เรื่อง STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน (อ่านฟรีจนจบ)(มี EBOOK)
29 สิงหาคม พ.ศ.2575
คิดยังไงมันก็น่าแปลก เราไม่สามารถอ่านภาษาของพวกเขาได้ทั้ง ๆ ที่พูดคุยกันได้ปกติ หลังจากการประชุมเมื่อตอนนั้นองค์ราชาก็ให้พวกเราเรียนภาษากับครูที่เก่งที่สุด โชคดีที่คนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นอันดับต้น ๆ ของโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นพีช ซันนี่หรือซากิเลยทำให้เรียนรู้ได้รวดเร็ว
เมื่อหมดเวลาเหล่านักเรียนต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนคาบต่อไป
"เราอยู่ที่นี่มาหลายสัปดาห์แล้วนะ ฉันล่ะอยากออกไปล่าปีศาจหรืออะไรพวกนั้นบ้าง" ซันนี่โผเข้ามาเกาะหลังฟรานทิ้งน้ำหนักตัวลงนิดหน่อย
"ที่นี่ยังมีอะไรแปลก ๆ ให้เรียนรู้อีกเยอะเลยนะ" ซากิหันมาส่งยิ้มอ่อน ๆ ก่อนจะเดินต่อไป
จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังมาจากใกล้ ๆ พวกเธอจึงรีบวิ่งหาที่มาของเสียงด้วยความสงสัย
“บัดซบเอ๊ย!” หญิงสาวผมบลอนด์ทองชกกำแพงระบายความโกรธที่ปะทุออกมา
“ใจเย็น ๆ ก่อนน่าลักซ์ เขาก็แค่ถูกขังไว้ก่อนรอการพิจารณาคดี” ชายสูงวัยเครายาวพยายามพูดคุยกับลักซ์
“ฉันต้องไปแล้ว ยังไงก็ขอโทษเลยกำแพงด้วยนะคะไว้ฉันจะชดใช้ให้ทีหลัง”
“อืม...ไปเถอะ” ชายสูงวัยถอนหายใจมองดูใบหน้าสับสนโกรธเกรี้ยวของลักซ์ที่ไม่ควรไปยุ่งเด็ดขาด
ขณะเดียวกันก็มีนักเรียนมากหน้าหลายตาแอบมองไกล ๆ ด้วยความสงสัย และหนึ่งในนั้นก็มีพวกฟรานอยู่ด้วย
“นั่นเธอใช้แค่มือเปล่าจริง ๆ เหรอเนี่ย” ชาญขมวดคิ้วสงสัยในพลังกายของหญิงสาวรูปงามนางนั่น
"จะว่าไป...เราอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย?" ซากิมองไปรอบ ๆ เห็นตึกขนาดใหญ่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบมีทั้งเส้นทางการสัญจรที่สะอาดสะอ้านและดูดี
"ขอโทษนะครับ" พวกเธอพากันเดินไปหาชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ
"ว่าไงครับ โอ! ท่านผู้กล้า" พอเขาได้มองหน้าฟรานก็รีบลุกขึ้นยืนโค้งคำนับทันที
"พวกท่านมีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?" เขาพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลสุภาพเหมือนพูดกับเชื้อพระวงศ์
"พอดีว่าพวกเราหลงทางค่ะช่วยบอกทางกลับไปที่เขตหนึ่งได้ไหมคะ?" ซันนี่ขอร้องด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มดูมีมารยาท
"ถ้างั้นตามผมมาได้เลยครับ" เขาหันหลังเดินนำพวกเธอไปตามทางผ่านตึกเล็กตึกใหญ่มากมาย
ไม่นานพวกเธอก็มาถึงตึกที่เคยเรียน พอได้มองดูดี ๆ แล้วที่นี่ก็ไม่ไกลจากเขตโน้นเท่าไรเพียงแต่ตึกพวกนี้มันคล้าย ๆ กันก็เลยสับสน
