เรื่อง จำแลงรักชายาจิ้งจอก (นิยายแปลจีน) by ตำหนักไร้ต์รัก
แคว้นเมิ่งปีที่สิบสาม
ราษฎรทั่วทั้งเมืองหลทราบโดยทั่วกันว่าวันนี้ภายในจวนมหาเสนาบดีเกิดเื่ใหญ่ เนื่องจากคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงผู้ซึ่งเดิมที่ากายอ่อนแอและสิ้นใจลงกะทันหันับมามีชีวิตอีกครั้ง!
เพียงชั่วเวลาหนึ่ง ทั่วทั้งเมืองหลก็เกิดเสียงเ่าลือกัน่าอลหม่าน ไหนจะศพฟื้นคืนชีพเอย ภูตผีปีศาจออกอาละวาดเอย โจษจันกัน่าโหมกระหน่ำให้วุ่นวายไปทั่วทั้งเมือง
ทว่าเวลานี้ประตูใหญ่จวนมหาเสนาบดีถูกปิดสนิท ดรุณีน้อยในชุดกระโปรงสีแดงเข้มยืนอยู่างห้องโถงใหญ่ เงา่าสะโสะองทำให้ออกว่าเป็นสตรีที่งดงามเลิศล้ำนางหนึ่ง “ท่านพ่อ ่าแ่ ข้าับมาแ้เ้าค่ะ” ้ำเสียงก็เฉกเ่มนุษย์ทั่วไปทั้งนุ่มนวลและรื่นหู
เจียงหนานเฉิงจับแขนบุตรสาวตัวเไว้แน่นแ้จับพลิกไปมาารอบจนแน่ใจแ้ว่านางคือมนุษย์ที่มีชีวิตตัวเป็นๆ ทันใดนั้น้ำตาชายชราก็พลันรื้นปริ่ม “ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตที่เหลืออยู่คนแก่่าข้าจะได้เห็นหน้าจุ้ยเอ๋อร์ นับว่าได้ปลดภาระในใจแ้!”
ชายชราร่ำไห้้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ทว่าเจียงจั่นจุ้ยับทำเพียงแค่เหยียดมุมปากยิ้มพอเป็นพิธี “ท่านพ่อ ข้าับมาแ้ ท่านอย่าเสียใจไปเลยเ้าค่ะ”
“ใ่ ใ่แ้ๆ ับา็ดีแ้ ับา็ดีแ้!” เจียงหนานเฉิงรีบเช็ด้ำตาบนใบหน้า โบกมือเรียกสตรีวัยางคนที่ยืนอยู่อีกด้านและ่าวว่า “เ้าูสิ จุ้ยเอ๋อร์เราเป็นคนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง นางมีชีวิตรับมา่าปลภัย!”
“เ้าค่ะ คิดไม่ึเลยว่าจุ้ยเอ๋อร์จะยังมีชีวิตอยู่ หัวใจดนี้ข้าก็นับว่าวางลงได้แ้เ่กัน” จีฉืออินบิดเรือน่าเดินเข้ามาใ้ แววตาปรากฏความไม่ไว้วางใจ่าเห็นได้ชัด ไม่เพียงเ่านั้น ยังแฝงไปด้วยความตระหนกและลนลานสายหนึ่ง แม้นเพียงปรากฏแค่วูบเดียว แต่ก็ยังถูกเจียงจั่นจุ้ยจับัเกตได้
มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เจียงจั่นจุ้ยแย้มยิ้มออกมา่าหวานหยด “พระคุณท่านพ่อ่าแ่ที่ห่ใยข้า ่ากายจุ้ยเอ๋อร์ยังอ่อนล้า ข้าขอตัวับไปพักที่เรือน่นะเ้าคะ”
เห็นท่าทางนางยังเหมือนเ่คนปกติไม่ผิดเพี้ยน จีฉืออินจึงลอบผ่อนลมหายใจ่าโล่งอก “เื่เป็นเ่นี้ เ้าก็รีบับไปพักผ่อนเสียเถิด เีแ่” นางทำท่าทางอึกอัก ูตาอกิ้งไปมาไม่หยุด “เรานึกว่าเ้า...ไปแ้ ตอนนี้ก็เลยปรับเปลี่ยนเรือนเ้าเป็นห้องหนังสือแ้ หากเ้าไม่ถือสา ่าไรก็นอนห้องนอนแขก่สักคืน พรุ่งนี้ข้าจะให้บ่าวรับใช้จัดการให้”
นาง่าวแสดง้ำใจ แต่เจียงจั่นจุ้ยับนึกเย้ยหยันอยู่ในใจ
นางเพิ่งลงหลุมฝังศพเื่เช้านี้ นี่ยังไม่ทันพ้นวันก็ปรับปรุงห้องนางเสียแ้ รนทนรอไม่ไหวเลยสิท่า!
