เรื่อง ยอดหมอหญิงเทพโอสถ
เถ้าแก่เิมองกูเฟยเยี่ยนด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เขาไม่ต้องการทำผิดพลาดและไม่ต้องการพลาดโอกาส เขาคิดว่าตนเองจำเป็นต้องหาเวลาว่างไปหาอวิ๋นเสียนเก๋อสักครั้งแล้ว
กูเฟยเยี่ยนนึกว่าเถ้าแก่เิยังคงไม่เื่ หญิงสาวจึงกล่าวด้วยน้ำเีจริงจัง “เถ้าแก่เิ เป็นอย่างไร ข้าสามารถไปได้หรือยัง? ”
เถ้าแก่เิจึงได้สติกลับมาาถามติดตลกว่า “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเล่า? เขาเตรียมที่จะแย่งตลาดสุราหมักกับตัวข้าหรือ? ฮ่าๆ ข้าจะลงโทษเขาด้วยสุราสามเหยือกก่อน! ”
ครั้นได้ยินเถ้าแก่เิเอ่ยล้อเล่น กูเฟยเยี่ยนจึงลอบถอนหายใจออกมา นางคิดว่าในที่สุดนางที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าห้องยาสำนักหมอหลวงคนใหม่ก็ได้ช่วยเหลือผู้ดำรงตำแหน่งคนก่อนเก็บกวาดเรื่องวุ่นวายเรียบร้อยแล้ว และจะไม่เป็นคนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทันแล้ว
หญิงสาวเผยยิ้มออกมา ดวงตามีความเปล่งประกายและมีชีวิตชีวา “เถ้าแก่เิ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมีเรื่องรีบร้อนจึงออกจากเมืองลั่วเสียไปเมื่อหลายวันก่อนแล้ว สุราสามเหยือกนี้ ข้าจะดื่มแทนเขา! ”
เถ้าแก่เิเลิกคิ้วมองหญิงสาวากล่าวสั่งสอน “หญิงสาวอยู่ด้านนอกตามลำพัง ดื่มสุราได้อย่างไร? ”
กูเฟยเยี่ยนพูดไม่ออกครู่หนึ่ง หญิงสาวมองแววตาไม่พอใจเถ้าแก่เิ ภายในใจปรากฏถึงความอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว นอกเหนือจากท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนรุ่นบิดามาสั่งสอนนางเช่นนี้ใช่หรือไม่? คำสั่งสอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการสั่งสอน แต่ในความเป็นจริงแล้วคือความเป็นห่วง!
ครั้นมองดูลักษณะอันสงบสุขและเคร่งขรึมเถ้าแก่เิ กูเฟยเยี่ยนจึงละสายตาไม่ลงครู่หนึ่ง นางอดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่า ถ้า…ถ้านางมีบิดา ถ้าบิดานางยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีลักษณะเหมือนกับเถ้าแก่เิหรือไม่?