"ไหน ๆ แล้วพวกท่านอยากจะลองเที่ยวชมเขตทั้งแปดเลยไหมครับ?" เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกฟรานก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแต่ดูเหมือนซันนี่และชาญจะอยากไปมากกว่าใคร ๆ
"ไปกัน ๆ" เธอเขย่าแขนฟรานเป็นบ้าเป็นหลัง
"ก็ได้ ๆ วันนี้เราก็ไม่มีวิชาเรียนแล้วด้วยถึงมีก็เป็นพวกวิชาพื้นฐานที่รู้อยู่แล้ว"
"ถ้าฟรานไปฉันก็ไป" ซากิที่มองตาฟรานพร้อมที่จะติดตามไปทุกที่เหลือเพียงคำตอบจากพีชคนเดียวเท่านั้น
"อืม...ไป" ด้วยสายตาสุดจะกดดันทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ
ขณะนั้นก็มีเสียงรถม้าเคลื่อนมาทางนี้พอดี "โชคดีจริง ๆ เฮ้ !" เขาตะโกนและกวักมือเรียกรถม้า
"อ้าวว่าไงวินมาทำอะไรที่เขตหนึ่งล่ะ?" เขาทักทายด้วยความสนิทสนม ก่อนที่วินจะเดินเข้าไปตีมือทักทาย
"ฉันพาท่านผู้กล้ามาส่งน่ะ" เขาส่งยิ้มและตอบกลับด้วยความร่าเริง
"นายจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะพาพวกท่านเยี่ยมชมแต่ละเขต"
"เอาสิ ! ขึ้นมาเลยพวก" ชายหนุ่มผู้นั้นตัดสินอย่างรวดเร็วให้พวกเธอขึ้นไปบนรถม้าที่ดูหรูหรากว่าของพวกทหารเสียอีก ม้าสีขาวที่อยู่ด้านซ้ายและตัวสีดำอยู่ทางขวา มีผ้าคลุมสีขาวครอบตัวรถไว้ประดับด้วยของตกแต่งสีสันสวยงามแม้แต่ที่นั่งภายในยังนุ่มนิ่มสบายตัว
"รู้สึกดีกว่าของพวกนั้นเยอะเลยนะเนี่ย" ซันนี่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นั่งทำให้พวกฟรานไม่ได้นั่งสักที
"หยุดได้แล้วน่า" ชาญจับตัวเธอไว้นิ่ง ๆ และนั่งประกบไว้
"นายชื่อวินใช่ไหม?" วินที่นั่งถัดจากซากิตกใจกับเสียงเรียกของฟรานที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่
"คะครับ" เขาตอบด้วยความเขินนิด ๆ นิ้วมือกระดิกอยู่บนตักไม่ค่อยกล้าสบตาเสียเท่าไร
"ฉันชื่อฟราน" เธอยื่นมือให้ต้องการทักทายวินจึงตอบรับด้วยการจับมือ
"ผมจะเริ่มการแนะนำโรงเรียนแล้วนะครับ ก่อนอื่นก็คือเขตสอง" เขาชี้นิ้วไปยังนอกหน้าต่างตึกขนาดใหญ่มากมายรายเรียงกันมันคือที่แรกที่เจอกับวิน
"เขตสองเป็นเขตการวิจัยและพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คน มันอาจจะงง ๆ หน่อยผมก็ไม่ค่อยสนใจมันสักเท่าไร"พวกเขามองไปยังตึกใหญ่ ๆ พวกนั้นพลางคิดวิเคราะห์ว่าเขตแห่งนี้ใช้สอนอะไรกันแน่
สถานที่กว้างใหญ่กินพื้นที่ไปหลายตารางกิโลเมตรพวกเขานั่งรถม้าไปเรื่อย ๆ จนมาถึงที่แห่งหนึ่ง
"เขตสามเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม" ต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ทั้งคุ้นหน้าคุ้นตาและแปลกประหลาดก็มีให้เห็นรายล้อมรอบตึกเล็กใหญ่ที่อยู่ตรงกลางเพียงแค่มองก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที
"เขตนี้เป็นเขตที่มีพื้นที่มากที่สุดที่เห็นนั่นแค่ทางเข้าเท่านั้น" รถม้าเคลื่อนตัวไปเกือบชั่วโมงพวกเขาดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ อย่างเต็มที่
