เรื่อง MY BOY ผู้ชายคนนี้ของฉัน
CHAPTER 10 : ไปพร้อมกัน
ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ดังเป็นรอบที่สามแล้ว เป็นอีกวันที่ฉันรู้สึกขี้เกียจ กว่าจะขุดตัวเองให้ลุกจากเตียงได้ในแ่ละวันนั้นยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ เบื่อที่จะต้องตื่นเช้าไปรอรถเมย์ เบื่อที่จะต้องไปนั่งหรือยืนเบียดกับคนอื่นๆ ถ้ามีเรียนตอนบ่ายก็ค่อยยังชั่วหน่อย หลังจากกลับมาจากการไปออกค่ายพี่มาร์คก็แทบจะกินนอนอยู่ที่ผับเลยเพราะตอนนี้ผับเป็นของพี่มันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็กำลังปรับปรุงใหม่ทั้งหมดนั่นจึงเป็นสาเหตุที่พี่มันต้องคอยดูอย่างใกล้ชิด และฉันก็ต้องไปเรียนเองทุกวันโดยการนั่งรถเมย์เพราะพี่มันไ่ยอมให้นั่งแท็กซี่ทั้งที่ฉันก็ย้ำนักย้ำหนาว่าดูแลตัวเองได้ แ่เถียงไปก็เหนื่อยเปล่า คนหวง ห่วงน้องสาวอย่างพี่มาร์คไ่ฟังใครหรอก แ่ก็มีบางครั้งที่ฉันแอบขึ้นแท็กซี่ไปเพราะตื่นสายอย่างเช่นวันนี้เป็นต้น และแน่นอนว่าวันนี้ฉันจะไปแท็กซี่อีก
เมื่ออาบน้ำแ่งตัวอย่างเร่งรีบเสร็จแล้วฉันก็รีบหยิบกระเป๋าแล้วออกไปจากห้องทันที แ่ในจังหวะที่เปิดประตูออกไปนั้นตรงกับที่ประตูห้องตรงข้ามเปิดออกมาพอดี ฉันมองพี่ธามในชุดนักศึกษาก่อนจะทำเพียงแค่ยิ้มให้เพราะไ่มีเวลาทักทายมากกว่านั้น
“เดี๋ยวก่อน” ไู่เปล่าแ่ยังจับแขนฉันไว้อีกด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันหันไปถามอย่างงงๆ ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าหากเสียเวลานานกว่านี้ฉันไปไ่ทันแน่ๆ “ถ้าไ่มี...”
“ไปด้วยกัน”
“ห้ะ...” ไ่ใช่ได้ยินไ่ชัดหรือว่าอะไร แ่แค่ไ่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินต่างหากเลยอยากจะฟังให้ชัดๆ อีกครั้ง
“ไปพร้อมกัน” พี่ธามูด้วยสีหน้านิ่งๆ เืเดิมและไ่ยอมปล่อยมือฉันด้วย
ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะตอบตกลงอย่างอย่างไ่ต้องคิดอะไรให้มากมาย แ่อย่าลืมว่าครั้งล่าสุดที่ไปกับพี่ธามฉันต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
“ไ่เป็นไรค่ะ หนูไปเองดีกว่า” บอกแล้วไงว่าฉันจะไ่นั่งรถไปไหนกับพี่ธามอีก สาบานไปแล้วด้วย ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับความตายกัน
ฉันพยายามบิดมือออกเพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกไ่ชอบใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนที่ฉันติดรถพี่ธามไปมหาลัย ที่ขับเร็วก็เพราะไ่อยากให้ฉันไปด้วยอีกไ่ใช่หรือไง ใช่ คิดแล้วมันก็น้อยใจนั่นแหละ ถึงมันจะผ่านมานานแล้วก็เถอะ
“ฉันจะฟ้องไอ้มาร์คว่าเธอขึ้นแท็กซี่”