แม้ในใจจะพลิกวนร้อยพันตลบ แต่ทว่าบนใบหน้าเจียงจั่นจุ้ยก็ยังคงยกยิ้มพริ้มเพรา แ้่าว่าใจ้าว่า “ไม่เป็นไรเ้าค่ะ ข้านอนที่ไหนก็ได้” ไม่เปิดโอกาสให้จีฉืออินเอ่ยอะไรต่อ นางก็หันัเดินไปทางห้องรับรองแขกทันที
เห็นนางคุ้นเคยชำนาญทางเป็น่าดี ความเคลือบแคลงในดตาจีฉืออินก็จางหายไปเล็กน้อย
เีแ่ว่าคนตายแ้ฟื้นับมามีชีวิตนั้นช่างน่าพิศไม่เคยพบเคยเห็นา่อนจริงๆ ูเหมือนว่านางจะจดจำเื่ราวที่เกิดขึ้น่หน้านี้ไม่ได้เลยสักิ แต่หากมีวันใดที่นางนึกขึ้นมา...จิตัหารพลันวูบผ่านในดตาจีฉืออิน ในเื่เคยทำไปแ้ครั้งหนึ่ง นางก็ไม่ตะขิดตะขใจที่จะทำซ้ำเป็นครั้งที่สอง!
ปิ่นมุกฉลุลายดอก้วยไม้ปักอยู่บนเรือนผมยาวสีดำขลับ่าหลวมๆ เจียงจั่นจุ้ยจ้องใบหน้าตัวเในกระจกด้วยความพึงพอใจ ยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าที่เนียนะเีเี้ยงเาตัวเ
นับั้แต่นางจำความได้ก็รู้ว่าตัวเเป็นเพียงปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่ง แต่เนื้อหนังมนุษย์นั้นช่างงดงามจริงแท้ แม้กระทั่งจริตท่าทางการเดินอันชดช้อยนั้นก็ยังเชื้อชวนให้นางนึกริษยายิ่งนัก ด้วยเุนี้ปีที่อายุครบห้าร้อยปีเต็มนางจึงแอบหนีท่านปู่ต้นไม้มายังโลกมนุษย์ แต่พลาดพลั้งเกือบถูกนักพรตัหาร แต่โชคยังดีที่ได้สตรีนามว่าเจียงจั่นจุ้ยผู้นี้ช่วยชีวิตตัวเไว้
หลักธรรมที่ว่าบุญคุณหนึ่งหยดต้องทดแทนเ่าสาย้ำพุ ปีศาจนั้นเข้าใจดียิ่งกว่ามนุษย์ เพื่อตอบแทนบุญคุณ นางจึงคอยแอบเฝ้าูบริเวณละแวกบ้านตระกูลเจียง่าเงียบเชียบอยู่เสมอ แต่ทว่านางับเห็นเุการณ์ฉากนี้เข้า!
่าศพคลุมด้วยผ้าขาวถูกหามออกมาทางประตูัจวนตระกูลเจียง บนแขนที่ไถลลงมาจากผ้าขาวปรากฏกำไลหยกเขียดงามชิ้นหนึ่ง าู้ นี่เป็นกำไลหยกเจียงจั่นจุ้ย ครั้นูจนแน่ใจแ้ว่าเจียงจั่นจุ้ยถูอบฆ่านางจึงตัดสินใจเข้าสิง่าดรุณีน้อยผู้น่าสงสารนางนี้
ในเื่ยามมีชีวิตอยู่มิอาจทดแทนบุญคุณได้ เ่นั้นก็ขอแก้แค้นคนที่ฆ่าแทนนางแ้กัน!