"เขตสี่เป็นเขตอุตสาหกรรม สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็คิดค้นขึ้นที่นี่แหละ" แม้มองไกล ๆ จะดูเหมือนตึกทั่ว ๆ ไปแต่เมื่อเพ่งสายตาจ้องเข้าไปจะเห็นผู้คนพลุกพล่านวุ่นวายเต็มไปหมด
"เขตห้าเป็นเขตเวทมนตร์ ไม่ใช่มีแค่เรียนเท่านั้นยังมีการวิจัยและพัฒนาเวทมนตร์แขนงต่าง ๆ มันจึงทำให้เขตนี้ได้งบประมาณสูงที่สุดอีกด้วย" ระหว่างที่กำลังชมสถานที่พวกเขาก็ได้เห็นผู้คนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือตึกอาคารเหล่านั้น
"เห็นนั่นใช่ไหมพวก?" ชาญตกตะลึงตาเบิกกว้างพยายามจ้องมองว่าตัวเองตาฝาดไปเองหรือเปล่า
"มีคนลอยได้ด้วยล่ะพวกเขาทำได้ยังไง?" ซันนี่เอาหน้าแนบหน้าต่างมองไป
"พวกเราใกล้จะคิดค้นเวทการบินได้แล้วล่ะคาดว่าอีกไม่ถึงปี" คำพูดของวินไม่เข้าหูชาญกับซันนี่เลยเหมือนพวกเขาหลุดไปอยู่อีกโลกเสียแล้ว
"งั้นเราไปเขตต่อไปเลยดีกว่า"
กรงเหล็กตั้งสูงหลายเมตรการป้องกันที่แน่นหนามากกว่าที่อื่นผิดปกติ
"เขตหก ที่นี่เป็นเขตที่จะวิจัยพวกมอนสเตอร์รวมทั้งสัตว์อสูรด้วย"
"สัตว์อสูรคืออะไรคะ?" ฟรานรีบเอ่ยปากถามทันที
"พวกมันก็คล้าย ๆ กับมอนสเตอร์นั่นแหละครับ เพียงแต่มันไม่ได้อยู่ในดันเจี้ยน" เมื่อได้คำตอบเสียงพวกเธอก็เงียบลงเพราะไม่ค่อยสนใจมอนสเตอร์เสียเท่าไร
"เขตเจ็ดแห่งนี้เป็นเขตการท่องเที่ยว" พวกซากิต่างก็ทำหน้างงว่ามันคืออะไร
"มันทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วก็พวกภาษาก็มีด้วย" พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องมีเขตแยกแบบนี้ด้วย
สถานที่ต่อไปอยู่ไกลออกไปจนเกือบจะออกไปนอกเมืองแล้ว
"และก็เขตที่แปดพึ่งก่อตั้งได้ไม่นานนี้ เขตอุตสาหกรรมเครื่องยนต์" พวกเขาเห็นรถแปลก ๆ เคลื่อนผ่านไปมีเครื่องยนต์คอยขับเคลื่อนล้อและตัวรถแต่ลักษณะของมันบังกลวงและไม่ได้ต่อเติมให้ครบ
"ตอนผมเห็นครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกันที่รถมันจะขยับไปได้เองแถมทั้งความเร็วและระยะเวลาการใช้งานก็ดีกว่าม้าเห็น ๆ" ฟรานเหม่อคิดอะไรบางอย่างเมื่อเห็นรถคันนั้นหลังจากวนรอบโรงเรียนหลวงวินก็พาพวกเธอกลับไปเขตหนึ่งอีกครั้ง
"วันนี้ได้เที่ยวทั้งวัน สบายจริง ๆ เลยเนอะ" ซันนี่บิดตัวยืดแขนออกไปสุด ก้าวเท้าเร็วกว่าคนอื่นจนนำหน้า
"พอมาคิด ๆ ดูแล้วเมืองอื่นแค่เรื่องไฟฟ้ากับการประปายังไม่ค่อยได้มาตรฐานเลยแต่ที่นี่มีแม้กระทั่งรถยนต์เลยนะ" ซันนี่ขมวดคิ้วคิดไม่ตก
"เฮ้ ๆ คิดมากไปแล้วน่ายังไงเมืองหลวงก็ต้องไปพัฒนาไกลกว่าบ้านนอกอยู่แล้ว วันนี้กลับไปพักผ่อนจะได้หยุดคิดเรื่องพวกนี้สักที" ชาญส่งยิ้มร่าเริงช่วยให้ซันนี่สลัดความคิดมากออกไปได้
"ก็ได้" เสียงเอื่อย ๆ ของซันนี่ทำเอาทุกคนรู้สึกเหนื่อยล้าไปด้วย พวกเขาต่างก็แยกย้ายกลับห้องของตัวเองมีเพียงแค่พีชที่อยู่กับโย