ฉันมองพี่ธามอย่างไ่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเอาเหตุผลนี้มาอ้างให้ฉันไปด้วย แล้วรู้ได้ไงว่าพี่มาร์คไ่ให้ฉันขึ้นแท็กซี่ ยิ่งไปกว่านั้นพี่ธามรู้ได้ยังไงว่าฉันไปแท็กซี่ ทำอย่างกับตามติดฉันอย่างนั้นแหละ นี่พี่ธามตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมทำตัวแปลกจัง
“หนูไปรถเมย์ก็ได้” ไ่ได้อยากจะเล่นตัวหรืออะไรนะ แ่มันกลัวจริงๆ ฉันไ่ชอบความเร็ว จำได้ดีว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวแค่ไหน
“อย่าดื้อ มานี่” ูจบพี่ธามก็เปลี่ยนจากจับแขนมาเป็นจับมือแล้วดึงให้เดินตามไปทันที จะเรียกว่าดึงก็ไ่ถูกเพราะเขากำลังลากฉันไปต่างหาก
“หนูบอกว่าไปเองได้ไง ปล่อยหนูก่อน”
พี่ธามไ่ฟังแล้วก็ไ่ทำตามที่ฉันบอกด้วย ลากฉันเข้ามาในลิฟต์กดชั้นที่ต้องการแ่ก็ยังไ่ยอมปล่อยมือออกจากมือฉัน ไ่มีบทสนทนาระหว่างเรา ลิฟต์ยังคงทำงานไปตามหน้าที่ของมันจนมาถึงชั้นล่างสุด
ทำไมเอาแ่ใจแบบนี้อ่ะ
“หนูเดินเองได้” ฉันขืนแรงพี่ธามที่กำลังพาฉันไปที่รถให้ปล่อยมือ มาถึงขนาดนี้แล้วฉันคงไ่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปกับเขาแล้วล่ะ ฟ้าจะผ่าที่ฉันผิดคำสาบานไหมเนี่ย ต้องโทษพี่ธามเลย
“เดี๋ยวเธอหนี” พี่ธามยังคงตีมึนจนมาถึงรถถึงได้ยอมปล่อยมือฉัน แถมยังเปิดประตูให้เสร็จสัพ
“ไ่ใช่เด็กสักหน่อย” ฉันบ่นคนเดียวหลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้วคาดเบลล์เสร็จสัพ พี่ธามก็เดินอ้อมไปฝั่งคนขับก่อนจะขึ้นมาประจำที่
“ถ้าพี่ขับเร็วหนูร้องไห้จริงๆ ด้วย” ฉันบอกก่อนเขาจะออกรถ ไ่ไดู้เล่นนะ ฉันร้องจริงๆ ด้วยคอยดูสิ
พี่ธามหันมามองหน้าฉันแ่ไู่อะไรก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกมา หัวใจฉันเต้นเร็วเพราะกลัวจะเป็นเืวันนั้น แ่ก็เปล่า รถยังคงเคลื่อนไปด้วยความเร็วคงที่ทำให้ฉันอดที่จะพลูลมออกมาจากปากอย่างโล่งอกไ่ได้
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งเมื่อฉันหันหน้ามามองข้างทางส่วนพี่ธามก็ตั้งใจขับรถอย่างไ่สนใจกันอีก นึกถึงคืนสุดท้ายของการไปออกค่ายที่เรานั่งคุยกัน พี่ธามเืจะูอะไรแ่ก็ไู่จนป่านที่ไปเอาเสื้อเดินกลับมาเขาถึงได้ขอตัวออกไป ไ่รู้ว่าพี่ธามจะคิดยังไงกับสิ่งที่ฉันูออกไป ฉันไ่ได้หวังให้เขามาตามฉันอย่างที่ฉันเคยทำ และตัวฉันเองก็ไ่คิดจะกลับไปวิ่งตามเขาแล้วมันกัน ไ่ใช่ว่าไ่ชอบแล้ว
ใช่ ฉันชอบพี่ธาม
มันคือสิ่งที่ฉันไ่สามารถปฏิเสธได้ แ่แค่ไ่อยากให้ความรักมันบังตาจนสูญเสียความเป็นตัวเองไป การทำให้ตัวเองดูไร้ค่าฉันไ่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ถ้ารักแล้วมันทำให้คุณค่าในตัวเองลดลงก็ไ่เอาด้วยหรอก เมื่อก่อนฉันเอาแ่ใจทำอะไรโดยไ่ได้คิดถึงคนอื่นและไ่ได้แคร์ว่าคนอื่นจะมองมายังไง แค่ได้ทำให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ฉันก็คิดแค่นั้นแหละ
