เรื่อง ใครจะทะลุมิติมาเป็นตัวร้ายได้ห่วยเท่าข้า! (Yaoi) [แปลจบแล้ว]

ติดตาม
เล่มที่ 6 ตอนที่ 151
เล่มที่ 6 ตอนที่ 151
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

        คนทั้งสองถูกแขวนไว้กลางอากาศ เฉินเปิ่นหวาหัวเราะ แววตาเย็นชา “ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองเป็นคุณชายท่านใดของตระกูลจิ่งหรือ? เข้ามาได้เพียงไม่นานก็ฆ่าคนตระกูลเฉินข้าไปนับสิบคนโดยไร้สุ้มเสียงแล้ว ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนี่!”

        อ๋าวหรานอยากแก้ตัวว่าไม่ได้ฆ่า แค่ทำให้สลบไปเท่านั้น แต่พอนึกถึงจิ่งฝานที่ลงมือ สุดท้ายจึงเงียบปากไป

        ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด

        “ทำไม? กล้าทำไม่กล้ารับหรือ? ตระกูลจิ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่เห็นเท่าไรเลยนี่” เฉินเปิ่นหวาหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาทีหนึ่ง

        แต่ประโยคนี้ผิดแล้ว

        อ๋าวหรานแก้ตัวว่า “รับสิ จะไม่รับได้อย่างไร? แต่ว่า...” แล้วหยุดคำไปเล็กน้อย จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา ดวงตาโค้งมน “ข้าไม่ใช่คนตระกูลจิ่ง”

        และประโยคนี้ก็ไม่ใช่คำโกหก

        ริมฝีปากบางเฉียบของเฉินเปิ่นหวาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “ไม่ใช่ตระกูลจิ่ง? ดึกดื่นค่ำคืนเยี่ยงนี้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่านอกจากตระกูลจิ่งแล้วจะยังมีผู้ใดกล้าเข้ามาขโมยของในอาณาเขตของข้าอีก!”

        ...

        พูดมาได้ช่างน่าไม่อายปากเสียจริง อ๋าวหรานอดรู้สึกขบขันขึ้นมาไม่ได้ “คุณชายเฉิน ท่านเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับอาณาเขตของตัวเองไปหรือไม่?”

        เฉินเปิ่นหวาส่งเสียงดัง 'อ้อ' ออกมาทีเสียงอย่างมีนัยยะ แล้วพูดอย่างเชื่องช้าไม่ใส่ใจว่า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคนที่เข้าใจผิดนั้นคือเจ้ากัน?”

        อ๋าวหรานขมวดคิ้ว คนผู้นี้ค่อนข้างหน้าไม่อาย เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าลักษณะของคนตระกูลเฉินเป็นเช่นไร

        “คุณชายเฉินหาได้เกรงใจไม่จริงๆ อยู่ในเขตอิทธิพลของผู้อื่นแล้วยังไม่รู้จักระมัดระวังถ่อมตน แถมยังคงทำตัวเป็นนกพิราบครองรังนกกางเขนอย่างโอหังเช่นนี้อีก ช่างหน้าหนาไร้ยางอายยิ่งนัก”

        เฉินเปิ่นหวาหาได้สนใจคำเสียดสีของอ๋าวหรานแม้สักนิดไม่ กลับพูดว่า “ช่างไร้เดียงสานัก! ตระกูลจิ่งไม่ออกสู่โลกภายนอกมานาน เหตุใดถึงกลายเป็นดังคำที่ว่า 'กบก้นบ่อ'2 ไปได้ พวกเจ้าคิดว่าแผ่นดินตรงนี้ยังเป็นของพวกเจ้าอยู่อีกหรือ?” เขาพูดแล้วก็เดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว สีหน้าแสดงออกอย่างเต็มที่ว่าสองคนตรงหน้านั้นช่างโง่เขลาเสียจริง “อย่าฝันไปหน่อยเลย! วันนี้ข้ากล้าชิงของของพวกเจ้ามาอย่างผ่าเผย พรุ่งนี้ข้าก็กล้าฆ่าล้างตระกูลเจ้า! เชื่อข้าเถิด แค่ไม่กี่วัน ไม่เพียงแค่ตระกูลจิ่งของพวกเจ้า ครึ่งหนึ่งของภาคตะวันออกนี้ล้วนต้องเป็นของพวกข้าตระกูลเฉิน!”

        ละโมบโลภมาก ดูท่าคงไม่อาจหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้แล้ว!