ที่ซันนี่พูดก็ถูก เมืองทั่วไปมีลักษณะคล้ายกับเมืองในยุคกลางแต่ที่เมืองหลวงกลับมีทุกอย่างใกล้เคียงกับโลกของเรา
ขณะเดียวกันเซนที่หมดแรงนอนหลับก็ได้ตื่นขึ้นมาก่อนซึฮากิ
"กิ...กิ!" เซนกำลังเขย่าตัวซึฮากิที่นอนอยู่ข้าง ๆ แอ่งน้ำบาดแผลของเขาเริ่มสมานกันทำให้เลือดไม่ไหลไปมากกว่านี้
เขาตื่นขึ้นมาด้วยสภาพงัวเงียพลางมองไปรอบ ๆ เห็นเซนกำลังจ้องมองเขาด้วยความเป็นห่วง
"พวกนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" เขารีบถามพวกเซนก่อนจะดูตัวเองเสียด้วยซ้ำ สภาพแขนที่ยังหักและมือที่กระดูกแตกจนหยิบจับอะไรแทบไม่ได้แต่ก็เป็นห่วงเพื่อน ๆ ก่อนใคร
เซนยิ้มด้วยความสบายใจพร้อมกับประคองซึฮากิขึ้นยืน
"ถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับขึ้นไปแล้ว" คานะเดินเข้ามาทางด้านหลังพร้อมกับปุยที่กระโดดไปรอบ ๆ ด้วยความดีใจ
"งั้นก็รีบไปกันเถอะ" เมื่อเตรียมของเสร็จพวกเขาจึงเริ่มเดินทางอีกครั้ง
โชคดีจริง ๆ ที่ทุกคนปลอดภัย ถ้าเป็นคนปกติคงได้ตายไปนานแล้ว เวลาผ่านไปครึ่งวันที่พวกเขาเดินเท้าไม่มีหยุด
[วิสัยทัศน์ดำมืด] ----- [ควบคุมวิสัยทัศน์]
นอกจากได้เวทมนตร์ใหม่ก็ยังมีเวทมนตร์เก่าที่เปลี่ยนไปด้วย
Lv.5 ซึฮากิ ฮลาฟกาด
STR 330 AGI 300
VIT 410 DEF 15
INT 300 LUK 19
HP 850 MP 722
[มานาบอล] [รักษา] [โล่มานา] [คมมีดวายุ] [กำแพงวายุ] [ระเบิดมานา] [ร่างโคลน] [หมอก] [แรงดันอากาศ] [พาวเวอร์อัป] [สปีดอัป] [เสริมกำลังระดับหนึ่ง] [เสริมกำลังระดับสอง] [เสริมกำลังระดับสาม] [เสริมกำลังระดับสี่] [เสริมกำลังระดับห้า] [เดอะบอดี้] [พายุ] [กระสุนวายุ] [ตรวจสอบ] [ปลอมแปลง] [ควบคุมวิสัยทัศน์]
เวทมนตร์วิสัยทัศน์หายไปแต่ได้ควบคุมวิสัยทัศน์มาแทนแถมพวกสเตตัสก็ยังกระโดดขึ้นมาจนน่าสงสัย
"พวกนายเลเวลเท่าไรกันแล้ว?" ซึฮากิเอ่ยปากถามขณะที่จ้องมองด้วยความสงสัย
"ฉันเลเวลห้าแล้วล่ะ" เซนยิ้มอย่างภาคภูมิใจตอบกลับ
"ฉันก็เหมือนกัน" คานะถอนหายใจโล่งอกที่ตัวเองรอดมาได้
เบื้องหน้าปรากฏแสงสว่างให้ได้เห็น ต้นไม้สีเขียวขจีสายลมที่พัดผ่านจนเย็นไปถึงแผ่นหลังในที่สุดพวกเขาก็สามารถกลับขึ้นมาข้างบนได้เสียที
"โอ้ ! ให้มันได้ยังงี้สิ" เซนล้มตัวลงนอนมองฟ้าโปร่งปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาตลอด
"ขอหนุนแขนหน่อยสิ" คานะค่อย ๆ นั่งลงก่อนจะทิ้งหัวลงที่แขนของเซน โดยที่เขาไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
"ขอยืมมีดหน่อย" ซึฮากินั่งพักอยู่ไม่ไกลพลางจ้องมองสเตตัสของตนเอง
ปลอมแปลง? น่าจะได้ใช้ในอนาคตแน่ ๆเขามองไปยังมีดเล่มสุดท้ายที่เหลืออยู่
"[ปลอมแปลง]" ออร่ามานาห่อหุ้มร่างกายของซึฮากิไว้ค่อย ๆ สร้างรูปลักษณ์ใหม่ขึ้นมากลายเป็นชายตัวสูงผมสีเทา
