เรื่อง กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ [จบ]
“พวกเจ้าก็ต้องมอบโอสถเปลี่ยนชีพจรออกมาเหมือนกัน!” ศิษย์รุ่นก่อนที่ลงมือผู้นั้นหันไปพูดกับพวกอวิ๋นซั่งหลง
ถึงคนเหล่านี้จะรู้สึกถูกลบหลู่อย่างแรง แต่ตอนนี้ก็จำใจก้มหัว ทยอยกันนำโอสถเปลี่ยนชีพจรออกมาหนึ่งเม็ด
“ต้องมีสักวันหนึ่งที่ข้าจะเหยียบพวกเจ้าไว้ใต้ฝ่าเท้า! วันนั้นจะต้องมาถึงในไม่ช้า!” เหวินจิวเซินตะโกนด้วยความโกรธแค้น ทั้งๆ ที่มีพรสวรรค์ยุทธ์สูงกว่าฝ่ายตรงข้าม แต่เพราะเวลาในการฝึกฝนยังไม่มากพอจึงพ่ายแพ้ เขายอมรับไม่ได้
“ดีมากเลย ข้าจะรอวันนั้น ข้าชื่นชมพวกกะโหลกแข็งอย่างเจ้า แต่ในเมื่อพูดเช่นนี้เจ้าก็นำโอสถเปลี่ยนชีพจรของเจ้าออกมาทั้งหมดเถอะ!” ศิษย์รุ่นก่อนผู้นั้นเอ่ยส่งเสริมด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“อย่าได้หวัง!” เหวินจิวเซินสายตาร้อนรน ถึงเขาจะมาจากขุมกำลังใหญ่ แต่โอสถเปลี่ยนชีพจรก็สำคัญสำหรับเขามาก
แต่ศิษย์รุ่นก่อนผู้นั้นไม่ปล่อยเขาไป ลงมือเตะเหวินจิวเซินอีกหลายครั้ง สุดท้ายบังคับแย่งชิงโอสถเปลี่ยนชีพจรมาได้
ตอนนี้พวกอวิ๋นซั่งหลงต่างก็เงียบปากราวกับแมลงในฤดูหนาว พวกเขาไม่อยากมีจุดจบเหมือนเหวินจิวเซิน
“พวกเราไปได้แล้วหรือยัง” อวิ๋นซั่งหลงกัดฟันถาม ถูกเหยียดหยามเช่นนี้ เขาไม่คิดจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อไป
“ไปได้แล้ว!” คนผู้นั้นโบกมือราวกับปัดแมลงวัน
“รอเดี๋ยว!” ทันใดนั้นศิษย์รุ่นก่อนคนหนึ่งก็ก้าวออกมา เรียกอวิ๋นซั่งหลงเอาไว้
อวิ๋นซั่งหลงใจสั่น “ยังมีเรื่องอะไรอีก”
ศิษย์รุ่นก่อนอีกคนขยับขึ้นมา “เจ้าต้องมอบโอสถเปลี่ยนชีพจรสองเม็ด”
“อะไรนะ!” อวิ๋นซั่งหลงเริ่มหายใจถี่ “เพราะอะไร ทั้งที่คนอื่นต่างก็ให้เพียงเม็ดเดียว”
“เจ้าเป็นคนตระกูลอวิ๋นกระมัง” คนผู้หนึ่งถาม
“หมายความว่าอะไร หรือว่า” สีหน้าของอวิ๋นซั่งหลงพลันเปลี่ยนไป
ผัวะ!
หมัดของศิษย์รุ่นก่อนสองคนกระหน่ำทุบตีร่างของอวิ๋นซั่งหลงราวกับ-่าฝน
“นึกออกแล้วหรือ เราคือศิษย์ตระกูลฉิน! ตระกูลอวิ๋นกล้าหาเรื่องตระกูลฉินของข้า ตอนนี้พวกเราแค่เก็บดอกเบี้ยบางส่วนเท่านั้น!”
“ทางที่ดีอย่าให้ข้าเห็นคนตระกูลอวิ๋นนอกสำนักศึกษา ไม่เช่นนั้นละก็ ในสำนักศึกษาข้าไม่กล้าฆ่าคน แต่ถ้าอยู่ข้างนอกพวกเจ้าไม่มีทางโชคดีเช่นนี้แน่!”