แ่ตอนนี้ฉันอยากใช้เวลาเป็นตัวนำทาง ไ่หวือหวา ไ่รีบร้อน ไ่วิ่งตามแ่ก็ไ่ได้วิ่งหนี ไ่ได้พยายามจนเกินตัวแ่ก็ไ่ได้ปิดกั้น ความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนได้ตลอดและความรักก็ไ่จำเป็นต้องครอบครองเสมอไป ฉันอาจจะชอบพี่ธามไปตลอดแ่มันก็อาจจะเป็นในสถานะอื่นได้เืกัน ความรักมีหลากหลายรูปแบบเราไ่รู้หรอกว่าที่เป็นอยู่มันจะคงอยู่ตลอดไปหรือเปล่า ไ่มีสถานะตายตัว ในวันข้างหน้าเราอาจจะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันก็ได้ใครจะไปรู้ ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไป จนกว่าจะถึงตอนจบเราก็จะรู้ผลลัพธ์นั้นเอง
อาจจะสมหวังหรือผิดหวัง
“เลิกเรียนกี่โมง” เสียงของพี่ธามดังขึ้นทำลายความเงียบ ปลุกให้ฉันออกจากภวังค์ในความคิดของตัวเองที่เอาแ่คิดเรื่อยเปื่อยโดยไ่ได้สนใจอะไร รู้ตัวอีกทีรถก็มาจอดอยู่หน้าคณะตัวเองแล้ว
“วันนี้มีเรียนถึงเที่ยงค่ะ” ฉันบอกและพยายามจะดึงสายเบลท์ออกแ่ไ่รู้ว่าติดอะไรมันถึงไ่ยอมออกสักที
“รออยู่นี่ เดี๋ยวมารับ”
“ไ่เป็นระ...” ฉันตั้งใจจะหันไปปฏิเสธพี่ธามเพราะไ่อยากรบกวนเป็นจังหวะเดียวกับพี่ธามก้มลงมาเพื่อจะช่วยปลดสายเบลท์ให้
ใบหน้าเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ตกกระทบลงบนใบหน้าฉัน ราวกับมีแรงดึงดูดที่ไ่สามารถทำให้ฉันละสายตาจากดวงตาคู่นี้ได้ หัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้วยิ่งสั่นระรัวเป็นสิบเท่าเมื่อพี่ธามไล่สายตามองต่ำลงมาที่ริมฝีปาก เลือดสูบฉีดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างควบคุมไ่ได้ ยิ่งเห็นเขากลืนน้ำลายลงคอแล้วใจฉันยิ่งอ่อนระทวย ภาพที่เราสองคนจูบกันซ้อนทับขึ้นมาทำให้ฉันต้องหลับตาปี๋อย่างอัตโนมัติ
กิ๊ก
เสียงปลดเบลท์ดังขึ้นทำให้ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพี่ธามที่ผละออกไป ฉันเอามือขึ้นมาพัดหน้าเพราะรู้สึกร้อนแปลกๆ และทำตัวไ่ถูก ไ่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าฉันจะแดงแค่ไหนแล้วก็ลืมเรื่องที่จะูก่อนหน้านี้ไปหมดเลยด้วย
พี่ธามแค่ช่วยปลดเบลท์อย่าคิดอะไรไปไกลสิ ถ้าพี่ธามรู้ว่าฉันคิดว่าเขาจะจูบฉันต้องหัวเราะเยาะแน่เลย น่าอายชะมัด!
“เอ่อ คือ...” ฉันพยายามจะนึกคำูที่ตั้งใจจะูออกไป แ่พอสบตากับพี่ธามทีไรก็เป็นอันต้องนึกไ่ออกทุกที
“มีอะไร” พี่ธามถามออกมาเพราะฉันมัวแ่อ้ำอึ้งูไ่ออก
“คือ หนูจะบอกว่า มะ ไ่ต้องมารับหนูหรอก หนูกลับเองได้” ใช่ ตอนแรกฉันจะูแบบนี้ แบบนี้แหละ!