เขาเอามือสัมผัสทั้งร่างกายและหน้าตาสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
"ไม่มีกระจก" แม้แต่เสียงเองก็เปลี่ยนไปด้วย
"เฮ้ ! พวกนายดูแล้วบอกฉันทีว่าเป็นยังไง" เซนกับคานะที่กำลังนอนสบายลุกขึ้นนั่งจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อา...ใครเนี่ย?" พวกเธอตกใจจนกอดกันแน่นในขณะที่ซึฮากิเดินเข้าใกล้เรื่อย ๆ
"ฉันเอง ทีนี้บอกมาได้แล้วว่าเป็นไง" เขานั่งลงตรงหน้าพวกเซน
"ตัวสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบ ผมสีเทา ตาสีดำ จะว่าหล่อก็หล่อแต่ก็น่ากลัวเหมือนกัน"
พวกสเตตัสยังคงเดิมแต่ก็เหมือนปรับให้มันหลอกตาได้นิดหนึ่งนะเนี่ย นอกจากเราที่มีเวทมนตร์ตรวจสอบก็ไม่รู้ว่าจะลองกับใคร คงต้องไปลองหน้างานกันอีกที
"มันเป็นเวทมนตร์ใหม่ยังต้องลองอะไรหลายอย่าง"พวกเขาแยกย้ายกันไปพักผ่อนเตรียมตัวออกเดินทางต่อ
ผ่านไปหลายชั่วโมงเมื่อรู้สึกสบายตัวจึงเดินทางต่อไปทางทิศเหนือจนพวกเขาเดินทะลุออกมาจากป่า
"นี่มันที่ไหนล่ะเนี่ย?" เมื่อมองออกไปจะเห็นไร่นาเรียงกันเป็นจำนวนมาก และที่ไกลสุดสายตาก็มีเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่มีแม่น้ำทอดผ่านเมืองพอดี
"หรือจะเป็นเมืองที่พวกฟรานมา?" คานะพูดเอ่ยถามลอย ๆ ด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิ" เมื่อพวกเขาเดินไปได้สักพักจนมองเห็นผู้คนเดินทางเข้าออกเมืองทำให้พวกเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในป่าใกล้ ๆ เสียก่อน
"นี่ก็ใกล้มืดแล้วด้วย" รูปลักษณ์ของซึฮากิค่อย ๆ กลับคืนสภาพ
"พวกนายรออยู่ที่นี่ก่อนเดี๋ยวฉันกลับมา" ซึฮากิเดินหายไปในป่าทิ้งพวกเธอไว้ลำพัง
เซนและคานะจ้องตากันอยู่พักหนึ่ง "อะอา อย่าแม้แต่จะคิดนะ" คานะชี้หน้ามองด้วยความกดดันจนเซนกลัวหัวหดไปเลย
"จ้า ๆ รู้แล้วน่า" พวกเธอช่วยกันหาไม้และฟืนไว้ใช้ก่อกองไฟ
"นี่มันมืดแล้วนะกิยังไม่กลับมาเลย" คานะเริ่มกังวลเดินวนไปมารอบกองฟืน
"เชื่อในตัวกิสิ เขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว" ปุยกระโดดขึ้นตักเซนเพราะอยากอ้อนเอาหัวถูไถไปมา
"ก็จริงของนาย อย่างกิคงไม่เป็นไรอยู่แล้ว"
เสียงลมที่พัดผ่านต้นไม้หลังจากรอมาได้พักหนึ่งแล้ว
"อา !" เซนตะโกนด้วยความตกใจจนคานะตกใจเสียงไปด้วย
"จะตะโกนทำซากอะไรวะ" คานะตอบกลับด้วยความโมโห
"ไฟ...ฉันไม่มีมีดแล้วจะจุดไฟยังไงล่ะ?" ทั้งเซนและคานะต่างก็ตกใจและนั่งกลุ้มรอคอยซึฮากิกลับมา
ความรู้สึกเย็นสบายตัวจากสายลมเหล่านั้นไม่หนาวหรือเบาเกินไป มีเสียงนกเสียงแมลงเป็นระยะจนบางครั้งก็รู้สึกน่าขนลุก
เสียงพุ่มไม้ใบหญ้าดังมาใกล้ ๆ ใครหรืออะไรกำลังมาหาพวกเธอ