อวิ๋นซั่งหลงถูกศิษย์ตระกูลฉินสองคนนั้นทุบตีจนเลือดท่วมตัวสภาพอเนจอนาถ อีกทั้งโอสถเปลี่ยนชีพจรสองเม็ดก็ถูกแย่งชิงไป
ยามนี้อวิ๋นซั่งหลงเจ็บแค้นถึงที่สุด สำหรับเขาที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลอวิ๋น โอสถย่อมสำคัญมาก เขาไม่เหมือนศิษย์จากขุมกำลังขนาดใหญ่ที่ได้รับโอสถเปลี่ยนชีพจรจากตระกูล
“น่าสงสาร!” อวิ๋นโม่มองอวิ๋นซั่งหลงพลางส่ายหน้า
อวิ๋นซั่งหลงเห็นอวิ๋นโม่เข้าพอดี จึงตะโกนด้วยความโกรธแค้น “เจ้าอย่าได้ใจไป เจ้าเองก็หนีไม่รอดแน่!”
ศิษย์ตระกูลฉินสองคนมองตามสายตาของอวิ๋นซั่งหลง พอเห็นอวิ๋นโม่และอวิ๋นเสวียนเซิง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “พวกเจ้าสองคนก็เป็นคนตระกูลอวิ๋นหรือ”
“ดูคุ้นหน้า คงไม่ผิดแล้ว”
ศิษย์ตระกูลฉินสองคนก้าวยาวๆ มาทางอวิ๋นโม่และอวิ๋นเสวียนเซิง
ศิษย์ที่อยู่ข้างพวกอวิ๋นโม่ตกใจจนกระจายตัวไปด้านข้าง เผยให้เห็นคนทั้งสองชัดเจน
“พวกเจ้าเป็นพวกขี้ขลาดอย่างนั้นหรือ ได้แต่รังแกศิษย์ใหม่อย่างพวกเรา หากมีความสามารถก็ไปหาศิษย์ตระกูลอวิ๋นรุ่นก่อนอวิ๋นเสวียนเซิงตะโกนกร้าว
“พวกอวิ๋นฉ่วงไม่กี่คนนั่นค่อนข้างยุ่งยากอยู่บ้าง แต่เจ้าวางใจได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องตาย! ตอนนี้พวกเราทำได้แค่เก็บดอกเบี้ยบางส่วนจากพวกเจ้าก่อน”
“มอบโอสถเปลี่ยนชีพจรสองเม็ดออกมาดีๆ ข้าจะเบามือสักหน่อย”
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินสองคนมองพวกอวิ๋นโม่ด้วยสีหน้าเย็นชา
มุมปากของอวิ๋นโม่โค้งขึ้น ถามเสียงเบาว่า “หากข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”
“หืม?” ศิษย์คนอื่นๆ ต่างมองไปทางอวิ๋นโม่ด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่
“เจ้าอวิ๋นโม่นั่นหรือจะเป็นคนโง่จริงๆ แม้แต่พวกอวิ๋นซั่งหลงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์รุ่นก่อน เขายังจะกล้าต่อต้านอีก”
“คงไม่ใช่ว่าคิดจะรักษาหน้าตาตอนนี้หรอกนะ! เพื่ออะไร ถึงขนาดนี้แล้วมีแต่จะทำให้ตนเองต้องเจ็บมากกว่าเดิม”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่ายศีรษะ ต่างก็เห็นว่าอวิ๋นโม่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย
อวิ๋นซั่งหลงผุดยิ้มเย็นชา “อวิ๋นโม่หนออวิ๋นโม่ เจ้ากล้าทำอย่างนั้นจริงหรือ! ถึงตอนนี้แล้วยังจะกล้าอวดดีอีก หึๆ อีกเดี๋ยวเจ้าจะต้องโดนดี!”