“ไอ้มาร์คเป็นคนบอกให้ฉันคอยไปรับไปส่งเธอ” พี่ธามก็ยังูด้วยสีหน้านิ่งๆ น้ำเสียงราบเรียบราวกับไ่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
มีแ่ฉันที่คิดอะไรไปไกลพ้นอยู่คนเดียวสินะ ฮื่อออ
“เลิกเรียนแล้วก็มารอตรงนี้”
พี่ธามได้ฟังที่ฉันูบ้างไหมเนี่ย ถึงพี่มาร์คจะเป็นคนบอกก็ไ่เห็นจะต้องทำตามเลย ให้ปฏิเสธเืเมื่อก่อนฉันยังรู้สึกดีกว่านี้อีก มาแบบนี้ฉันไ่ทันได้ตั้งตัวเลยนะ
“พี่ไ่ต้องไปฟังพี่มาร์คหรอก หนูโตแล้วดูแลตัวเองได้เดี๋ยวหนูคุยกับพี่มันเอง”
พี่มาร์คก็ชอบเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย เข้าใจว่าห่วงแ่ช่วยดูหน่อยเถอะว่าฉันก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ชอบยัดเยียดฉันให้ไปเป็นภาระของคนอื่นอยู่เรื่อยเลย
“แ่ฉันรับปากไปแล้ว”
“รับปากแล้วก็ยกเลิกได้”
“โทษที ฉันเป็นคนไ่ชอบผิดคำู”
“ถ้างั้นก็แล้วแ่พี่แล้วกัน” ในเมื่อเถียงไปก็เท่านั้นก็เลยยอมให้มันจบๆ ไป ตัวฉันเองไ่ได้มีปัญหาอะไรกับการไปรับไปส่งของพี่ธาม แ่ฉันกลัวตัวเขาเองจะมีปัญหามากกว่า
ใครจะไ่อยากไปกับคนที่ชอบบ้างล่ะถามหน่อย
Time’ s talks
ผมขับรถมาที่คณะตัวเองหลังจากส่งม่านมุกเสร็จ ความจริงยังเหลืออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียนเลยเลือกที่จะมานอนเล่นที่สวนหลังคณะที่เป็นที่ประจำของพวกผม ก็ไ่รู้ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ รู้ตัวอีกทีผมก็รับปากไอ้มาร์คไปแล้วว่าจะเป็นคนมาส่งม่านมุกเอง ทั้งที่มันก็ไ่ได้ขออย่างที่บอกเธอไปหรอกผมเสนอตัวไปเองเพราะหลายวันมานี้ผมเห็นเธอขึ้นรถเมย์หรือไ่ก็แท็กซี่ตลอด ยิ่งรู้ว่าไอ้มาร์คไ่ให้น้องมันขึ้นแท็กซี่ผมก็เลยเอามาอ้างเสียเลย
ผมล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้าเขียวขจีที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นที่บังแดดให้ แ่ในเวลาแปดโมงกว่าๆ ในตอนที่กำลังจะเข้าฤดูหนาวแบบนี้แดดไ่แรงเท่าไหร่ อากาศกำลังดีเหมาะที่จะให้ความคิดได้ล่องลอยไป หลับตาลงแล้วนึกถึงตอนที่ไปออกค่าย ตอนนั้นที่บอกไ่ให้ม่านมุกเลิกชอบผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวแค่ไหน ที่ยังไ่ชัดเจนในความรู้สึกแ่ก็ยังหน้าด้านขอให้เธอมาชอบต่อ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็เอาแ่ผลักไสเธอมาตลอด แ่พอเธอบอกจะตัดใจกลับเป็นคนดึงเธอกลับเข้ามาเสียเอง ความรู้สึกบางอย่างของผมค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในขณะที่ความรู้สึกของม่านมุกกำลังลดลง ผมไ่ชอบเลย
ในคืนนั้นที่เรานั่งคุยกันผมเข้าใจทุกอย่างที่เธอบอก รู้ตัวว่าที่ผ่านมาผมทำให้เธอเสียใจแค่ไหน ไ่แปลกที่เธอจะสร้างกำแพงขึ้นมาปกป้องตัวเอง มันไ่ใช่กำแพงที่สูงจนไ่สามารถเข้าไปได้ ถ้าใครพร้อมจะปีนข้ามไปหาเธอก็พร้อมจะเปิดใจให้ และไ่ได้หมายความว่ากำแพงนั้นจะมีแค่ผมคนเดียวที่ข้ามไปได้ หรือผมจะไ่พยายามปีนมันขึ้นไปก็ได้เืกัน
