เรื่อง ท่านอ๋อง ทรงดุร้ายเกินไปแล้วเพคะ
ส่วนเรื่องที่เขาจะชอบนางจริงๆ นั้น อี่โม่ไม่เคยคิดถึงกรณีเช่นนี้เลย ใครบ้างจะหลงชอบพี่สาวที่เลี้ยงตนเองมากับมือราวกับมารดา? ไม่ได้มีจิตใจผิดปกติแ้จะเกิดารู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร อีกั้ในาคิดเจวี๋ยนั้น นางคือพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน นี่คือสิ่งต้องห้ามในสมัยโบราณ ันั้นนางจึงไม่เคยคิดว่าเจวี๋ยจะเกิดารู้สึกเช่นนี้กับนาง
ขณะที่่านั้นนางเดินไปข้างโต๊ะเพื่อหยิบกาน้ำชา ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนี้จึงรีบตั้งสติเดินเข้ามารินน้ำชาให้กับนาง
เจวี๋ยรู้สึกสับสนวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่แตกต่างก็คือ ก่อน้านี้เขารู้สึกิ้หวัง ส่วนครั้งนี้ารู้สึกกลับสับสนซับซ้อนมาก่าเดิม มันมีั้าากลัว าดีใจ าเ็ปวด และาลังเล
เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเสด็จพี่อย่างไรดี เื่คืนที่นางกำนัลผู้นั้นวางยาเขา ัจากพบาผิดปกติแ้ เขาจึงรีบขังตัวเองไว้ในห้องอยู่เดียว ภาพที่ปรากฏขึ้นในสมองเขาล้วนเป็นร่างนาง
ใบ้างามสดใส ใบ้าขมวดคิ้วบูดบึ้ง ใบ้าผ่อนา รวมั้ที่นางสวมชุดเรียบง่ายที่ตัดขึ้นมาเองในขณะฝึกวรุ์นั้น ผิวขาวราวกับหิมะโ่พ้นผ้าออกมา ริมฝีปากแดงที่พร่ำสอนเขาทำให้เขารู้สึกแทบเสียสติ ันั้นเขาจึงต้องแช่อยู่ในน้ำเย็นตลอดั้คืน
คาดไม่ถึงว่าวันถัดมาเขายังคงรู้สึกหงุดหงิดร้อนใจ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังมีไข้ ันั้นเพื่อเป็นการรวบรวมสมาธิตน เขาจึงลงมือแกะสลักไม้ ทว่าสิ่งที่เขาแกะสลักออกมากลับเป็นตุ๊กตาที่มีลักษณะเหมือนกับนาง เขารู้สึกตื่นตระหนก รู้สึกปะหาใจ และรู้สึกดีใจ เื่์ชายิสี่เ่ปากเช่นนั้น มันจึงเป็นการพูดแทงใจดำอย่างแท้จริง นอกจากนี้อีกฝ่ายยังใช้คำพูดอันร้ายกาจทำร้ายนาง เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงลงมือหนักทันที
เื่เห็นเจวี๋ยนิ่งเงียบไม่ยอมตอบอยู่เป็นา อี่โม่จึงหัน้าไปมองอย่างปะหาใจ ทว่านางเห็นเพียงสี้าเสียใจเพราะถูกเข้าใจผิดเจวี๋ย ดวงตาสีน้ำหมึกเย็นชาคู่นั้นมองด้วยสายตาเ่ถาม
“เสด็จพี่ไม่เชื่อใจข้าหรือ? ข้าคิดจะมอบตุ๊กตาไม้แกะสลักชิ้นนั้นให้เสด็จพี่”
เื่เขา่าเช่นนี้ อี่โม่จึงเชื่อไป่าครึ่ง นางไม่ได้ซักไซ้ต่อ แต่เีให้เตรียมสำรับ วันนี้วุ่นวายมาั้วันแ้ นางั้เหนื่อยและหิวมากจนสมองเริ่มทำงานไม่ไหว
ส่วนเจวี๋ยกลับพยายามควบคุมารู้สึกผิดหวังตนเอง เขาแอบผ่อนลมหายใจอยู่เงียบๆ
เขาห้ามพูดเด็ดขาด หากเขาพูดออกมา นอกจากเสด็จพ่อไม่มีทางยอมให้อภัยนาง อื่นๆ ก็จะใช้ท่าทางเป็นปฏิปักษ์เข้าทำร้ายนาง
ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยที่เข้มงวดกับสตรีมาก นอกเสียจาก... เขาจะมีอำนาจบารมีมากพอที่จะควบคุมเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ั้หมด
ันั้นเขาต้องยิ่งใญ่ขึ้นมาให้ได้ าคิดเช่นนี้ไม่เคยรุนแรงทรงพลังมากขนาดนี้มาก่อน มันรุนแรงจนเขาสั่นสะท้านไปั้ร่าง
อี่โม่! อี่ โม่!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเ็ ในชั่วิตา็่าไปถึงปีแ้ นี้เจวี๋ยอายุิเอ็ดปี ส่วนอี่โม่อายุิปี
หากต้องการ่าถึงเหตุการณ์ที่เป็นที่โจษจันในช่วงสามปีมานี้ ุต้อง่าถึงเรื่องที่์หญิงจาวากลายเป็นที่โปรดปราน ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ู่ๆ ฮ่องเต้จึงดูแลเอาใจใส่์หญิงที่มาจากตำหนักเย็นผู้นี้ได้มากมายถึงเพียงนี้ แม้กระทั่ง์รัชทายาทก็ยังไม่สามารถสู้ได้
นางชอบเครื่องดื่มเย็น ห้องเครื่องขนาดเล็กในตำหนักไท่จี๋จึงต้องมีการเตรียมเครื่องดื่มเย็นไว้ตลอดปีั้สี่ฤดู!