        ตระกูลเฉินเริ่มแยกเขี้ยวเต็มที่แล้ว

        “เฉินเปิ่นหวา ตั๊กแตนจับจักจั่นไม่ระวังนกขมิ้นที่อยู่ด้านหลัง อย่าโง่งมไปเป็นอาวุธให้ผู้อื่นใช้ พอหันหลังกลับไปเขาก็รอฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง3 มันจะได้ไม่คุ้มเสียเอารู้หรือไม่” น้ำเสียงของอ๋าวหรานเต็มไปด้วยความจริงใจ เฉินเปิ่นหวาคิดว่าเขาเป็นคนโง่งม พวกอ๋าวหรานเองก็มองเขาเช่นนั้นเหมือนกัน สองพี่น้องของตระกูลเฉินนี้ไม่มีผู้ใดมีสมองสักคนเดียว

        น่าเสียดายที่คำตักเตือนอย่างตรงไปตรงมาของอ๋าวหรานนี้ เฉินเปิ่นหวากลับเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ตอนนี้เขากำลังลุ่มหลงอยู่กับความรื่นเริงในการยึดตระกูลจิ่งมาไว้เป็นของตนเอง ผู้ใดพูดอะไรก็ไม่ฟัง กลับหัวเราะพรืดออกมา “ข้าชักสงสัยขึ้นมาจริงๆ แล้วว่าเจ้าเป็นคุณชายคนใดของตระกูลจิ่งกัน? ปากนี่ช่างพูดเหลือเกิน”

        อ๋าวหรานถูกอวนรัดแน่นจนรู้สึกทรมาน จึงขยับตัวชนจิ่งฝานไปหลายที จนเขาขมวดคิ้วน้อยๆ อ๋าวหรานก็ยังไม่รู้ตัว “ปกติข้าเป็นคนชอบพูดความจริง ก็แค่ไม่รู้ว่าเจ้าจะฟังเข้าใจสักกี่มากน้อย”

        ดวงตาคู่นั้นที่ไม่ใหญ่มากของเฉินเปิ่นหวาคล้ำลงทำให้ดูมีตบะอยู่บ้าง “ก็แค่การดิ้นรนของคนใกล้ตายเท่านั้น ความจริงคำพวกนี้เก็บไว้พูดให้พวกบรรพชนตระกูลจิ่งฟังตอนที่เจ้าตายเถอะ!”

        อ๋าวหรานถอนหายใจ “ดูท่าว่าคุณชายเฉินคงจะไร้ปัญญาจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว”

        พูดจบ...

        เฉินเปิ่นหวาก็ราวกับไม่คิดจะสนใจเขาอีกต่อไปจึงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สายตาเกรี้ยวกราด “ปล่อยธนู!”

        ครู่เดียวธนูแหลมคมนับร้อยก็พุ่งแหวกอากาศเข้ามา ทำให้สายลมในค่ำคืนหิมะโปรยนี้ยิ่งส่งเสียงฮูๆ ดังก้อง

        ถึงแม้อ๋าวหรานจะพอเดาได้ว่าจิ่งฝานคงมีวิธี แต่ความรู้สึกที่หัวธนูโลหะแหลมคมนับร้อยที่สะท้อนประกายหนาวเหน็บพุ่งเข้ามาตรงหน้าของตนในชั่วขณะนั้นก็ทำให้เขาถึงกับรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง แค่มองดูก็ทำให้หวาดหวั่นแล้ว

        ใกล้จะถูกเสียบพรุนเป็นรังแตนอยู่แล้ว อ๋าวหรานฝืนหันคอไปพูดกับจิ่งฝานอย่างร้อนรนว่า “พี่ชาย ไฟจะลนคิ้วอยู่แล้ว!” ท่านยังทำราวกับพระเข้าฌานอยู่อีก

        ...

        อากาศหนาวมาก

        หิมะยิ่งตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ทะลุอวนที่รัดร่างอยู่เข้ามา ร่วงลงบนใบหน้า มือ และเส้นผม แค่ชั่วระยะเวลาไม่นานก็เริ่มจะขาวโพลนทั้งหมดแล้ว

        แต่จิ่งฝานกลับรู้สึกอบอุ่นมาก

        อยู่ใกล้เกินไปเหมือนจะกอดเขาไว้เต็มอ้อมแขน การสัมผัสเช่นนี้ราวกับจะทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้น

        เนิ่นนานมาแล้วเขาก็เคยถูกสตรีสองสามคนกอดมาก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังรู้สึกเหมือนห่างไกล มีเพียงเซียงเซียงเท่านั้นที่อบอุ่น ตอนนี้อ๋าวหรานเองก็เช่นกัน แต่ก็ยังต่างกันอยู่ดี

        ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้มีมานานเท่าไรแล้ว?