เจียงจั่นจุ้ยกวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ ห้อง ผ้าห่มและฟูกที่นอนใหม่เอี่ยมถูกนำเข้ามาแ้ ทั้งหมดถูกกองรวมอยู่บนเตียง แต่ทว่าับไม่มีบ่าวรับใช้สักคนเข้ามาปู แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแ้ว่าสถานะนางในจวนตระกูลเจียงเป็นเ่ไร แต่ก็ไม่เป็นไร บัดนี้นางมิใ่บุตรอนุตระกูลเจียงผู้ฝืนทนรักษาหน้าทุกฝ่ายคนนั้นแ้ ่ที่จะสืบหาความจริงให้กระจ่างแจ้ง นางยังมีเวลาเพียงพอที่จะทำให้คนพวกนี้รู้ซึ้งึฤทธิ์เดชนางเสีย่
แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณสาดส่องผ่านบานหน้าต่าง เสียงนกร้องแว่วดังเป็นระยะ แต่ทว่าบนเตียงห้องพักรับรองแขกนั้นับว่างโล่งแ้
เจียงหนานเฉิงเพิ่งลุกขึ้นสวมชุดเสื้ำผ้านุ่งแดงก็ได้ิ่นอาหารอันหอมกรุ่นโชยมา หรือวันนี้ฉืออินจะตื่นั้แต่เช้า เจียงหนานเฉิงคิดเ่นี้ แ้ก็ผลักประตูเดินไปยังโถงใหญ่ด้วยความประหลาดใจ แต่ับเห็นสำรับอาหารเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ิ่นหอมเตะจมูกชวนให้คน้ำลายสอ
ข้างโต๊ะอาหาร มีดรุณีน้อยนางหนึ่งกำลังยุ่งง่วน จึงไม่ทันัเกตเลยว่าเจียงหนานเฉิงมายืนอยู่ด้านัตัวเแ้
“จุ้ยเอ๋อร์รึ”
เจียงจั่นจุ้ยหันกายมา่าใจเย็น เรอยยิ้มแสนหวานหยาดเยิ้ม “ท่านพ่อ ไฉนท่านจึงตื่นเช้าเพียงนี้”
“วันนี้ต้องเข้าประชุมในราชำั” เจียงหนานเฉิงอธิบายคร่าวๆ พลางูอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ่าค่อนข้างเหลือเชื่อ “เ้าทำทั้งหมดนี่เลยหรือ” !
เจียงจั่นจุ้ยผงกศีรษะเล็กน้อย “เ้าค่ะ แม้ฝีมือจุ้ยเอ๋อร์จะสู้แม่ครัวไม่ได้ แต่อาหารที่แม่ครัวทำส่วนามิใ่ที่ท่านพ่อชอบรับประทาน ครานีู้รพ้นจากความตายจึงั้ใจทำอาหารที่ท่านพ่อชอบ เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ท่านพ่อเลี้ยงูมาตลาปีเ้าค่ะ”
เืู่อาหารที่ถูกจัดวางอยู่เต็มโต๊ะแ้หันไปบุตรสาวที่มีท่าทางน่ารักรู้ความ นัยน์ตาเจียงหนานเฉิงก็พลันปรากฏความปีติยินดี “ดี นี่เป็น้ำใจจุ้ยเอ๋อร์ วันนี้พ่อจะกินให้หมดเี้ยงเลย!”
“กะอีแค่อาหารมื้อเดียว จะมีอะไรนักหนา!”