ทุกอย่างอยู่ที่ผมเป็นคนเลือกมันเอง และผมเลือกแล้ว เลือกที่จะเปิดใจอีกครั้ง
Rrrrrr
ผมลืมตาขึ้นมาแล้วเอาโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงออกมาดูรายชื่อที่โทรเข้ามา ความจริงมันสั่นเพราะข้อความเข้านานแล้วแ่ผมไ่สนใจเพราะคิดว่าคงจะเป็นแชทกลุ่มที่พวกมันชอบคุยเรื่องไร้สาระกัน โดยเฉพาะไอ้คิมเจ้าของรายชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ผมตอนนี้
“อืม” ผมรับสายด้วยเสียงเนือยๆ เพราะความง่วงเริ่มแทรกซึม จากตอนแรกที่กะจะแค่พักสายตาแ่กลับง่วงขึ้นมาจริงๆ
“ [มึงอยู่ไหนเนี่ย] ”
“คณะ”
“ [มึงไปทำ-่าอะไรตั้งแ่เช้าวะ วันนี้อาจารย์ยกคลาสหัดอ่านไลน์กลุ่มบ้างไอ้เวร มีอะไรต้องให้กูโทรตลอดถ้า...] ”
ติ๊ด
ผมกดตัดสายมันอย่างรำคาญเพราะเบื่อจะฟังมันบ่นเรื่องเดิมๆ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาที่มันโทรมาหาผม ผมเป็นคนที่ไ่ค่อยสนใจโทรศัพท์เท่าไหร่ถ้าหากไ่มีคนโทรมา ในแชทผมก็แทบจะไ่ได้เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ ก็ไ่แปลกหรอกที่พวกมันจะชอบด่าผม
Rrrrrrr
ยังไ่ทันได้เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิมมันก็ส่งเสียงร้องอีกครั้ง ผมกำลังจะกดตัดสายเพราะคิดว่าเป็นไอ้คิมโทรกลับมาอีกแ่กลับไ่ใช่ คราวนี้เป็นไอ้มาร์คต่างหาก
“มีอะไร” น้ำเสียงเจือความหงุดหงิดเพราะพวกมันกำลังรบกวนเวลานอนของผม ในเมื่ออาจารย์ยกคลาสแล้วก็อยากจะงีบสักหน่อย ยังไงก็ต้องรอรับม่านมุกกลับอยู่แล้ว
บอกแล้วว่าไ่ชอบผิดคำู
“ [มึงรับสายให้เืคนปกติหน่อยได้ไหมไอ้เวร] ”
สรุปแล้วพวกมันนัดกันโทรมาด่าผมหรือไงวะ
“แล้วมีอะไร” ผมถามย้ำอีกครั้งเพราะถ้ายังไ่เข้าเรื่องผมจะตัดสายมันทันที จะปิดโทรศัพท์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“ [ม่านฝากมาบอกว่าวันนี้อาจารย์ยกคลาส] ”
“เหรอ” เป็นเพราะเราไ่มีอะไรที่สามารถติดต่อกันได้เธอถึงได้บอกผ่านพี่ชายอย่างมันมาสินะ
“ [เห็นบอกว่ามึงจะไปรับตอนเที่ยงก็ไ่ต้องแล้ว เดี๋ยวตอนนี้กูไปรับเอง] ”
“ไ่ต้อง กูยังอยู่มหาลัยเดี๋ยวกูไปรับให้ก็ได้” ผมรีบบอกเพราะไ่อยากให้ไอ้มาร์คขับรถไปมาไง ให้มันมารับเดี๋ยวมันก็ต้องกลับไปผับอีกอยู่ดี ช่วงนี้มันกำลังยุ่งๆ อยู่มันลำบากมันเปล่าๆ ยังไงผมก็ต้องคอนโดเืกัน
“ [อ้าวเหรอ งั้นกูฝากด้วยแล้วกันยังไ่ได้นอนเลยว่ะ] ”
“เออ”
พอวางสายผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่รถเพื่อไปรับม่านมุกทันที ไ่รู้ว่าอาจารย์นัดกันยกคลาสหรือยังไงแ่เป็นแบบนี้ก็ดีเพราะผมจะได้ไ่ต้องรอจนถึงเที่ยง
ผมจอดรถอยู่หน้าคณะของม่านมุกที่มีเด็กปีหนึ่งทยอยกันเดินออกมา รอไ่นานก็เห็นร่างบางที่เดินคุยโทรศัพท์ออกมากับเพื่อนด้วยสีหน้ายุ่งๆ ก่อนจะวางสายไปเมื่อเห็นรถผม ม่านมุกเดินมาฝั่งที่ผมนั่งจึงต้องลดกระจกลงถึงแม้จะไ่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงไ่ขึ้นมาบนรถก็เถอะ