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินสองคนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเสียงดังลั่น “ความกล้าหาญน่าชื่นชม เพียงแต่อีกเดี๋ยวตอนที่ข้าลงมือคงจะต้องจัดการให้หนักหน่อยแล้ว”
“ข้าขอสู้ตายกับพวกเจ้าแล้ว!” อวิ๋นเสวียนเซิงตะโกนเสียงดัง ต่อให้หลบก็คงไม่พ้นเภทภัยครั้งนี้ ในเมื่ออย่างไรก็ต้องเดือดร้อน ไยไม่ทุ่มสุดตัวสู้ตายกับฝ่ายตรงข้าม
“เสวียนเซิง เจ้ารอดูอยู่ด้านข้างก็พอ” อวิ๋นโม่ยื่นมือไปรั้งอวิ๋นเสวียนเซิงเอาไว้ สีหน้าของเขาสงบนิ่งเหมือนยามปกติ สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นระดับเปลี่ยนชีพจรขั้นสี่ชั้นฟ้า อีกคนเป็นระดับเปลี่ยนชีพจรขั้นห้าชั้นฟ้าเท่านั้น จะสร้างคลื่นลมอะไรได้
“อวิ๋นโม่ เจ้า…” อวิ๋นเสวียนเซิงมองอวิ๋นโม่อย่างไม่เข้าใจ เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์จากตระกูลฉินสองคนนี้ อวิ๋นโม่ยังรักษาความสงบนิ่งได้อีกหรือ เขารู้สึกว่าอวิ๋นโม่แข็งแกร่งกว่าเขา แต่ถึงจะแข็งแกร่งอย่างไรก็มีขีดจำกัด เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินสองคนนี้ย่อมไม่อาจสู้ได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยว่าราชาหมาป่าชิงโยวถูกอวิ๋นโม่ฆ่า แต่หลังจากขบคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกว่าอาจไม่ใช่
ราชาหมาป่าชิงโยวตัวนั้นเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งระดับก่อจิต จะถูกอวิ๋นโม่ฆ่าได้อย่างไร เมื่อหลายเดือนก่อนอวิ๋นโม่ยังเคยถูกผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเรียกว่าตัวขยะ แม้แต่บ่าวของตระกูลอวิ๋นยังกล้ารังแกเขา ภายในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน อวิ๋นโม่จะมีความสามารถในการต่อสู้เทียบกับผู้แข็งแกร่งระดับก่อจิตได้อย่างไร
“เชื่อใจข้า” อวิ๋นโม่มองอวิ๋นเสวียนเซิงโดยไม่อธิบายอะไร
“ตกลง!” สุดท้ายอวิ๋นเสวียนเซิงก็พยักหน้าและถอยออกไปด้านข้าง เขาตั้งใจว่าหากอวิ๋นโม่สู้ไม่ได้ ถึงตอนนั้นค่อยลงมืออย่างปลาตายตาข่ายขาด*กับคนตระกูลฉินทั้งสอง!
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินทั้งสองมองอวิ๋นโม่ด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าได้ยินมาว่าตระกูลอวิ๋นมีคนประหลาดผู้หนึ่ง อาศัยความบังเอิญพึ่งพาเส้นสายเข้ามาในสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุย ถึงจะตายก็ยังจะรักษาหน้า เจ้าเด็กนั่นคงเป็นเจ้าสินะ”
“หากเจ้าอยากถามว่าอวิ๋นโม่คือใคร ข้าบอกเจ้าได้ ก็คือข้า” อวิ๋นโม่พูดเสียงเรียบ
“เจ้าเด็กนี่ รนหาที่ตาย!” ศิษย์ทั้งหลายต่างก็รู้สึกว่าอวิ๋นโม่เป็นบ้าไปแล้ว เสแสร้งจนหลอกได้กระทั่งตัวเอง อีกเดี๋ยวเขาจะได้รู้ว่าอะไรคือความจริง!
ความจริงแสนโหดร้าย!
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินคนหนึ่งดึงดาบเล่มใหญ่คมกริบออกมา “สำหรับคนอวดดีไม่กลัวตายอย่างเจ้า ข้ามีวิธีจัดการ”
“กรีดร่างมันสักพันดาบ ถึงจะคลายความเกลียดลงได้!”
“วางใจเถอะ ข้ามีวิธี ไม่ฆ่าเจ้าหรอก เพราะว่าข้ายังคิดจะเรียนในสำนักศึกษาราชวงศ์จั่วสุยอยู่”
ดวงตาของอวิ๋นโม่หรี่ลง ถามปนยิ้มว่า “พวกเจ้าคิดจะหั่นข้าเป็นพันชิ้น?”
