เรื่อง ยอดหมอหญิงเทพโอสถ
คำพูดของท่านชายซูทำให้ลานที่เงียบอยู่แล้วจมอยู่ในความเงียบเข้าไปอีก
ไ่มีใครทราบว่าเขาจะพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “จำนวนสองที่ เปิ่นกงจื่อรับไว้ทั้งหมด! ”
นี่…
กูเฟยเยี่รู้สึกโกรธแล้ว ดูจากคำพูดประณามของหมอนั่นที่กล่าวหาว่านางแย่งจำนวนที่เหลือเมื่อสักครู่นี้ เขาก็แค่ต้องการหนึ่งที่เท่านั้น เมื่อสักครู่นี้เขาเจตนากล่าวหานาง ตอนนี้ตนเจะเรียกว่าเจตนาไ่ใช่หรือ?
กูเฟยเยี่กำลังจะเอ่ยออกมาแ่จวินจิ่วเฉินได้แย่งพูดก่อน ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ น้ำเสียงเย็นชาประดุจน้ำแข็ง “มาก่อนได้ก่อน ไ่สามารถต่อรองได้ เรื่องที่เจ้าแตะต้องคนของข้า เรื่องนี้ไ่จบแน่! ”
ท่านชายซูกระทืบเท้าในลักษณะกระตุ้งกระติ้งดั่งผู้หญิงพลันเหยียบไปที่แผ่นจี้หยกที่อยู่บนพื้นด้วยเท้าข้างหนึ่ง จากนั้นจึงส่งสายตาตักเตือนไปให้จวินจิ่วเฉิน “เจ้าดูให้ชัดเจน เปิ่นกงจื่อเห็นแก่หน้าคุณหนูตระกูลหาน ไ่ได้เห็นแก่หน้าเจ้า! ”
จวินจิ่วเฉินไ่พูดจาไร้สาระ เขาเหยียบลงไปอย่างรุนแรง จากนั้นจี้หยกที่อยู่ใต้เท้าของท่านชายซูก็ลอยขึ้นมาห้อยโหนกลางอากาศ่้าของท่านชายซูราวกับพร้อมที่จะกระแทกหน้าเขาได้ทุกวินาที
เห็นได้ชัดว่าท่านชายซูตกใจมาก ในขณะเดียวกันคุณหนูสามตระกูลหานก็รีบวิ่งเข้ามาขัดขวางที่ด้านหน้าของท่านชายซู หญิงสาวโ้้าด้วยความร้อนใจ “พวกท่านหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ท่านชายเฉิน ที่นี่คือหุบเขาเสินหนง หากทะเลาะต่อไปพวกท่านจะถูกไล่ออกไปด้านนอก”
เห็นได้ชัดว่าจวินจิ่วเฉินไ่เห็นแก่หน้าคุณหนูสามตระกูลหาน เขาทั้งเย็นชาและดึงดัน “ขอโทษเดี๋ยวนี้! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหนูสามตระกูลหาน ท่านชายซูก็คิดอะไรบา่างออก เขาผลักคุณหนูสามตระกูลหานออกไปแล้วจงใจแสดงท่าทียั่วยุออกมา “หากเปิ่นกงจื่อบอกว่าไ่ล่ะ? ”
จวินจิ่วเฉินเกิดโทสะแล้วจริงๆ ถึงขนาดที่กูเฟยเยี่สามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธของเขา หากเขาลงมืออีกครั้ง ไ่รับรองว่าอาจจะทำให้ท่านชายซูผู้นี้พิการ
“ท่านชาย ช่างเถอะ อย่าไปถือสาเขา เรื่องนั้นสำคัญกว่า! ”
กูเฟยเยี่กลัวว่าตนเจะโ้้าไ่ไหว นางจึงได้ดึงแขนของจวินจิ่วเฉินมาแล้วเขย่งปลายเท้ากระซิบข้างใบหูเขา “เตี้เซี่ย อย่าหลงกล เขาจงใจยั่วยุท่าน! หากว่าทำให้ผู้ดูแลหุบเขาเสินหนงโกรธ พรุ่งนี้พวกเราก็อาจจะเข้ามาที่นี่ไ่ได้แล้ว อีกทั้งหากทะเลาะต่อไปแล้วทำให้จิ้งจอกเฒ่าไหวตัวทันจะทำอย่างไรดี? ”