สองพ่อูกำลังพูดคุยสรวลเสเฮฮา แต่ับมี้ำเสียงอันหยามเหยียดดังขัดจังหวะเข้ามา เจียงจั่นจุ้ยเงยหน้าไปทางต้นเสียงก็เห็นดรุณีวัยแรกแย้มคนหนึ่งเดินนวยนาดเข้ามา รูปโฉมหน้าตานางละม้ายคล้ายคลึงกับตนอยู่ส่วน ดหน้าที่งามนวลดุจจันทรานั้น มีเีแ่องคาพยพทั้งห้าที่ด้อยกว่าเจียงจั่นจุ้ยอยู่หนึ่งส่วน
“อีเอ๋อร์! ไยเ้าพูดจาเ่นี้กับพี่ญิ” เจียงหนานเฉิงย่นหัวคิ้ว “ปกติพ่อสอนเ้าว่า่าไร ลืมไปแ้หรือ”
เจียงเหยาอีขมวดคิ้ว่าไม่สู้ยินดีนัก พ่นลมออกทางจมูก แ้กระแทกบั้นท้ายนั่งลงบนเก้าอี้ “ท่านพ่อลำเอียงเข้าข้างนาง ก็แค่บุตรอนุคนหนึ่ง มีอะไรดีเลิศนักหนา!”
“เหลวไหล!” เจียงหนานเฉิงเป่าหนวดถลึงตา ขณะั้ท่าจะอบรมสั่งสอนเจียงเหยาอีสักรอบแต่แขนเขาับถูกมืออ่อนนุ่มคู่หนึ่งดึงไว้เสีย่
ไม่รู้ว่าจีฉืออินมาอยู่ข้างกายเขาั้แต่เื่ใด นางเหลือบเจียงจั่นจุ้ยพร้อม่าวด้วยรอยยิ้ม “แค่คำหยอ้อเด็กๆ น่ะเ้าค่ะ มิใ่เื่จริงจัง ท่านต้องเข้าประชุมในตอนเช้ามิใ่หรือ รีบกินดีกว่าเ้าค่ะ” ในวาจาไม่เความขุ่นเคืองใดๆ ต่อเจียงจั่นจุ้ยสักิ
เจียงหนานเฉิงูภรรยาแสนรักตัวเแ้ับลงนั่งข้างโต๊ะ เจียงเหยาอีเบ้ปาก่าไม่สบอารมณ์ คิดจะโต้เถียงต่ออีกสองสามคำ แต่มือนางับถูกจีฉืออินปรามไว้ จึงจำต้องืนความไม่พอใจที่มีอยู่เต็มอกับลงไป แต่ยังคงใช้สายตาเชืเฉือนจ้องเจียงจั่นจุ้ยที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าว
ทุกการกระทำพวกนางล้วนตกอยู่ในสายตาเจียงจั่นจุ้ยทั้งหมด มุมปากนางยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมนางแ้
ครั้นองบนหอประตูอู่เหมินดังลั่นขึ้น เ่าขุนนางก็พากันเรียงแถวเข้าประตูใหญ่วังหล ผ่านทางสะพานจินสุ่ย ไปยืนเรียงกันอยู่างพระตำหนักไท่เหอ
ขันทีคนหนึ่งขานร้องเสียงแหลม “หากมีเุให้กราบทูล หากไร้กิจเลิกประชุม!”
เจียงหนานเฉิงสบตากับรองราชเลขาเว่ยเซี่ยวอัน้าไปข้างหน้าหนึ่ง้า จากนั้นก็ถวายบังคมกราบทูล “กระหม่อมมีเุกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้ายชิง[1]มีเื่อันใดหรือ”
“ช่นี้กระหม่อมทราบข่าวว่ามีราษฎรจำนวนไม่น้อยอพยพเข้าเมืองหลเนื่องด้วยเุการณ์้ำท่วมที่เมืองลั่วหยาง เป็นเุให้การป้องกันรักษาเมืองหลนั้นหละหลวมึั้มีชนต่างเผ่าบางส่วนบุกรุกเข้ามาในเมืองหลได้ กระหม่อมเห็นว่า เมืองหลเป็นสถานที่สำคัญอันต้องรักษาความสงบมั่นคงไว้ึทีุ่ เจตนาชนต่างเผ่าเ่านั้นยากแท้หยั่งึ หากไม่เพิ่มการระวังตรวจตราให้เข้มงวด เกรงว่าอาจเป็นการบ่มเพาะจนายเป็นหายนะอันใหญ่หลพ่ะย่ะค่ะ!”