นางไม่คุ้นเคยกับการอาบน้ำจากถัง ทางพระราชวังจึงมีการสร้างท่อน้ำใต้ดินที่เป็นโครงสร้างขนาดใญ่ตามภาพที่นางวาดออกมา อีกั้ภายในพระราชวังยังมีการสร้างหอเก็บน้ำและตาข่ายกรองน้ำ นับตั้งแต่นั้นมาแต่ละตำหนักจึงมี 'น้ำปะปา' ึ่เป็นการ่ลดแรงงานและสร้างาสะดวกสบายได้ไม่น้อย
มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน นางทำเรื่องที่เป็นปะโยชน์จำนวนไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว
ท่อน้ำใต้ดินถูกสร้างไปทั่วั้เมืองหลวงแ้ เพื่อสุขอนามัยที่ดี ์หญิงัิ้ 'กระาใฝ้า' ที่ใช้ในห้องน้ำโดยเฉพาะ ต่อมานางยังพัฒนาต่อจนกลายเป็นกระดาษ ึ่่อำนวยาสะดวกในชีวิตปะจำวันสำหรับผู้เรียนหนังสือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นแท่นพิมพ์และปากกาอีกด้วย
ดูเหมือนว่าสมองน้อยๆ นางจะมีาแปลกปะหามหัศจรรย์ไม่มีที่ิ้สุด จึงไม่แปลกใจที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานนางถึงเพียงนี้ เพราะแม้กระทั่งชาวบ้านทั่วไปยังรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณนาง
ณ ปีกตำหนักจาวา
เซิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ปะทับตำแหน่งู เขาเอียงตัวฟังเหล่าขุนนางั้าถกเถียงกัน ที่นี่มีลักษณะคล้ายกับห้องหนังสือ ันั้น ุจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวเหมือนเวลาฮ่องเต้ออ่าราชการตามปกติ ส่วนด้านล่างเก้าอี้ปะทับไม่ใช่์รัชทายาท และไม่ใช่ขุนนางใญ่ แต่กลับเป็น์หญิงพระ์ึ่ เวลานี้นางกำลังเอนตัวพิงเก้าอี้ปะทับ ท่าทางนางคล้ายกับเซิ่งเลยทีเดียว
การปรึกษาหารือเกี่ยวกับบ้านเมืองจะมีสตรีอยู่ด้วยได้อย่างไร? มีขุนนางอาวุโสจำนวนไม่น้อยที่แสดงอาการไม่พอใจทางสี้า ทว่าขุนนางอายุน้อยบางส่วนเริ่มยอมรับาจริงเรื่องนี้ได้แ้ พวกเขาคิดว่าแค่ฝ่าาไม่พา์หญิงร่วมออ่าราชการก็ถือว่าเป็นจากการยอมผ่อนปรนฝ่าาแ้
เวลานี้พวกเขานำปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้ออกมาปรึกษาหารือที่ตำหนักจาวา ึ่ก็ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลาอย่างึ่
อี่โม่ไม่ค่อยสดใสนัก การหาวนางทำให้นัยน์ตาขุนนางอาวุโสสะท้อนปะกายโกรธจัด
นี้พวกเขากำลังถกเถียงปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในแดนปะจิมเป็นปะจำุปี เวลานี้ยังไม่มีวิธีการแก้ปัญหาที่ได้เลยสักนิด
แดนปะจิมมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่นจึงขาดแคลนน้ำที่ใช้ในชีวิตปะจำวันมาก เช่นนี้จึงไม่มีน้ำในการปลูกพืชอย่างแน่ บางครั้งสวรรค์ไม่เป็นใจ แม้กระทั่งพืชที่ทนาแล้งได้อย่างดีก็ยังไม่สามารถออกิต ันั้นฮ่องเต้จึงต้อง่เหลืออยู่เ ถือเป็นปัญหาเก่าที่แก้ไม่หาย
ผู้ั้าต่างถกเถียงกันเป็นเวลาา แต่ก็ยังไม่มีวิธีการแก้ปัญหาที่ดี มีใครบางเหลือบมองเจวี๋ย จากนั้นจึง่าเสียงขรึม
“แดนปะจิมเป็นพื้นที่ยากจน ชาวบ้านมักเผชิญ้ากับปัญหาพายุทรายและภัยแล้ง มีชีวิตลำบากอย่างยิ่ง นี้บ้านเมืองสงบสุข อ๋องแดนปะจิมจึงไม่จำเป็นต้องมีามากมายขนาดนั้น าจำนวนึ่แสน หากสามารถถอนคืนได้ครึ่งึ่ ากดดันทางราชสำนักย่อมดีขึ้นอย่างแน่พ่ะย่ะค่ะ”