แม้ว่ากูเฟยเยี่จะโ้้าเช่นนี้ ่านางเก็ัไ่พอใจเ่ั นางกำลังจะปล่อยมือแ่ก็คว้าไว้แล้วกระซิบอีกว่า “เตี้เซี่ย รอให้พวกเราจัดการเรื่องสำคัญเสร็จ พวกเราค่อยไปดักรอเขาที่หน้าประตูศิลา เมื่อออกจากหุบเขาเสินหนงแล้วพวกเราก็ไ่ต้องกังวลว่าจะไ่มีโอกาสจัดการกับเขา! ”
จวินจิ่วเฉินเห็นว่าใบหน้าเล็กของกูเฟยเยี่มีท่าทีที่ค่อนข้างชั่วร้ายอำมหิต ความโกรธของเขาจึงลดน้อยลง ท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้าให้นาง ในช่วงเวลาเช่นนี้ การมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งที่หุบเขาเสินหนงไ่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาดนัก
เดิมทีคุณหนูสามตระกูลหานมีความร้อนใจ แ่เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้สีหน้าของนางก็เกิดความแข็งทื่อในทันที จิ้งหวางเตี้เซี่ยไ่เห็นแก่หน้านาง็่าแล้ว แ่นี่ัเห็นแก่หน้าคนรับใช้่้านางเนี่ะ? !
นางจำเป็นต้องพิจารณากูเฟยเยี่ใหม่อย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียแล้ว ภายในใจของนางในตอนนี้คือทั้งโกรธ อับอาย และไ่พอใจ
อันที่จริงการพบกันโดยบังเอิญเมื่อสักครู่นี้ นางก็สังเกตได้ถึงการมีอยู่ของกูเฟยเยี่แล้ว ชั่วพริบตาเดียวนางก็มั่นใจว่ากูเฟยเยี่คือแพทย์หญิงกูที่ช่วงเวลาไ่กี่เดือนนี้มีข่าวลือมากมายกระจายในเมืองจิ้นหยาง
นางชื่นชอบจิ้งหวางเตี้เซี่ยมาสามปีแล้ว และทราบดีว่าเขาเป็นคนแบบไหน ไ่ว่าข่าวลือที่แพร่กระจายเหล่านั้นจะมีาิอยู่มากน้อยเพียงใดนางก็ไ่สนใจและไ่เชื่อแม้แ่ประโยคเดียว เดิมทีนางคิดว่าหลังจากที่มาที่นี่เป็นเพื่อนท่านชายซูแล้ว นางจะฉวยโอกาสใช้เหตุผลในการส่งของไปเยี่ยมเยีที่จิ้งหวางฝู่เพื่อสืบเสาะหาาิ
่าัี้ภาพ้าก็คือาิที่นาากรู้ไ่ใช่หรือ?
สิ่งที่หญิงสาวชื่นชอบมากที่สุดก็คือการหลอกลวงตนเและหลอกลวงผู้อื่น ในขณะเดียวกันสัญชาตญาณและการตัดสินใจของหญิงสาวก็แม่นยำจนไ่สามารถหลอกลวงตนเได้
เมื่อดูจากการโจี้หยกออกไปด้วยความเร็วเมื่อสักครู่นี้ บวกกับท่าทางพยักหน้าของเขา มันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าแพทย์หญิงกูผู้นี้เป็นผู้ที่ได้รับข้อยกเว้นจากจิ้งหวางเตี้เซี่ยเช่นเดียวกับนาง แถมดูเหมือนว่าจะมากกว่านางเสียอีก!