        แต่คนผู้นี้จะเชื่อได้จริงหรือ?

        มีคำถามเช่นนี้มาหลายครั้งหลายหน

        อ๋าวหรานมองจิ่งฝานที่ไม่รู้สติล่องลอยไปถึงไหนแล้ว ในช่วงเวลาคับขันไม่รู้เหตุใดการกระทำถึงเร็วยิ่งกว่าสมอง บิดกายขยับอวนหมุนไปครึ่งรอบเพื่อใช้ร่างกายของตนเองบังจิ่งฝานไว้ ธนูแหลมคมพุ่งเข้ามาใกล้ หอบลมพัดมาจนผมปลิวไสวขึ้นอย่างบ้าคลั่งแล้วตีลงบนหน้าจิ่งฝาน

        อ๋าวหรานหลับตาโดยไม่รู้ตัว

        จะเป็นหรือตาย ร่ำรวยหรือยากจนล้วนขึ้นอยู่กับฟ้า4

        เดิมทีก็ได้ใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชาติ แล้วยังเป็นชีวิตที่สุขยิ่งกว่าทุกข์มากนัก แค่นี้ก็ไม่ขาดทุนแล้ว

        ——

        ธนู-่าใหญ่เหมือนจะปกคลุมพวกเขาไว้ทั้งหมด พวกเฉินเปิ่นหวาหาได้มีสีหน้าได้ใจแม้สักนิดไม่ แต่กลับมีสีหน้าตกตะลึงราวกับยากจะเชื่อแทน หมอกสีขาวราวกับม่านไหมเดี๋ยวชัดเดี๋ยวหายเหมือนจะมองไม่เห็นในค่ำคืนที่มีหิมะตกหนักเช่นนี้ มีเพียงลูกธนูร้อยกว่าดอกที่นิ่งสนิทไม่ขยับอยู่กลางอากาศราวกับโดนของก็ไม่ปาน จิ่งฝานที่หยุดลูกธนูไว้ได้ค่อยๆ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย หนังตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งบดบังสีแดงเข้มในดวงตา

        “เกิด...เกิดอะไรขึ้น?!”

        ผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่อยู่ข้างกายเฉินเปิ่นหวา พูดด้วยความตกตะลึงจนสั่นสะท้าน

        ในโลกนี้คนที่สามารถควบคุมกำลังภายในได้ถึงเพียงนี้ พูดตามจริงแล้วก็มีไม่น้อย แต่ครั้งนี้ตระกูลจิ่งที่มากันแค่สองคนกลับยังอายุน้อยอยู่ น้ำเสียงใสกังวานเหมือนเด็ก อีกคนถึงแม้จะไม่พูดอะไรเลย แต่รูปร่างท่าทางชัดเจนว่าก็เป็นแค่หนุ่มน้อยผู้หนึ่ง อายุน้อยเพียงนี้...อีกทั้งมือและเท้าก็ยังถูกรัดไว้อยู่กลับทำได้ถึงขนาดนี้ ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว

        หรือว่าพวกเขาคาดเดาอีกคนหนึ่งผิดไป

        ไม่รอให้พวกเขาคิดอะไรอีก หมอกขาวที่ผสมกลมกลืนอยู่ในหิมะปลิวไสวเบาๆ ราวกับถูกควบคุมโดยลม ธนูคมกริบหลายร้อยดอกถูกการพัดที่แผ่วเบาของมันทำให้พากันหันเปลี่ยนทิศทางไปในทางเดียวกันทั้งหมด

        อ๋าวหรานเพิ่งจะลืมตาก็พบว่าตรงหน้าที่เดิมทีเป็นหัวธนูตอนนี้กลับกลายเป็นขนนกที่หางลูกศรแทน พวกมันลอยค้างอยู่กลางอากาศ ไม่รอให้เขาตกตะลึง ธนูนับร้อยก็ส่งเสียง 'ฟ้าว…' แล้วพุ่งออกไป โดยมีเป้าหมายคือพวกเฉินเปิ่นหวา

        พอเห็นว่าเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ตกตะลึงไปตามกัน พวกเฉินเปิ่นหวาพากันถอยหลัง แต่เพียงชั่วครู่ธนูพวกนั้นก็พุ่งมาตรงหน้าแล้ว ทั้งยังเร็วยิ่งกว่าตอนที่พวกเขายิงมันออกไปเสียอีก