เื่เจวี๋ยได้ยินเช่นนี้ เขาจึงหรี่ตามองไปทางบุคคลผู้นั้นอยู่ชั่วครู่พร้อมส่งยิ้มอย่างเย็นชา
เขาในวัยิเอ็ดปีู่าอี่โม่่าครึ่งศีรษะแ้ ใบ้างามเย็นชา ท่าทางสง่างาม เวลานี้เขากลายเป็น์ชายที่ไม่มีาโดดเด่นใดๆ ปีมานี้ เขาพยายามปกปิดตนเองตามคำพูดอี่โม่ ุต่างรู้สึ่านอกจากวรุ์แ้ เขาก็ไม่มีาสามารถด้านอื่นๆ อีก
ทว่าเขาเคยเล่าปัญหาภัยแล้งในแดนปะจิมให้เสด็จพี่ฟัง นับตั้งแต่งานเฉลิมพระชนมพรรษาพระพันปีในครั้งนั้น เขามีโอกาสเจอ้าลูกพี่ลูกน้องเขา จากนั้นเขาจึงติดต่อกับอ๋องแดนปะจิมใกล้ชิดมากขึ้น เนื่องจากลักษณะแผ่นดินในแดนปะจิมเป็นปัญหาใญ่ เขาจึงคาดการณ์ว่าสักวันต้องมีใช้ข้ออ้างเช่นนี้ยึดอำนาจาในมืออ๋องแดนปะจิมผู้เป็นท่านตาเขา เขาเคยกังวลกับปัญหานี้ ทว่าเื่เสด็จพี่ได้ฟังแ้กลับทำตาเป็นปะกาย นาง่าว่าถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างึ่
เื่คิดถึงเรื่องนี้ เจวี๋ยจึงมองไปทางสาวน้อยที่ทำท่าง่วงเหงาหาวอย่างอดไม่ได้ สายตาเขาพลันอ่อนโยนทันที
คำพูดขุนนางอาวุโสท่านนี้ก็มีเหตุอยู่บางส่วน ุปีต้องคอยบรรเทาภัยแล้ง ส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องออกรบ หากมีาลดลงบางส่วนก็ย่อมลดภาระไปได้บ้าง ันั้นจึงมีาที่เริ่มเห็นด้วย ทว่านี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแต่ไม่ได้แก้ที่้เหตุ เช่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึ่าวิธีนี้มีปัญหาแอบแฝงอยู่จึงไม่ควรเลือกใช้
เวลานี้อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายก้าวเท้าขึ้นมาด้าน้าึ่ก้าว “ฝ่าา ข้าคิดว่าคำ่าใต้เท้าผู่มีเหตุ อ๋องแดนปะจิมดูแลแดนปะจิมมาาาปี แต่กลับไม่สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งได้เลย เกรงว่าเป็นเพราะอายุมากแ้จึงไม่สามารถแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นนี้ได้อีก เขาควรกลับมาพักผ่อนที่เมืองหลวงได้แ้พ่ะย่ะค่ะ”
คำ่านี้เป็นการักปัญหายากที่ไม่สามารถแก้ไขได้โยนใส่อ๋องแดนปะจิม ปากทำเป็นพูดว่าเีกลับมาพักผ่อนที่เมืองหลวง จากภายนอกอาจดูสวยงาม ทว่าในแดนปะจิม อ๋องแดนปะจิมมีงานและอำนาจบารมี แต่เื่กลับถึงเมืองหลวงแ้ เขาไม่มีอำนาจาอยู่ในมือ อ๋องแดนปะจิมจะกลายเป็นชราที่ว่างงาน ถึงนั้นเขาคงไม่สามารถปกป้องตระกูลเขา เพราะแค่สามารถเอาตัวรอดได้ก็ถือเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยพ
ฮ่องเต้ทราบหลักการและเหตุเหล่านี้ดี แต่เขายังไม่คิดโยกย้ายในเวลานี้ เื่หาวิธีแก้ปัญหาไม่ได้จริงๆ เขาจึงก้มศีรษะมองอี่โม่อย่างอดไม่ได้
“ลูกเอ๋ย เ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้หรือ?”
เื่เห็นฮ่องเต้สอบถามาเห็นเกี่ยวกับบ้านเมืองจาก์หญิง ขุนนางอาวุโสจำนวนไม่น้อยจึงแสดงสี้าไม่พอใจ ทว่าก่อน้านี้มีการลงโทษเชือดไก่ให้ลิงดูแ้ นี้พวกเขาจึงทำได้เพียงเก็บารู้สึกเหล่านี้ไว้ในใจ แต่ไม่กล้าเ่ออกมา
แรกอี่โม่เกือบ็อยหลับไป เื่ได้ยินฮ่องเต้เีตัวเอง นางจึงรีบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเ็พร้อมเ่ถามว่าเป็นเรื่องอะไร
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??