บนโลกใบนี้มีสตรีมากมายที่เลื่อมใสศรัทธาจิ้งหวางเตี้เซี่ย แ่จิ้งหวางเตี้เซี่ยทรงไ่กีดกันนางและยินยอมพูดคุยกับนางที่เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น ในตอนนี้มีกูเฟยเยี่เพิ่มเข้ามา นางก็ไ่อาจนับได้ว่าเป็นเพียงคนเดียวอีกแล้ว!
นางคือหานอวี๋เอ๋อร์ คุณหนูสามที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดของตระกูลป้อมปราการหาน นางคือบุตรสาวบุญธรรมที่ฟูเหรินเจ้าของป้อมปราการให้ความสำคัญมากที่สุด เป็นอาจารย์แพทย์ที่จบมาจากหุบเขาเสินหนง ่ากูเฟยเยี่เป็นเพียงแค่แพทย์หญิงตัวน้อยที่โชคดีวินิจฉัยลิ่วตันซางลู่ออกมาได้ไ่ใช่หรือ? กูเฟยเยี่มีสิทธิ์อะไรมาแย่งชิงกับนาง?
ความรู้สึกของนางในตอนนี้ราวกับถูกคนรับใช้ที่มีฐานะต่ำต้อยเหยียดหยามอย่างรุนแรง ่าการเหยียดหยามนางนั้นไ่สำคัญ การแย่งชิงจิ้งหวางเตี้เซี่ยกับนาง นางไ่อนุญาตอย่างแน่นอน!
“เหอะ ที่แท้ก็ทำได้เพียงพูดจาโอ้อวดเนี่ะ! ”
น้ำเสียงเยาะเย้ยของท่านชายซูปลุกหานอวี๋เอ๋อร์ให้ตื่นจากการจมลึกอยู่ในความคิดของตนเ นางซ่อนความไ่เต็มใจและความไ่ยินยอมไว้ในใจ จากนั้นจึงหันมาพูดกับท่านชายซูด้วยาิจัง “พวกเรามาทีหลังจริงๆ หากท่านจะก่อเรื่องทะเลาะเบาะแว้งต่อไปก็เล่นไปคนเดียว ข้าไ่มีหน้าอยู่เป็นเพื่อนท่าน! ”
หลังจากที่นางพูดจบก็เดินไปหาจวินจิ่วเฉิน เรียวคิ้วงดงามของนางผูกกันเป็นปม ทั้งโกรธ ทั้งจำใจ
นางพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านชายเฉิน แม้ว่าพวกเราจะเป็นสหายกันแ่ข้านั้นไ่ลำเอีย่างแน่นอน ข้าสามารถพิสูจน์ให้เด็กที่ดูแลยาได้ว่าท่านมาก่อนเขามาทีหลัง ข้าไ่กลัวว่าจะมีปัญหากับเขา ในส่วนที่เขาได้ลงไม้ลงมือกับหญิงรับใช้ของท่าน ท่านก็ได้ให้บทเรีเขาแล้ว นับว่าเท่าเทียมกันแล้วละกัน”
แม้ว่านางจะชื่นชอบเขามาก แ่่้าจิ้งหวางเตี้เซี่างไ่มีทางแสดงความต่ำต้อยและความหลงใหลออกมา นางทราบดีว่าเขาไ่โปรดปรานหญิงสาวแบบนั้น นางยังทราบอีกว่าเขาชื่นชอบดอกเหลีเฉียว ชื่นชอบต้นคงชี่เฟิ่งหลี และชื่นชอบดวงดาวบนฟากฟ้าและพระจันทร์เต็มดวงในวันขึ้นสิบห้าค่ำ
จวินจิ่วเฉินไ่ได้สนใจเรื่องนี้ต่อ แ่เขาัสนใจหานอวี๋เอ๋อร์ “คุณหนูสามตระกูลหานก็มาตามหาสมุนไพรหรือ? ”
เมื่อเห็นว่าจิ้งหวางเตี้เซี่ยทอดพระเนตรมาที่ตนเ ใจของหานอวี๋เอ๋อร์ก็เต้นแรงขึ้น นางอดทนทำท่าทีเป็นสงบนิ่ง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา “มาเป็นเพื่อนท่านชายซู”
นางชำเลืองตามองกูเฟยเยี่ครู่หนึ่งพลางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านชายเฉิน ผู้ที่มาตามหาสมุนไพรที่นี่ล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น หากไ่จำเป็น การที่มีจำนวนที่เพิ่มอีกหนึ่งที่ก็ไร้ประโยชน์ ทำไมพวกเราไ่ทำเรื่องให้สะดวกต่อคนอื่นและสะดวกต่อตัวเราล่ะ”
คำพูดของนางฟังดูแล้วยุติธรรม แ่ได้แฝงความหมายกล่าวหาว่ากูเฟยเยี่กลั่นแกล้งคนอื่นและพยายามครอบครองจำนวนสองที่สุดท้ายชัดๆ หากไ่ใช่เพราะกูเฟยเยี่ที่ริเริ่มหาเรื่องก่อน มันจะไปมีเรื่องราวที่ไ่พอใจตามมาหรือ?