บิดามารดานางอยู่ที่ใด? บ้านนางอยู่ที่ใด? ท่านอาจารย์อาภรณ์ขาวอยู่ที่ใด? อยู่ดีๆ ก็คิดถึงเาจัง…
กูเฟยเยี่ยนมองข้ามความปวดร้าวในใจายิ้มแย้มราวกับเด็กน้อย “เช่นนั้นข้าไม่ดื่มสุราแทนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้ว ข้าจะจดบันทึกแทนเขา เมื่อกลับไปแล้วจะไปบอกเขาให้”
เถ้าแก่เิจึงพอใจและปล่อยให้กูเฟยเยี่ยนออกไป
ทันทีที่กูเฟยเยี่ยนออกไป ซ่างกวนฟูเหรินที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมาโดยตลอดก็เดินออกมาด้วยความโกรธมาก “เป็นซ่างกวนเทา! ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีความผิดในเรื่องนี้เรื่องเดียว ข้าจะไปไต่สวนด้วยตนเอง เรียกตัวกรรมการบริหารคนอื่นๆ มาให้หมด! ”
เถ้าแก่เิชำเลืองมองาเอ่ยถามอย่างเย็นชา “ตื่นนอนตั้งแต่เมื่อใด? ไม่เหนื่อยหรือ? ”
หลายวันมานี้ซ่างกวนฟูเหรินมักจะใช้ยาที่กูเฟยเยี่ยนมอบให้ ในหนึ่งคืนนางสามารถรังแกเขาได้หลายครั้ง โดยที่ในตอนแรกนางเป็นคนรังแก แต่เมื่อถึงตอนท้ายกลับกลายเป็นเขาที่รังแกนาง ซ่างกวนฟูเหรินยิ้มกรุ้มกริ่มคลุมเครือารีบปรี่เข้าไปหา “ถ้าเจ้าไม่เหนื่อย ข้าก็ไม่เหนื่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดที่คลุมเครือเช่นนั้น สีหน้าเถ้าแก่เิก็ยังคงความเย็นชาไม่เสื่อมคลาย เขาเอ่ยถามอย่างไม่พอใจว่า “เอามาจากที่ใด? ”
แน่นอนว่าถามถึงยานาง ถึงแม้ว่าเขาจะตกหลุมพรางทุกครั้ง แต่ในทุกครั้งก็ยากที่จะป้องกัน
ซ่างกวนฟูเหรินแสร้งทำเป็นโง่ “อะไร? ”
แววตาเถ้าแก่เิเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นในั เขาก้าวประชิดตัวใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ ทว่าซ่างกวนฟูเหรินไม่ก้าวถอย ตรงกันข้ามคือโอบรอบเอวเขาและเงยหน้าขึ้นมองด้วยความยั่วยุ นางอายุถึงปูนนี้แล้ว ทว่ายังคงอวดดีราวกับปีศาจน้อยที่ดื้อรั้น
กูเฟยเยี่ยนมองไม่ผิด แทนที่จะกล่าวว่าสองคนนี้เป็นสามีภรรยากัน จะดีกว่าถ้ากล่าวว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เถ้าแก่เิขมวดคิ้วมองดูฟูเหรินตนเองโดยที่ทำอันใดนางมิได้เลย เขาทัดปอยผมที่ตกหล่นลงมานางากล่าวเีแผ่ว “เรื่องบุตรธิดา ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ”
ซ่างกวนฟูเหรินยังคงดึงดัน “ถึงอย่างไรข้าก็จะดึงดัน ข้าจะคลอดบุตรสาวอย่างนังหนูกูเฟยเยี่ยนมาคอยดื่มสุราเป็นเพื่อนข้า! ”
เถ้าแก่เิเปลี่ยนสีหน้าทันที จากนั้นจึงปัดปอยผมที่ทัดเข้าไปเมื่อสักครู่นี้ลงมาตรงใบหน้านาง และหันัก้าวเดินออกไป ซ่างกวนฟูเหรินรีบไล่ตามเขา “ช้าก่อน มีเรื่องสำคัญ! ”
ซ่างกวนฟูเหรินกระซิบอย่างเอาจริงเอาจัง “เมื่อสักครู่นี้นังหนูกล่าวว่าจิ้งหวาง ใช่องค์ชายเก้าแห่งเทียนเหยียน ทายาทคนโตสายตรงราชวงศ์จวิน จวินจิ่วเฉิน? ”
เถ้าแก่เิเริ่มจริงจังเช่นกัน “เป็นเขา”
ดวงตาซ่างกวนฟูเหรินเต็มไปด้วยความซับซ้อนาพึมพำเบาๆ “เด็กคนนี้หายสาบสูญไปกว่าสิบปี ราชวงศ์จวินตามหาเขาพบได้อย่างไร? เมื่อดูจากสถานการณ์ในเมืองจิ้นหยางแล้ว เทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ได้วางแผนที่จะส่งต่อตำแหน่งให้เขา ตัวเขาเองก็ไม่มีความทะเยอทะยาน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขา…จะเป็นเพียงตัวแทน เขาไม่ใช่องค์ชายเก้าตัวจริง? ”
ทั่วทั้งดินแดนเสวียนคง นอกเหนือจากเทียนอู่ฮ่องเต้กับต้าหวงซูแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงแค่เถ้าแก่เิกับฟูเหรินเท่านั้นที่ทราบความลับนี้?