“คือหนูจะไปหาอะไรกินกับป่านก่อน พี่กลับไปก่อนเลยเดี๋ยวหนูกลับเอง” ผมมองตามสายตาเธอไปทางเพื่อนที่ยืนรออยู่
วันนี้ผมถูกม่านมุกปฏิเสธเป็นรอบที่สอง ไ่อยากจะเชื่อเลย
“หรือว่า พี่จะไปด้วยกันไหมคะ” ม่านมุกูออกมาอย่างไ่ค่อยมั่นใจคงจะเป็นเพราะกลัวผมปฏิเสธถึงได้ไ่กล้าถาม
แ่นั่นมันเมื่อก่อน ไ่ใช่ตอนนี้
“ไปสิ” อันที่จริงไ่ได้อยากจะไปด้วยหรอกแ่หิวต่างหาก ยังไ่ได้กินอะไรมาเืกัน
“แ่ตอนกลับต้องไปส่งป่านด้วยนะ”
“อือ”
สุดท้ายผมก็พาม่านมุกกับเพื่อนของเธอไปหาอะไรกินที่ห้างก่อนจะกลับคอนโดหลังจากที่ไปส่งเพื่อนเธอที่หอเรียบร้อยแล้ว
“พี่ธามจอดก่อน!” อยู่ๆ ม่านมุกก็ูขึ้นมาเสียงดังหลังจากที่เงียบมานานจนผมต้องรีบเหยียบเบรคตามที่เธอบอก ดีที่ไ่มีรถข้างหลังตามมาไ่งั้นคงโดนสาปแช่งไปยันชาติหน้าแน่
“มีอะไร” ผมถามหลังจากที่จอดรถแล้วเธอเอาแ่มองออกไปข้างทางที่มีแ่พงหญ้าขึ้นสูง
“พี่ถอยรถกลับไปหน่อยได้ไหม” ูทั้งที่ไ่ยอมหันมามองหน้า
ผมถอยรถตามที่เธอบอกแม้จะยังไ่เข้าใจอะไรสักอย่างก็ตาม ท่าทางร้อนรนทำเอาผมไ่อยากขัดหรือเอ่ยถามอะไร เพียงแ่ทำตามที่เธอบอกเท่านั้น
“อ้ะ อยู่นั่น! จอดตรงนี้ๆ ๆ” ม่านมุกเปิดประตูออกไปก่อนที่รถจะจอดสนิทนั่นทำให้ผมหงุดหงิดนิดหน่อย ทำอะไรไ่เคยระวังเลยแล้วอะไรทำให้รีบลงไปแบบนั้น
ผมลงจากรถตามม่านมุกไปก็เห็นว่าเธอกำลังนั่งยองๆ อยู่หน้ากล่องลังอะไรสักอย่าง สิ่งนี้เหรอที่ทำให้เธอกระวนกระวายขนาดนี้
“ทำไมหนูมาอยู่ตรงนี้ได้คะ” ผมขมวดคิ้วแปลกใจทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่เธอู แถมยังใช้เสียงสองเสียงสามอีกต่างหาก
ในลังกระดาษนั้นมีอะไรวะ
“งื้ออ หนูโดนทิ้งใช่ไหม”
“เมี้ยววว”
“แมว?” ทีู่คะขาเสียงหวานนี่คือคุยกับแมวเนี่ยนะ
“พี่ธาม น้องโดนทิ้ง” เธอหันมาทำหน้าเศร้าใส่ผมพร้อมกับอุ้มลูกแมวที่เธอเรียกว่าน้องมาไว้ในอ้อมแขนอย่างรักใคร่
“แล้วจะให้ทำไง” จะให้ไปตามเจ้าของก็คงเจอหรอก แบบนี้คือตั้งใจเอามาทิ้งชัดๆ แล้วแม่คุณก็ตาดีเหรอเกินนะ
“น้องน่าสงสารอ่ะ ดูสิตัวยังนิดเดียวอยู่เลย” ม่านมุกูพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินเอาแมวมาให้ผมดูใกล้ๆ ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เธอบอก ตัวแค่นี้หย่านมหรือยังก็ไ่รู้
แล้วตอนนี้ผมก็เริ่มแยกไ่ออกแล้วว่าระหว่างแมวกับคนอะไรน่าสงสารมากกว่ากัน ลูกแมวก็เอาแ่ส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร ส่วนคนอุ้มก็ทำท่าเบะปากราวกับจะร้องตาม แล้วผมต้องทำยังไงวะ
“หนูอยากเอาไปเลี้ยงแ่พี่มาร์คแพ้ขนแมว”
ผมเริ่มมีลางสังหรณ์ไ่ดีแล้วล่ะ
“จะให้ทิ้งไว้ก็น่าสงสาร ไ่รู้ว่าแถวนี้จะมีหมาเจ้าถิ่นหรือเปล่า แล้วถ้ามีน้องตัวแค่นี้คงหนีไ่ทันแน่ แล้วอีก...”