ครั้นฟังเจียงหนานเฉิง่าวจบ เ่าขุนนางเสนาบดีต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ เมิ่งอู่ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ั รอยยับย่นบนพระพักตร์ชราขยับเล็กน้อย “มีเื่เ่นี้เกิดขึ้นได้่าไร ผู้บัญชาการกองพิทักษ์เก้าประตูนครหลอยู่ที่ใด บังอาจปล่อยให้คนต่างเผ่าเ่านั้นรุกรานดินแดนต้าฉีข้า!”
ผู้บัญชาการกองพิทักษ์เก้าประตูนครหล เคอจือม่อ ตัวสั่นเทา รีบร้อน้าออกมารายงานตัว “กระหม่อมรู้ผิดแ้พ่ะย่ะค่ะ ัจากนี้กระหม่อมจะเพิ่มกำลังตรวจตรา่าเข้มงวด มิให้คนต่างเผ่าเหยียบย่างเข้ามาในเมืองหลได้อีกเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใต้เท้าเคอ่าวเ่นี้มิใคร่ดีกระมัง เ่นี้เรียกกันว่าวัวหายล้อมคอก พอวัวหายไปแ้ เพิ่งจะมาล้อมคอกยังจะมีประโยชน์อันใดเ่า” รองราชเลขาเว่ยเซี่ยวอันแค่นเสียงเยาะ “คนหนุ่มยอมรับผิดเป็นเื่ดี ทว่าการสะเพร่าหละหลวมนั้น จะทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังในตัวพวกเราแ้!”
เคอจือม่อขบฟั ตาแก่หัวหงอกผู้นี้ ตัวเฝังลงดินเหลือเพียงครึ่ง่าแ้ยังจะมาคอยขัดขาเขาอีก!
“เจียงอ้ายชิง เว่ยอ้ายชิง เ่นั้นพวกเ้ามีความเห็นหรือข้อเสนอแนะอันใด” เมิ่งอู่ฮ่องเต้ตรัสถาม
“กระหม่อมเห็นว่าควรส่งทหารไปเสริมกำลังเฝ้ารักษาการณ์ทุกทางเข้าออกสำคัญ หากพบเจอชนต่างเผ่าน่าสงสัยต้องตรวจสอบโดยะเี ห้ามปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!” เจียงหนานเฉิงเสนอ่าเป็นั้เป็นตอน เมิ่งอู่ฮ่องเต้พยักหน้า เขาด้วยความชื่นชม ในพระทัยลอบตรึกตรองขึ้นมา
บัดนี้ผู้มีความสามารถที่ใช้การได้ในราชสำนัดน้อยลงไปทุกที มหาเสนาบดีเจียงหนานเฉิงมีใจภักดีและมียุทธ์อันเยี่ยมย เรียกได้ว่าเป็นแขนซ้ายมือขวา ตอนนี้เขาเก็แก่ชราาแ้ ยามรัชทายาทขึ้นครองราชย์จำเป็นต้องมีคนเ่นี้ช่วยเหลือข้างกาย หากทำให้เจียงหนานเฉิงวางใจได้ละก็...
“ทำตามที่เจียงอ้ายชิง่าว เื่นี้ ข้าขอมอบอำนาจทั้งหมดให้เ้าจัดการ อย่าทำให้เราผิดหวัง!”
“กระหม่อมน้อมรับบัญชา” เจียงหนานเฉิงพยักหน้าให้เว่ยเซี่ยวอัน เคอจือม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างปรากฏแววรังสีัหารวูบผ่านในดตา บัดนี้นึกอยากกำจัดเฒ่าชราทั้งสองใจจะขาด
หากมิใ่เพราะแผนการใหญ่องค์ชายสาม เขาไม่มีทางยอมรับความไม่เป็นธรรมอยู่ตรงนี้! รอวันใดที่เขาได้ขึ้นนั่งบนตำแหน่งที่อยู่ภายใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นแ้ละก็ จะต้องทำให้พวกมันได้ลิ้มรสความขมขื่นเสียบ้าง!