แ่ใครจะไปทราบว่าจวินจิ่วเฉินจะเอ่ยด้ว้ำเสียงเย็นชา “ไ่สะดวก”
หลังจากที่เขาเอ่ยจบเขาก็เดินไปที่ฐานโต๊ะ กูเฟยเยี่จึงได้โอกาสมองไปที่คุณหนูสามตระกูลหานด้วยาิจัง
ในตอนแรกนางมีความประทับใจต่อคุณหนูสามตระกูลหาน แ่เมื่อได้ยินคำพูดเสียดสีเมื่อสักครู่นี้แล้ว นางจึงเกิดความไ่ชอบ
ต้องยอมรับว่าเมื่อมองดูอย่างจริงจังแล้วคุณหนูสามตระกูลหานงดงามมากจริงๆ ทั้งเข้มแข็งและมีความอ่อนโ บนใบหน้ามีเสน่ห์เย้ายวนใจ หญิงสาวประเภทนี้เรียกได้ว่ามีความสง่างามที่พบได้ในตระกูลสูงศักดิ์ นางคือสตรีที่สามารถคว้าใจบุรุษได้
กูเฟยเยี่สังเกตเห็นโดยไ่ได้ตั้งใจว่าบนเอวของหญิงสาวคนห้อยต้นพืชที่ไ่ทราบชื่อและมีความยาวหนึ่งชุ่นเอาไว้อยู่ ต้นพืชนั้นดูเหมือนเป็นต้นหญ้าไ่ก็สมุนไพร สรุปคือเป็นต้นพืชนางไ่เคยพบเห็นมาก่อน
หญิงสาวทั่วไปมักจะห้อยดอกไม้ไว้บนร่างกาย คุณหนูสามตระกูลหานห้อยสิ่งใดและมีประโยชน์อย่างไรกัน? เป็นไปได้หรือไ่ว่านางป่วยอยู่จึงต้องห้อยต้นพืชเพื่อรักษาอาการ?
กูเฟยเยี่ไ่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก นางกำลังจะไปที่ฐานโต๊ะ แ่ท่านชายซูที่อยู่ด้านข้างัก้าวนำไปก่อนหนึ่งก้าวแล้วเข้าไปใกล้จวินจิ่วเฉิน เขาพูดกับเด็กที่ดูแลยาว่า “เปิ่นกงจื่อมาพร้อมกันกับพวกเจ้า ไ่ว่าอย่างไรก็ตามเจ้าต้องให้จำนวนที่ข้ามาหนึ่งที่! ”
จวินจิ่วเฉินขัดขวางเขาอย่างไร้ร่องรอย แ่เด็กที่ดูแลยาหน้าฐานโต๊ะัเอ่ยว่า “พวกท่านไ่ต้องทะเลาะกันแล้ว ข้าจะไปสอบถามผู้ดูแลแล้วให้ผู้ดูแลเป็นคนตัดสินใจ”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??