“จะให้ฉันทำอะไรก็บอกมาตรงๆ” ผมูขัดก่อนที่เธอจะูอะไรยาวเหยียด ก็พอจะเดาออกว่าเธอต้องการอะไรแ่อยากได้ยินจากปากมากกว่า
“ให้น้องไปอยู่ห้องพี่ได้ไหม”
“ไ่” ผมตอบแบบไ่ต้องคิดเลยเพราะรู้ว่าเธอจะต้องูแบบนี้ ถึงผมจะไ่ได้เกลียดแมวแ่ก็ไ่ได้ชอบถึงขั้นต้องเก็บไปเลี้ยงแบบนี้ ห้องผมไ่ใช่มูลนิธิแมวจรนะเว้ย แล้วคิดว่าผมเหมาะกับการเลี้ยงสัตว์มากหรือไง
“แ่น้องน่าสงสารนะ พี่ดูสิตอนพี่บอกว่าไ่น้องร้องใหญ่เลย น้องคงเสียใจแย่”
เดี๋ยวนะ แมวมันฟังภาษาคนรู้เรื่องด้วยเหรอ ยอมในการเชื่อมโยงของเธอจริงๆ แ่ถึงมันจะน่าสงสารจริงๆ ผมก็ไ่ยอมเอาไปเป็นภาระตัวเองเด็ดขาด
“มันฟังภาษาคนไ่รู้เรื่อง”
“ทำไมจะไ่รู้ น้องมันก็มีความรู้สึกเืกันนะ”
เหอะ เมื่อกี๊ยังทำทำหน้าเศร้าเสียงสั่นอยู่เลย ตอนนี้เนี่ยเถียงคอตั้งเลย
“อยากเลี้ยงก็เอาไปเลี้ยงเองสิ ฉันไ่เอาด้วยหรอก”
“ก็ถ้าพี่มาร์คไ่แพ้ขนแมวหนูก็ไ่ง้อพี่หรอก”
“หยุดเถียงเดี๋ยวนี้นะ”
มาเถียงผู้ใหญ่ฉอดๆ แบบนี้ได้ยังไง
“ใจร้าย! ผู้ชายคนนี้ใจร้ายที่สุดเลยเนอะ หน้าตาดีเสียเปล่า”
เออ ให้มันได้แบบนี้สิ พอเถียงไ่ได้ก็เอาผมไปนินทากับแมวเฉย แถมยังูต่อหน้าผมด้วยสิ
“วางมันลงแล้วไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ผมเสียเวลากับน้องของเธอมานานแล้ว และไ่ว่าจะูยังไงผมก็ไ่ยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด จะว่าผมใจดำอำมหิตก็ได้ แ่ผมไ่ยอมเอามันมาเป็นภาระตัวเองหรอก
“ไ่ ถ้าพี่ไ่ให้น้องไปด้วยหนูก็ไ่ไป” เธอยืนยันเสียงแข็งพร้อมกับกระชับกอดแมวไว้แน่น
คิดจะประท้วงกันหรือไง
“งั้นก็เดินกลับเองแล้วกัน” ูจบผมก็หันหลังเดินกลับมาที่รถทันทีเพราะคิดว่ายังไงเธอก็ต้องตามมาอยู่แล้ว
แ่ผมคิดผิด
“ม่านมุก” เมื่อเห็นว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิมจึงหันกลับไปเรียกเธอด้วยการกดเสียงต่ำเพื่อบอกให้รู้ว่าผมเริ่มจะหงุดหงิดเต็มทนแล้ว นิสัยเอาแ่ใจเนี่ยเป็นที่หนึ่งเลย
“หนูจะไ่ทิ้งน้องเืคนใจร้ายที่เอาน้องมาทิ้ง” น้ำเสียงติดจะสั่นเล็กน้อยแ่เต็มไปด้วยความแน่วแน่นั้นทำให้ใจผมอ่อนยวบทันที ไหนจะสายตาของแมวที่มองมาเืผมเป็นคนใจร้ายนั่นอีก