ในยามนั้น ทันทีที่จวินจิ่วเฉินถือกำเนิดขึ้นมาก็ออกจากตระกูลจวินทันที ว่ากันว่าถูกต้าหวงซูพาไปซ่อนตัวเพื่อฝึกฝนพลังปราณ แต่ในความเป็นจริงคือเขาถูกพ่อค้ามนุษย์ลักพาตัวไปขายเป็นทาส เถ้าแก่เิกับซ่างกวนฟูเหรินต่างก็เคยทำงานให้กับเยวี่ยเจิ้งที่เป็นผู้ค้าทาสรายใหญ่ที่สุดในดินแดนเสวียนคง เาขโมยเอกสารลับออกมาหนึ่งชุด ภายในมีการบันทึกถึงประวัติชีวิตเด็กจากสี่ตระกูลใหญ่ หนึ่งในนั้นก็คือทายาทคนโตสายตรงตระกูลจวิน จวินจิ่วเฉิน
เาเคยออกค้นหาตามบันทึกในเอกสารลับ เพียงแต่ว่าเด็กถูกส่งต่อเปลี่ยนมือไปนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายไม่มีเบาะแสจึงไม่ได้ค้นหาต่อไป และไม่บอกกล่าวเรื่องนี้ต่อราชวงศ์จวิน เนื่องจากเาไม่สามารถอธิบายเรื่องแบบนี้ได้อย่างชัดเจน และไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาวุ่นวายให้แก่ตนเอง
จนกระทั่งเมื่อสามปีก่อน มีข่าวถูกส่งออกมาจากเมืองจิ้นหยางว่าจวินจิ่วเฉินกลับมาแล้ว เาจึงให้ความสนใจในเรื่องนี้อีกครั้ง จนถึงบัดนี้เาก็ยังไม่มั่นใจว่าจวินจิ่วเฉินในยามนี้เป็นบุตรชายที่เทียนอู่ฮ่องเต้ตามหากลับมาอย่างลับๆ หรือเป็นบุคคลที่เทียนอู่ฮ่องเต้นำมาแอบอ้าง
ทว่าเามีแนวโน้มเื่แบบัมากกว่า เนื่องจากเามีเบาะแสที่ตรงที่สุดอยู่ในมือยังตามหาไม่พบ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เทียนอู่ฮ่องเต้จะหาพบ
องค์รัชทายาทอยู่ในช่วงวัยเยาว์ เทียนอู่ฮ่องเต้จำเป็นต้องมีคนมาแทนจริงๆ โดยที่ใช้นามทายาทสายตรงในการให้ความช่วยเหลือรัชทายาท คอยระวังและสยบบุตรที่เกิดจากสามัญชนในการก่อกบฏ และตระกูลฉีที่มีความทะเยอทะยานสูง
เถ้าแก่เิถอนหายใจแผ่วเบา “ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ เขาก็เป็นสมาชิกตระกูลจวิน จำเป็นต้องป้องกัน! ”
ในดินแดนแห่งนี้ ผู้ที่มีอำนาจแทบจะทั้งหมดต่างก็คอยจับตามองปิงไห่ ทุกคนต่างก็ต้องการสืบหาสาเหตุที่ปิงไห่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะหาสาเหตุที่พลังปราณหายไป ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะเป็นผู้นำในการหาโอกาสชีวิตนิรันดร์ โดยเฉพาะตระกูลจวินที่เคยเป็นหัวหน้าตระกูลซ่อนเร้นในดินแดนเสวียนคง และเคยมีอำนาจที่สามารถจะปกครองทั่วทั้งดินแดนได้
สำหรับอวิ๋นเสียนเก๋อที่ควบคุมความลับมากมายนับไม่ถ้วนนั้น แทนที่จะกล่าวว่าจับตามองปิงไห่ จะเป็นการดีกว่าที่จะบอกว่าคอยปกป้องปิงไห่ ทว่าต่อให้ควบคุมความลับมากมายนับไม่ถ้วน และคอยปกป้องเอาไว้ แต่เาก็ยังมีคำถามมากมายที่ยังไม่เสื่อมคลายเกี่ยวกับภัยพิบัติปิงไห่เมื่อสิบปีก่อน การตามหาเซวียนหยวนเยี่ยนที่หายสาบสูญไปเมื่อสิบปีก่อนคือกุญแจสำคัญทุกอย่าง!