"ฉันกลับมาแล้ว" ซึฮากิกล่าวทักทายเห็นใบหน้าของพวกเธอที่ดีใจจนออกนอกหน้าภายในความมืดที่มีแสงจากดวงจันทร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"เอามีดมาจุดไฟทีสิ" ซึฮากิยืนมีดให้ก่อนที่เขาจะก่อกองไฟส่องสว่างไปช่วยให้สบายใจยิ่งขึ้น
"ฉันให้จุดได้ไม่นานนะเดี๋ยวพวกชาวบ้านชาวเมืองจะเห็น พอทำอาหารเสร็จก็รีบนอนกันก่อน" ขณะที่กำลังย่างเนื้อกินซึฮากิก็ทำที่นอนบนต้นไม้ให้ทุกคน
"เอาจริงดิ?" เซนแหงนคอมองตามด้วยความสงสัย หลังจากกินอาหารกันจนอิ่มก็ดับไฟและเข้านอนทันที
30 สิงหาคม พ.ศ.2575
เมื่อรุ่งสางพอมีแสงอาทิตย์ส่องเข้าตามันก็ทำให้พวกเขาตื่นทันที
"วันนี้พวกเราจะเข้าไปในเมืองกัน" หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันข้างล่าง ซึฮากิก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังแต่ก็มีเสียงท้องร้องของใครบางคนดังขึ้นมา
"โทษที แล้วเราจะเข้าไปยังไงล่ะ?" คานะยิ้มแก้เขินก่อนจะถามกลับ
"ตามฉันมาก็พอ [ปลอมแปลง]" ซึฮากิคว้ามีดที่อยู่กับคานะเพื่อปลอมตัวและเดินนำพวกเธอตรงไปยังเมือง
"ที่เมืองคนส่วนใหญ่จะมีเลเวลไม่เกินสามก็เลยไม่ค่อยห่วงเรื่องความปลอดภัยสักเท่าไร" เมื่อพ้นป่าออกมาก็จะเห็นเมืองอยู่ด้านหน้า
"เมื่อวานฉันเข้าไปสำรวจในเมืองแล้วเลยหาเส้นทางที่เหมาะกับการลอบเข้าได้" พวกเขาเดินผ่านบ้านชานเมืองที่เงียบสนิทต่างกับประตูเมืองที่มีทหารยืนตรวจคนเข้าเมือง
"ฉันจะเข้าไปที่ตึกกิลด์ ถ้าได้บัตรนักผจญภัยมาเราจะเดินทางได้สะดวกกว่านี้" พวกเขาผ่านซอกกำแพงที่พังทลายใกล้ ๆ บ้านชานเมือง เมื่อลอดผ่านเข้าไปก็จะไปโผล่มุมมืดหลังร้านขายของ
"พวกนายรออยู่ข้างนอกอย่าทำอะไรที่มันเด่นนักล่ะ"
เมื่อมาถึงสำนักงานกิลด์ซึฮากิก็มุ่งตรงไปหาพนักงานที่อยู่บนชั้นสองยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
"มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?" หญิงสาวหน้าตาน่ารักนัยน์ตาสีขาวเหมือนกับผมของเธอราวกับเป็นเจ้าหญิงหิมะ
"ผมมาสมัครเป็นนักผจญภัยครับ" พูดเสร็จเขาก็ยื่นบัตรประจำตัวที่ออกโดยทหารซึ่งเป็นข้อมูลปลอมให้กับเธอ
"เชิญด้านนี้ค่ะ" ไม่นานนักหลังจากที่เธอตรวจสอบข้อมูลเสร็จก็นำทางซึฮากิไปอีกห้องหนึ่ง
“อย่าหลับตานะคะ” ตรงหน้าของซึฮากิมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกับอุปกรณ์แปลกตาที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นที่นี่
“พร้อมนะครับสามสอง...หนึ่ง” เขาใช้กล้องถ่ายรูปที่มีลักษณะเหมือนกับกล้องในยุคหนึ่งพันเก้าร้อยถ่ายเหมือนถ่ายบัตรประชาชนที่ต้องยืนหน้าตรงนิ่ง ๆ
"ทีนี้ก็ไปจ่ายค่าบัตรที่โต๊ะรับแขกนะคะ" เธอเดินออกจากห้องไปพร้อม ๆ กับซึฮากิไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า
"ว่าแต่...แขนคุณไปโดนอะไรมางั้นเหรอคะ?" ด้วยความสงสัยเธอจึงเอ่ยถามจ้องมองแขนของซึฮากิไม่หยุด
"มีปัญหาตอนฝึกดาบน่ะครับ" ซึฮากิยิ้มอ่อนตอบกลับเพื่อความสบายใจของเธอ