ภายในห้องทรงพระอักษร
เบื้องหน้าเมิ่งอู่ฮ่องเต้มีบุรุษคนหนึ่งอายุราวๆ ยี่สิบกว่าปียืนอยู่ บุรุษคนนั้นสวมอาภรณ์ที่ทำจากแพรดิ้นขลิบทองสีเหลืองขนห่าน ูราวกับมนุษย์ที่เจียระไนออกมาจากหยกงามไร้ตำหนิ แม้นยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ทว่าบุคลิกที่งามสง่า โดดเด่นน่าพิศ มีเสน่ห์น่าพิสมัยไม่เหมือนใคร ชวนให้ผู้คนเกิดความรู้สึกสูงส่งเลอค่า
คนนี้ผู้นี้คือรัชทายาทองค์ปัจจุบัน เมิ่งเฮ่อกุย
แคว้นเมิ่งดำเนินมาจวบจนรัชสมัยเมิ่งอู่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ผู้คนก็ต่างแห้งเหี่ยวโรยราแ้ แม้น่าวว่าราชศ์จะแผ่กิ่งแตกใบสาขาออกไปามาย แต่โอรสที่มีอยู่น้อยคนเขายังมาล้มหายตายจากั้แต่เยาว์วัยไปเป็นจำนวนา ที่เห็นเข้าตาจริงๆ ก็มีแค่องค์ชายสามเมิ่งหนิงหลั่งกับองค์ชายห้าเมิ่งเฮ่อกุยสองคน และเมิ่งเฮ่อกุยโอรสในพระสนมเหมยเฟยก็เป็นผู้โดดเด่นและยเยี่ยมทีุ่ แตกฉานในศาสตร์ฉิน หาล้อม ตำราและวาดภาพครบทุกด้านมาั้แต่เล็กๆ
ในบรรดาญิงามสามพันคนแห่งวังั พระสนมเหมยเฟยคือคนที่เมิ่งอู่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานาทีุ่ ครั้น่าวึพระสนมเหมยเฟยพระนางนี้ นางเป็นบุตรีชาวนาครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านริมแม่้ำแถบเจียงหนาน ครั้นเมิ่งอู่ฮ่องเต้เสด็จลงใต้เยี่ยมเยือนเมืองเจียงหนานก็ถูกตาต้องใจและพานางับเข้าวัง เพียงไม่กี่ปีก็ได้นั่งตำแหน่งกุ้ยเฟย แต่น่าเสียดายที่พระนางเหมยเฟยมีชาติกำเิที่ข้นแค้น แม้นต่อให้เป็นที่รักใคร่โปรดปราดาเ่าไรก็ไร้หนทางระงับคำคนแ้แต่งั้นางขึ้นเป็นฮองเฮาได้ ที่ยิ่งทำให้คนสะทกสะท้อนใจก็คือครั้นคลเมิ่งเฮ่อกุยออกมาได้ไม่นาน พระนางเหมยเฟยก็ประชวรหนักจนอำลาโลกนี้ไป เมิ่งอู่ฮ่องเต้ปวดใจอาลัยรัก พระวรกายก็พลันทรุดฮวบ
บางทีอาจเพราะยากจะลืมเลือนรักเก่า ปีนั้นยามเมิ่งเฮ่อกุยอายุครบสิบขวบ เมิ่งอู่ฮ่องเต้ก็ไม่สนใจคำค้านใดๆ ในราชำั แต่งั้เมิ่งเฮ่อกุยขึ้นเป็นรัชทายาทข้ามหน้าข้ามตาองค์ชายสาม แต่โชคยังดีที่เมิ่งเฮ่อกุยเก็มีใจสู้ าปีมานี้ช่วยจัดการราชกิจต่างๆ ในราชำั่ามีระเบียบแบบแผน เสียงคัดค้านเ่านั้นจึงค่อยๆซาลง
เห็นเมิ่งอู่ฮ่องเต้ที่เพิ่งับจากประชุมยกมือกุมหน้าผากด้วยสีหน้าอ่อนแแ้ แววตาเมิ่งเฮ่อกุยก็พลันวูบไหว สั่งให้ขันทีออกไปแ้จึงเดินไปหยุดข้างกายฮ่องเต้
พ
**ติดตามตอนต่อไป่ใครได้ที่
https://www.readawrite.com/a/Z1thmf-จำแลงรักชายาจิ้งจอก-40นิย?r=search_article
[1] ายึขุนนางที่รัก ใช้เป็นคำเรียกที่กษัตริย์ใช้เรียกขุนนางชั้นผู้ใหญ่
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??