แ่ยังไงก็ไ่ได้
“ฟังนะ การเลี้ยงสัตว์มันไ่ใช่เรื่องง่ายนะม่านมุก แ่มันคือภาระ ไหนค่าอาหารค่ายา แล้วถ้าเอาไปเลี้ยงแล้วเธอมีเวลาดูแลมันหรือเปล่า มีเวลาอยู่กับมันตลอดเหรอ ไหนบอกว่ามันก็มีความรู้สึกไง”
ผมร่ายยาวเพื่อให้เธอเข้าใจ การเลี้ยงสัตว์ก็หมายถึงเราต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต ไ่ใช่นึกอยากจะเลี้ยงก็เลี้ยง ไ่รู้ว่าม่านมุกจะคิดได้หรือเปล่าแ่หลังจากที่ผมูจบเธอก็ยืนนิ่งไปทันที
“กลับเถอะ” เมื่อเห็นเธอเอาแ่เงียบผมก็เลยูขึ้นอีกครั้ง
“พี่กลับไปเถอะ หนูจะหาคนเลี้ยงน้องให้ได้ก่อน”
“ม่านมุก” ผมชักจะหมดความอดทนกับเธอแล้วจริงๆ นะ
“ก็ไ่ได้ไปเอาเลี้ยงแล้วไง แ่จะหาคนที่เอาน้องไปอยู่ด้วยก่อน บางทีเจ้าของอาจจะกลับมารับไปก็ได้”
“ตลก ถ้าเจ้าของมันอยากได้มันจะมาอยู่ตรงนี้หรือไง”
“คนพวกนั้นใจร้าย ฮึก พี่ก็ด้วย”
“จะร้องไห้ทำไม” ผมว่าผมูเคลียแล้วนะ แ่ทำไมเป็นงี้วะ ไ่ยอมเข้าใจในสิ่งที่ผมบอกแล้วยังมาร้องไห้ใส่ผมอีก เธอทำให้ผมดูเลวเป็นเท่าตัวเลยแล้วไหนจะแมวที่กำลังส่งเสียงราวกับแข่งกันร้องอีก
“หนูไ่ชอบพี่แล้ว!”
ผมอยากจะบ้าตาย!
“หนูเอาไปให้พี่ไต้ฝุ่นเลี้ยงก็ได้ พี่ไต้ฝุ่นใจดีไ่ใจร้ายเืคนแถวนี้” ไู่เปล่าเธอยังอุ้มแมวด้วยมือเดียวแล้วเอาอีกมือล้วงไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย
“ทำอะไร” ผมถามเสียงเรียบไ่รู้เืกันว่าตัวเองไ่พอใจอะไร
“โทรให้พี่ไต้ฝุ่นมารับ” เธอมองผมตาขวางราวกับผมไปฆ่าพี่ชายเธอก็ไ่ปาน
“แล้วทำไมต้องไอ้ฝุ่น” ทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกันนัก แล้วสนิทกันถึงขั้นไหนถึงได้มีเบอร์มันแบบนี้ กับผมที่บอกว่าชอบนักหนายังไ่มีอะไรให้ติดต่อกันเลย
“พี่ไต้ฝุ่นใจดี ชอบตามใจ ถ้าเขาเห็นน้องต้องเอ็นดูแน่น่อน ถ้า...”
“รีบเอามันไปขึ้นรถก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
-TBC-
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??