"ห้าสิบเหรียญเงินค่ะ" ยังดีที่เราเตรียมเงินมาพร้อม
ไม่นานซึฮากิก็ออกมาจากตึกนั่นทำให้พวกเซนที่แอบอยู่ไกล ๆ รีบเดินเข้าหาด้วยความเป็นห่วง
"ไม่น่าเชื่อเลยว่านายจะเดินเข้าไปพร้อมกับชุดขาด ๆ เนี่ย" ซึฮากิเดินนำพวกเขาไปไม่ได้สนใจคำพูดของเซนนัก
ถ้าเทียบเงินหนึ่งเหรียญทองแดงจะประมาณได้หนึ่งบาท หนึ่งเหรียญเงินจะเท่ากับสิบเหรียญทองแดงและหนึ่งร้อยเหรียญเงินจะเท่ากับหนึ่งเหรียญทอง
"พวกเราหิวจะแย่แล้วไปหาอะไรกินได้ไหม?" เซนบ่นมาตามทางโดยที่มีปุยเกาะอยู่บนหัว
"งั้นเข้าไปกินอะไรในร้านนี้ละกัน...น่าจะเป็นร้านอาหารมั้ง" แม้ป้ายร้านจะอ่านไม่ออกแต่ก็สังเกตจากกลิ่นอาหารที่ลอยออกมา
พวกเขาเข้าไปในร้านอาหารเล็ก ๆ แต่ด้วยกลิ่นอันหอมหวนจึงควรค่าแก่การเข้าหา
"รับอะไรดีคะ?" เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเป็นมิตรหญิงสาววัยรุ่นอายุพอ ๆ กับพวกเขากำลังจ้องมองอยู่
"เอ่อ…" เซนอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบกลับยังไง
"มีอะไรแนะนำไหมครับ?" ซึฮากิพูดแทรกขึ้นมากะทันหันออกหน้าแทนเซน
"ที่คนชอบสั่งบ่อย ๆ ก็จะเป็น..." ทันใดนั้นก็มีเสียงโต๊ะล้มดังสนั่นไปทั่วร้าน พ่อหนุ่มนักผจญภัยคนหนึ่งที่มีอาการเมาตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปทั่วร้าน
"ไอ้พวกเวรเอ๊ย ! ของอุตส่าห์หามาได้แท้ ๆ" แม้จะดูขาดสติแต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายใครเดินไปจ่ายเงินและออกจากร้านไปด้วยความฉุนเฉียว
"ตั้งแต่เดือนก่อน จู่ ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้มาทำตัวเป็นเจ้าของเมืองนี้ พวกเราต่างก็ต้องระวังตัวให้มากเพราะอาจจะโดนปล้นตอนไหนก็ได้" เธอหัวเราะแห้ง ๆ เพราะความไม่สบายใจแต่ก็พยายามจะไม่แสดงออก
"งั้นเหรอครับ อาหารเอาแบบโต๊ะข้างหลังก็ได้ครับ" เขาสั่งอาหารตามโต๊ะข้างหลังที่มีกลุ่มผู้ชายนั่งอยู่
"เดี๋ยวเราต้องพาพวกเธอไปหาอาวุธใหม่ ไม่งั้นเราลำบากแน่ ๆ [ปลอมแปลง]"
ปลอมแปลงอยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมงต้องคอยใช้ซ้ำเรื่อย ๆสายตาอันแสนน่าขนลุกจากที่ไหนสักแห่งกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ ซึฮากิรู้สึกถึงมันได้แต่ไม่นานก็หายไป
"เป็นไรไปกิ?" เซนถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากนั้นปุยก็กระโดดขึ้นมาบนตักของซึฮากิพยายามออดอ้อน
หลังจากที่พวกเขากินอาหารกันเสร็จแล้วซึฮากิก็รีบมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง
"ที่นี่แน่ใช่ไหม?" เซนกับคานะหันหน้ามองกันครู่หนึ่ง ไม่นานซึฮากิก็เดินเข้าไปในร้านที่ดูโทรมซอมซ่อ
"ไปเลือกของที่ถนัดมาเลย" ซึฮากิเดินไปที่เคาน์เตอร์เจ้าของร้านเห็นชายแก่ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังกำลังจ้องเขาอยู่
"ผมขอมีดสั้นสามเล่มแล้วก็มีดยาวอีกสองเล่ม" ชายแก่เดินเข้าไปหลังร้านหยิบของตามที่บอกมาวางบนโต๊ะ
"ฉันก็เลือกได้แล้ว" เซนกับคานะเผลอพูดพร้อมกันโดยที่เซนใช้ดาบยาวประมาณหนึ่งเมตรหนาประมาณสามนิ้วส่วนคานะเลือกธนู
หลังจากจ่ายเงินเสร็จสรรพพวกเขาก็ออกจากร้านทันทีเหมือนมีสายตาคอยขับไล่อยู่ตลอด
"เงินนายไปหามาจากไหนเนี่ย?" คานะและเซนกระซิบถามด้วยความสงสัย
"ฉันปล้นมา"
"หา !" พวกเขาเผลอหลุดตะโกนออกมาด้วยความตกใจจนคนรอบข้างยังมอง
อีกแล้ว รู้สึกเหมือนตอนที่ร้านอาหารเลยเหมือนมีใครบางคนกำลังตามเราอยู่
พวกเขารีบเดินต่อเพื่อหลุดจากความสนใจของชาวเมืองแต่ก็ยังรู้สึกถึงจิตสังหารที่คอยตามพวกเขามาเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอล้มลงกับพื้นตรงหน้าทำให้แมวที่อุ้มอยู่หลุดมือวิ่งหนีหายไป
"ทาท่า!" เธอร้องเรียกมันทันทีที่ตั้งหลักได้ไม่สนใจข้าวของที่กระจัดกระจายเลยแม้แต่น้อยและยังวิ่งพล่านไปทั่วตามหาแมวสีดำตัวนั้น
"พี่คะ พี่ช่วยหนูหาแมวได้ไหมคะ?" เธอยื่นเงินจำนวนหนึ่งมาให้ด้วยท่าทางร้อนรนหายใจไม่ทั่วท้อง
"ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเราจะช่วยเอง" เซนรับปากทันทีที่เห็นท่าทางของเธอ
"คงจะไม่เสียเวลามากเท่าไร เราแยกกันไปหาแล้วกลับมาที่นี่" ซึฮากิชี้เส้นทางที่จะแบ่งกันไปหาแยกกันไปคนละทาง
เมื่อกี้มันน่าจะมาทางนี้นะ ซึฮากิวิ่งไปตามซอกซอยพยายามมองหาแมวสีดำแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่เข้ามาใกล้ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้จนซึฮากิต้องระวังเป็นพิเศษ
เจอแล้ว เขาเจอแมวสีดำที่กำลังเดินเลาะกำแพงไปเรื่อย
เสียงของมีคมพุ่งผ่านใบหน้าของเขาไปโชคดีที่ซึฮากิหลบได้ทัน ใบมีดขนาดเล็กที่มีความแหลมคมและมองได้ยากปักลงบนพื้นตรงหน้า
"ไอ้พวกปีศาจ" หลังจากเอ่ยเสียงนิรนามของชายร่างเล็กสวมชุดปกปิดทั้งตัวไม่เห็นแม้แต่เส้นผม
"มีธุระอะไร?" ซึฮากิต้องคอยมองทั้งศัตรูตรงหน้าและแมวที่อยู่ด้านหลังเพื่อไม่ให้คลาดสายตาอีก
"ถ้าบอกว่าอยากได้ชีวิตแกล่ะ" เสียงอันเฉยชาที่แฝงไปด้วยความแค้น เขาพุ่งเข้าหาเหวี่ยงมีดสั้นหวังเฉือนคอซึฮากิ
เสียงมีดกระทบกันดังจนทำให้คนละแวกนั่นได้ยิน ซึฮากิใช้มีดของตัวเองรับมันไว้ได้
"ตายซะ ! [พายุมีดบิน]" -่ามีดวายุกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาซึฮากิ เขาเหลือบไปเห็นแมวตัวนั้นที่กำลังจะโดนใบมีดทำให้ไม่สามารถหลบได้และร่ายเวทลมขึ้นมาป้องกันแบบเร่งด่วน
"ไว้เจอกันใหม่ ไอ้พวกมนตร์ดำ" เสียงสุดท้ายก่อนที่จิตสังหารจะหายไปทำให้ซึฮากิรู้สึกโล่งอก เขาเข้าไปอุ้มแมวตัวนั้นกลับไปให้เด็กผู้หญิงโดยที่ยังคอยระแวงหลังตลอดเวลา
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??