เถ้าแก่ถอนหายใจแผ่วเบา ไม่ง่ายที่จะได้พบกับสหายที่สามารถประลองสุรากันอย่างมีความสุขได้ แต่ดันกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเขาจริงๆ
“นิ่งเิ...”
ซ่างกวนฟูเหรินเริ่มจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม เถ้าแก่เิสกุลนิ่ง นามว่าเิ มีเพียงแค่ช่วงเวลาจริงจังเท่านั้นที่ซ่างกวนฟูเหรินจะเรียกเขาเช่นนี้ นางอุทานด้วยความตกใจ “ในตอนนั้นตระกูลกูมีเงาเฟิ่งหวงปรากฏพร้อมกันกับปิงไห่ ไม่ใช่ว่า…ตระกูลจวินค้นพบอะไรบางอย่างและจับตามองนังหนูคนนั้นแล้วนะ? ”
เถ้าแก่เิกล่าวอย่างจริงจังว่า "ไม่ถึงขนาดนั้น จากข้อมูลถังจิ้งนั้น เทียนอู่ฮ่องเต้รวมไปถึงตระกูลฉีมักจะสร้างปัญหามากมายให้กับนังหนูคนนั้น ทว่าในอนาคต…ไม่แน่นอน"
ซ่างกวนฟูเหรินเกิดความกังวล “พวกเราให้นางอยู่ที่นี่ต่อ ไม่ว่านางจะเป็นใคร เก็บไว้ในมือพวกเราจะปลอดภัยที่สุด! ”
ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่เิไม่เคยคิดเช่นนี้ ทว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ได้เป็นเพียงแค่หัวหน้าห้องยาสำนักหมอหลวงเทียนเหยียน แต่นางยังเป็นถึงกรรมการบริหารกิตติมศักดิ์หุบเขาเสินหนงอีกด้วย ถ้าไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ นอกจากเาจะให้นางอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ยังจะแหวกหญ้าให้งูตื่นอีก
อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากท่าทีจวินจิ่วเฉินในคืนนั้นแล้ว สำหรับเขาแล้วกูเฟยเยี่ยนไม่ได้เป็นแค่ขุนนางคนรับใช้ ถ้ายังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ยิ่งไม่สามารถเสี่ยงได้
เถ้าแก่เิกระซิบแผ่วเบา “เรื่องซ่างกวนเทานั้นฝากไว้ที่เจ้าแล้ว ยามบ่ายข้าจะเริ่มออกเดินทางไปที่อวิ๋นเสียนเก๋อ เจ้าจำไว้ให้ดี อย่าได้บุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ”
ซ่างกวนฟูเหรินตอบตกลง นางเป็นผู้ไปไต่สวนซ่างกวนเทาด้วยตนเอง ไม่มีใครทราบว่านางใช้วิธีการใด ภายในครึ่งวันนางก็ทำให้ซ่างกวนเทาสารภาพทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก ซ่างกวนฟูเหรินกลัวว่าตนเองจะอดไม่ได้ที่จะให้กูเฟยเยี่ยนอยู่ต่อ นางจึงไม่กล้าไปพบด้วยตนเอง ทำเพียงแค่ส่งคนไปแจ้งผลลัพธ์แแก่กูเฟยเยี่ยน…
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??