        คนกลุ่มใหญ่ปัดลูกธนูกันเป็นพัลวัน รีบตั้งรับอย่างรีบร้อน แค่ชั่วขณะก็สับสนวุ่นวายกันแล้ว คนที่เพิ่งยิงธนูออกไปอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่าธนูพวกนี้จะย้อนกลับมาได้ ล้วนพากันมองบรรดาผู้อาวุโสตระกูลเฉินที่กำลังมือเท้าวุ่นวายกันเป็นพัลวันอย่างตะลึงงัน

        เฉินเปิ่นหวาใช้กระบี่ปัดลูกธนูจนแขนชาแล้ว เมื่อหันไปเห็นพวกคนยิงธนูที่ยังยืนอึ้งอยู่ก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันใด ตะโกนด่ากราดดังลั่นว่า “แต่ละคนยืนโง่งมมองอะไรอยู่ เจ้าพวกไร้ประโยชน์ อยากตายหรืออย่างไร?”

        พอได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็ตกตะลึงจนมีปฏิกิริยาขึ้นมา รีบพุ่งขึ้นหน้ามาคุ้มครองเจ้านายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ฉากความวุ่นวายนี้...พูดตามจริงแล้วนั้นเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นาน คนตระกูลเฉินเริ่มเลือดตกยางออกกันแล้ว แม้บาดแผลไม่ร้ายแรง แต่ก็ทำให้พวกเขาทั้งลำบากและรำคาญ

        อ๋าวหรานมองคนด้านล่างที่ราวกับเผชิญสงครามใหญ่แล้วกะพริบตาอย่างตะลึงงัน เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไป

        เขาคงจะประเมินพลังของจิ่งฝานต่ำเกินไป ไม่รอให้เขาคิดอะไรมากมายก็รู้สึกว่าบริเวณเอวมีแขนข้างหนึ่งมารัดเอวเขาไว้แน่น

        อวนที่หดรัดเข้ามานั้น อ๋าวหรานดิ้นอยู่เป็นนานก็ไม่คลายลงแม้สักนิด รัดแน่นเสียจนแม้แต่นิ้วมือเขายังขยับไม่ได้ ตอนนี้จิ่งฝานกลับแค่ยื่นมือออกไปอย่างไม่ใส่ใจ อวนที่แข็งแรงเมื่อมาอยู่รอบตัวเขาเหมือนเป็นแค่อวนจากเชือกฟางธรรมดาๆ ขาดออกอย่างง่ายดาย

        จิ่งฝานโอบเอวอ๋าวหรานเอาไว้ บรรยากาศรอบกายเปลี่ยนเป็นแข็งกล้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกลุ่มน้ำวนที่พัดรุนแรงเสียจนไม่มีผู้ใดต่อต้านได้ อ๋าวหรานรู้สึกว่าอากาศโดยรอบเริ่มเบาบางลงจนหายใจลำบาก อวนที่รัดอยู่รอบตัวถูกบรรยากาศนี้ทำให้สลายกลายเป็นฝุ่นผงในทันที แล้วค่อยๆ ร่วงลงไปบนพื้นพร้อมกับหิมะ

        เมื่อเท้าแตะถึงพื้น อ๋าวหรานถึงเริ่มรู้สึกมั่นคงขึ้น

        หัวธนูทั้งหมดก็ร่วงหล่นบนพื้นแล้วเช่นกัน พื้นหิมะหนาถูกรอยเท้าที่สับสนวุ่นวายทำลายไปนานแล้ว ล้วนมีหยดเลือดแต้มอยู่เป็นจุดทำให้สภาพดูไม่ได้

        พวกคนตระกูลเฉินมองคนทั้งสองตรงหน้าที่ยืนอย่างมั่นคง แววตาล้วนมีความหวาดกลัวเพิ่มเข้ามา ส่วนเฉินเปิ่นหวานั้นแววตามีไฟลุกโหม โกรธจนแทบทนไม่ไหว

        ส่วนอีกด้านหนึ่ง

        พวกเหยียนเฟิงเกอกลับราบรื่นเป็นอย่างมาก


        นกพิราบครองรังนกกางเขน1 (鸠占鹊巢)หมายถึงเข้าครอบครองหรือบุกยึดครองที่ดินบ้านเรือนของผู้อื่นโดยพลการ

        กบก้นบ่อมีความหมายเหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า 'กบในกะลา'

        ฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง3 (卸磨杀驴)มีความหมายเหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า 'เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล'

        จะเป็นหรือตาย ร่ำรวยหรือยากจนล้วนขึ้นอยู่กับฟ้า4 (生死由命,富贵在天)หมายถึง๭ุ๯๬๺่า๹ขึ้นอยู่กับโ๰๳๰ะ๻า

ตอนต่อไป
เล่มที่ 6 ตอนที่ 152

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา