสี่แล้วด้วยพรสวรรค์ของนางไม่แน่ว่าไม่กี่เดือนก็คงทะลวงไปที่ขั้นสี่ได้แล้วเมื่อนางปรากฏตัวก็ราวกับว่าบรรยากาศเป็นไปโดยสิ้นเชิงไม่มีใครสนใจอวิ๋นเฟิงอีกต่อไปเข้าจึงหลบออกไปอย่างเงียบๆ ทว่าคนที่มองเขากลับไปด้วยสายตาลึดล้ำคือนาง ทว่านางเองก็โกรธเขาน้อยๆอย่างน้อยนางก็ช่วยไว้แท้ๆแต่กลับไม่ขอบคุณนางสักคำ ความจริงแล้วเขาไม่อย่างสนิทกับใครมากกว่า เมื่อเขาเห็นท่าทางของอวิ๋นมู่ยอจึงทำให้เขาเปลี่ยนไปในวันนี้เอง
“เทพธิดาถังใยต้องใส่ใจคนไร้ข้าเช่นนั้น”นางยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยและเย็นชาไม่ตอบอะไรจากนั้นก็เดินจากไปในที่สุด
หลังจากนั้นอวิ๋นเฟิงก็อยู่คนเดียวตลอดและพยามหลบหน้าคนเขาเอาแต่นอนและนอนมากกว่าเดิมหลังากว่างจากการนอนเขามักจะไปอ่านหยังสือเขาอ่านหนังสือไม่ใช่แค่ครั้งละเล่มเริ่มแรกเขาเริ่มอ่านจากหนึ่งเล่มจากนั้นเขาคิดว่าอ่านทั้งทีไม่ควรอ่านแค่ครั้งละเล่มเวลาเขาจะเสียเปล่าประโยชน์ในตอนนี้เขาอ่านครั้งละยี่สิบเล่มก็ไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย!
“อีกไม่กี่เดือนจถึงการทดสอบแล้วพวกเราต้องติดหนึ่งในยี่สิบให้ได้”
“เจ้ารู้รึเปล่าคนที่มีขึ้นพลังไม่ถึงระดับสองจะไม่ได้เข้ารวมการทดสอบและยังอาจถูกสุ่งหลับไปจากตระกูลหลักด้วย”
“งั้นถ้าหากได้อันดับไม่ดีก็แย่น่ะสิ”
“ก็คงงั้นแหละ”หลังจากอวิ๋นเฟิงได้ยินทั้งสองคุยกันก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยเขาที่ง่วงตลอดเวลาเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรยิ่งทำอะไรหนักๆก็ยิ่งง่วยเร็วขึ้นเขาจึงได้แต่อ่านหนังสือเป็นส่วนใหญ่สามวันต่อมาเขาศึกษาตำราละทักทักษะยุทธ์มากมายห้าข้อดีและข้อเสียของทักษะพวกนี้แต่ก็ไม่ได้ฝึกแต่อย่างได้เนี่ยจากหากเขาฝึกมันจะทำให้เขาอยู่ในสภาวะหลับยาวดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ฝึกมันนอกจากนี้เขายังสามารถจดจำหนังสือที่อ่านไปแล้วหนึ่งครั้งได้ทั้งหมดเปรียบเทียบกับในหัวของเขามีมิติที่เป็นห้องหนังสือในหัว ห้าวันต่อมาเกิดการกระตุกที่ดวงตาทั้งสองของเขานั่นทำให้เขาแปลกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้นสองวัยต่อมาการนอนของเขาลดลงเกือบเหมือนคนปกติ เขายังคงอยู่ในห้องหนังสือเช่นเดิม ในขณะที่เขากางหนังสือมากมายบนโต๊ะก็ปรากฏหญิงชุดม่วงมานั่งฝั่งตรงข้ามเขาอวิ๋นเฟิงไม่สนใจยังคงอ่านหนังสือต่อไป
“ข้านั่งด้วยได้หรือไม่”เขาไม่สนใจหันไปมองพร้อมหยิบหนังสือออกพอให้นางมีที่ว่างหน้งสือสำหรับอ่าน
“เจ้าอ่านหนังสือทีเดียวมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน”
“ข้าก็แค่อ่าน”อวิ๋นเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นางขมวดคิ้วน้อยๆของนางแล้วมองดูเขาที่ก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่แม้นางจะไม่พอใจแต่กลับมาอวิ๋นเฟิงด้วยสายตาลึกล้ำ ไม่นานชายหนุ่มที่ดูดีสง่างามหน้าตาหล่อเดินมากันชายอีกสองคนที่เดินตามมาข้างหลังเมื่อเห็นหญิงชุดม่วงที่นั่งตรงข้ามอวิ๋นเฟิง
“นั่นเทพธิดาถังไม่ใช่รึเตตุใดมานั่งกับปีศาจไร้ค่าเช่นนี้เล่า”นางขมวดคิ้วน้อยๆมองไปที่คนพูดข้างหน้า
“ข้าแค่มาศึกษาทักษะเท่านั้นที่ตรงนี้ว่างอยู่จึงมานั่งแล้วมันมีปัญหาอะไรงั้นรึ”
“เช่นนั้นข้าอวิ๋นฮ่าวขอนั่งด้วยได้หรือไม่”ทว่าโต๊ะที่นางนั้งนั้นเต็มแล้วแต่เขาก็ยังพูดเช่นนี้นั่นหมายความว่าเขาไม่เห็นอวิ๋นเฟิงอยู่ในสายตา นางขมวดคิ้วน้อยๆ
“ที่เต็มแล้ว”จากนั้นนางก็ไม่ใส่ใจเขาอีก มันส่งสายตาให้ลูกน้องมันไปไล่อวิ๋นเฟิงออกไป ทว่าไม่ทันที่พวกเขาไปไล่อวิ๋นเฟิงก็ลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปจากหอหนังสือ
“ข้าไม่หนีปัญหาแต่ปัญหากลับมาหาข้าในโลกนี้คงไม่มีความสงบสำหรับข้าหากพลังคือที่สุดงั้นข้าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังมากที่สุดแล้วกัน”เมื่อพูดจบตาของเขาก็กระตุกอีกครั้งมันกระตุกติดต่อกันหลายครั้ง
“เจ้าพูดกับใครน่ะ”อวิ๋นเฟิงหันไปดูก็พบหญิงชุดม่วงด้านหลังเขา
“เจ้าเป็นใครน่ะ”นางแถบจะปาหนังสือที่มือใส่เขาทั้งที่นางเคยช่วยเขาไว้ไม่ขอบคุณแล้วยังจำนางไม่ได้อีกในหมู่ตระกูลสายนอกนางคือคนดังอันต้นๆนี่เขาไปอยู่ไหนมา
“เจ้าไม่รู้จักข้างั้นรึ”
“ไม่ข้าไม่รู้จักใครทั้งนั้นขนาดคนที่ข้ารู้จักตอนนี้ยังทำเหมือนไม่รู้จักข้า”เขาพูดด้วยหน้าเรียบเฉย นางมองเขาอย่างลึกล้ำอีกครั้งและพอเขาใจขึ้นมา
“เจ้าชื่ออะไรงั้นรึ”
“ข้าอวิ๋นเฟิงขอตัวก่อน”เมื่อบอกชื่อแล้วเขาก็เดินจากไป นางค่อนข้างไม่พอใจเขาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่มองตามเขาไป
อวิ๋นเฟิงนอนอีกครั้งแต่คราวนี้เขาหลับไปถึงห้าวันเขาเข้าไปในห้วงความคิดในสมองเขาโดยไม่ได้ตั้งใจข้างในมิตินี้เป็นป่าขนาดใหญ่ที่มีสัตว์ป่าที่น่ากลัวมากมายเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงด้วยพลังน้อยนิดของเขาทว่าเขาก็เกิดประหลาดใจที่ไม่มีสตว์มาทำร้ายเขาเลยพ
“หา…ที่นี้เหมือนจริงเกินไปแล้วไม่เหมือนความฝันสังนิดเลยหรือข้าตายไปแล้วกัน”เขาเดินไปรอบๆจากนั้นเขาเดินไปถึงที่ร้อนชื้นพบสมุนไพรมากมายเต็มไปหมด มีทั้งสมุนไพรร้อยไปไปจนถึงหมื่นปีตาเขาโตเขาศึกษาตำรามามากจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับราค่าแล้วิธีใช้มันแน่นอนหากนี้ไม่ใช่ความฝันเขาเอาไปขายคงต้องรวยมากเป็นแน่
“หากเป็นความฝันจริงงั้นข้าคงไม่ต้องเสียดายใช่หรือไม่เขาเก็บมันมาหลายต้นจากนั้นก็หาที่เหมาะสมเพื่อทดสอบสมุนไพรเขาพบถ้ำที่มีไอเย็นยะเยือกปกคลุมโดยรอบถ้ำทว่ามันดูปลอกภัยเป็นที่สุดขนาดของมันก็พอดีกับตัวเขาจากนั้นอวิ๋นเฟิงจึงเข้าไปด้านในแล้วเริ่มโคจรพลังสมุนไพรร้อยปีถูกกินเข้าไปในร่างกาย เกิดความรู้สึกถึงความร้อนและเย็นเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัวของเขาเลือดของเขาเดือดขึ้นความร้อนต่อต้านตวามเย็นในอาการฉับพลันไอเย็นด้านนอกถถูกดูดเขาไปในร่างของเขาความเร็วในการดูดซับของอวิ๋นเฟิงรวดเร็วมากในตอนนี้เองดวงตาทั่งสองข้างของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงตาขวาเปลี่ยสีเป็นม่วงอมเขียวตาซ้ายมีความเงางามมากขึ้นสีชมพูชัดเจนมากขึ้นพละพลังของเขาก็เพิ่มขั้นร่างกายและอวัยวะภายในเกิดการเปลี่ยนแปลง กระดูกลั่น กรอบแกรบ!! อวัยภายในทั้งหาเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที่ ได้แก หัวใจ ตับ ปอด ม้าม ไต ของเขาเรืองแสงภายในร่างกายเขาพลันแข็งแกร่งขึ้นมากกล้ามเนื้อของเขาก็เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันเส้นใยสีเงินถักทอเป็นมัดกล้ามของเขามันอ่อนนุ่มและแข็งแกร่งได้อย่างไม่หน้าเชื่อ
“นี่มันอะไรกันเป็นความฝันที่สมจริงอะไรเช่นนี้”จากนั้นกระดูกของเขาก็แตกออกจากนั้นมันก็สร้างขึ้นมาใหม่มันแข็งแกร่งขึ้นที่ละนิดกระบวนการนี้เกิดขึ้นซ้ำไปมาจนเขาร้องออกมาด้วนความเจ็บปวด
“ความฝันเจ็บได้ด้วยหรือไง”ผ่านไปสามวันพลังของเขาก็ไปถีงระดับหนึ่งขี้นต่ำอีกสามวันต่อมาเป็นคขั้นกลางผ่านไปสิบวันพลังของเขาเป็นระดับสองขึ้นต่ำการพัฒนาที่รวดเร็วเช่นนี้ใครรู้เข้าคงต้องมองด้วยความอิจฉา…
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??