“หากคิดจะขอให้ไว้ชีวิตก็สายไปแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินตอบด้วยรอยยิ้มเย็นชา
อวิ๋นซั่งหลงที่มีสภาพน่าสมเพชอยู่ด้านข้างมองอวิ๋นโม่ด้วยความแค้น “อวิ๋นโม่ เจ้าอาศัยอะไรถึงได้สงบนิ่งเพียงนี้ หึๆ ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้เจ้าสงบนิ่งได้สักเท่าไร ต่อไปเจ้าก็จะได้รู้ว่าอะไรคือความเป็นจริง! เจ้าจะต้องจบอนาถ อนาถกว่าข้ามาก!”
“ฮ่าๆ!” อวิ๋นโม่หัวเราะลั่น “ทุกคนต่างบอกว่าข้าเป็นตัวขยะ พวกเจ้าทั้งสองก็คิดว่าสามารถจัดการข้าได้อย่างง่ายดาย วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นพลังที่แท้จริง!”
สีหน้าของอวิ๋นโม่เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที หมัดข้างหนึ่งพลันปล่อยออกไป รวดเร็วจนแทบมองไม่เห็นราวกับสายฟ้าสายหนึ่ง
เปรี้ยง!
ศิษย์ตระกูลฉินผู้หนึ่งถูกอวิ๋นโม่โจมตีกระเด็นไปไกลทันที กระแทกลงบนพื้นข้างกายอวิ๋นซั่งหลง
“พรวด!” คนผู้นั้นกระอักเลือดออกมา ไม่รู้ว่ากระดูกหักไปกี่ท่อน
อวิ๋นโม่ลงมืออย่างรู้ขอบเขต ไม่ได้เอาชีวิตของคนผู้นั้น แต่โดนเข้าไปขนาดนั้น คงหนีไม่พ้นต้องนอนอยู่บนเตียงอีกหลายเดือน
“แค่กๆ!” คนผู้นั้นไอออกมา มองอวิ๋นโม่ด้วยสีหน้าเคียดแค้น
“เป็นไปได้อย่างไร” ทุกคนมองไปที่อวิ๋นโม่อย่างไม่อยากเชื่อ เขาไม่ใช่ตัวขยะหรือ ทำไมจึงมีพละกำลังที่น่ากลัวเช่นนี้
“ไอ้เด็กตัวเหม็น กล้าลอบโจมตี!” ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินที่ถือดาบเล่มใหญ่ตะโกนด้วยความโกรธแค้น “ข้าจะให้เจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทน!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” ศิษย์ทั้งหมดพากันโล่งใจ อวิ๋นโม่คงเพิ่งเลื่อนสู่ระดับเปลี่ยนชีพจร ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเปลี่ยนชีพจรคนหนึ่ง หากลอบโจมตีก็เป็นไปได้ที่จะมีความองอาจเช่นนี้
ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลฉินที่กุมดาบใหญ่คนนั้นเคลื่อนลมปราณภายในร่าง เพียงพริบตาพลังปราณภายนอกก็เคลื่อนไหว ลมปราณสายหนึ่งรวมอยู่บนดาบ กลายเป็นดาบเรืองแสงบาดตา แผ่กลิ่นอายอันตรายออกมา
“ไอ้หนู ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคืออยู่ไม่สู้ตาย!”
“จะทำให้ข้ารู้ว่าอะไรคืออยู่ไม่สู้ตาย?” อวิ๋นโม่ถามเสียงเย็น “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
ตูมๆ!
ทันใดนั้นลำแสงสีเงินระเบิดออก กลิ่นอายที่แข็งแกร่งน่ากลัวเหมือนศิษย์รุ่นก่อนแผ่ออกมาจากตัวอวิ๋นโม่ ทุกคนต่างก็มองด้วยความตกตะลึง เห็นสายฟ้าที่เหมือนกับมังกรตัวหนึ่งพันอยู่บนร่างของอวิ๋นโม่!
………………………………………
*鱼死网破 Yúsǐwǎngpò หมายถึง ต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??