เรื่อง ชิงลู่ลู่ สลักรักในรอยฝัน
" ช่วยด้วย!! ช่วยข้าที ”
แว่วเสียงแผ่วเบาที่ลอยผ่านเข้าากระทบโสดประสาทส่งผลให้ชิงลู่ลู่หยุดฝีเท้าลงกะทันหันก่อนจะพยายามเงี่ยหูฟังให้ถนัดถนีอีกครั้ง
" เป็นอะไรไปลู่ลู่ "
" เปล่า เดินต่อเถอะ "
" ช่วยด้วย!! ช่วยข้าด้วย!! "
" พวกเจ้าได้ยินเสียงคนขอความช่วยเหลือหรือไม่ "
" ไม่นี่ทำไมหรือ? " กบมิงมิงเหลียวมองชิงลู่ลู่ด้วยความงุนงง
" ข้าก็ไม่ได้ยินนะ " กบอิงอิงยืนยันอีกเสียง
" แต่ข้าได้ยินเสียงคนขอให้ช่วยนะ เสียงมันดังาจากตรงนั้น " ชิงลู่ลู่ชี้ไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียงก่อนจะก้าวเดินออกไปทันทีอย่างไม่รั้งรออีก
" เดี๋ยวก่อนเจ้ามนุษย์ซื่อบื้อ เจ้าจะเดินออกนอกเส้นทางมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้นะ เกิดหลงทางขึ้นาจะทำอย่างไร นี่!! เจ้าได้ยินข้าไหม " กบอิงอิงรีบกระโดดติดตามหลังชิงลู่ลู่ไปติดๆด้วยความเป็นห่วงอย่างรวดเร็ว
" แต่ข้าได้ยินจริงๆ นะ "
ชิงลู่ลู่เหลียวมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาต้นกำเนิดเสียง แม้เสียงนั้นจะแผ่วเบาากแต่นางมั่นใจว่าได้ยินจริงๆ กระทั่งสายตาไปสะดุดเข้ากับก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นที่อยู่บริเวณปลายเท้าของตนเองเข้า เมื่อเพ่งมองดีๆก็พบหอยทากขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือตัวหนึ่งนอนนิ่งอยู่ด้านล่าง ชิงลู่ลู่รีบก้มลงหยิบก้อนหินออกจากลำตัวหอยทากน้อยแล้วช้อนร่างเล็กนั้นขึ้นาวางไว้บนฝ่ามืออย่างระมัดระวัง
" ปลอดภัยแล้วนะเจ้าหอยทากน้อย "
" จะปลอดภัยได้อย่างไรเปลือกของมันแตกเป็นเสี่ยงๆถึงเพียงนี้ "
" ไม่ต้องห่วงหรอกอิงอิง หอยทากมันเปลี่ยนเปลือกของมันได้ "
" จริงหรือ? "
" ใช่แล้วล่ะ ขอบคุณเจ้าที่เป็นห่วงนะ ขอบคุณเจ้าด้วยที่ช่วยข้าไว้ "
เจ้าหอยทากน้อยพยักหน้ายืนยันกับกบอิงอิงที่อยู่ด้านข้างก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปขอบคุณชิงลู่ลู่ที่ส่งยิ้มเป็นมิตราให้
" ว่าแต่เจ้าเถิดเหตุใดถึงาติดอยู่ตรงนี้ได้เล่า "
" ใช่แล้ว!! ข้าลืมไปเสียสนิทเลย พวกเจ้าช่วยสหายของข้าด้วย สหายของข้าถูกยิงได้รับบาดเจ็บไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง " หอยทากน้อยละล้ำละลักบอกด้วยความตื่นตระหนกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ผ่านาได้
" สหายของเจ้าอยู่ที่ใด เจ้ารีบบอกทางพวกข้าาเลย ไปเถอะเจ้ามนุษย์ซื่อบื้อชักช้าเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์เอาได้ "
" ได้ "
" ขอบใจพวกเจ้า ขอบใจจริงๆ "
คณะของชิงลู่ลู่ซึ่งประกอบไปด้วยกบสองพี่น้องอิงอิง มิงมิง และเจ้าหอยทากน้อยที่ารู้ภายหลังว่าชื่อ 'วัวหนิว' กำลังช่วยกันมองหาร่างของนกกระจิบป่า 'หาเชี่ย' สหายของหอยทากวัวหนิวที่ได้รับบาดเจ็บอยู่บริเวณชายป่าใหญ่แห่งหนึ่งด้วยความเคร่งเครียด
เจ้าหอยทากวัวหนิวเล่าให้พวกนางฟังว่าเมื่อครึ่งชั่วยาม(1)ก่อน นางกับนกกระจิบป่าหาเชี่ยออกาเที่ยวเล่นกันตามปกติอย่างเช่นทุกๆวัน แต่วันนี้จู่ ๆ ก็มีมนุษย์กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งควบม้าติดตามหลังพวกมันาแต่ไกลด้วยความรวดเร็ว และหนึ่งในนั้นเล็งธนูยิงาที่พวกมันอย่างไร้ความปรานี
นกกระจิบป่าหาเชี่ยเห็นเข้าพอดีจึงพยายามบินหลบหลีกอย่างสุดกำลัง แต่วิถีของลูกธนูดันแฉลบาัตัวของนางที่เกาะอยู่บนหลังของนกกระจิบป่าหาเชี่ย ในระยะเพียงเท่านั้นนางรู้ดีว่าไม่มีทางที่จะหลบพ้นได้ แต่ทว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นนกกระจิบป่าหาเชี่ยได้ใช้ปีกของตนเองรับคมธนูนั้นไว้แทนนาง
นางรู้ว่านกกระจิบป่าหาเชี่ยเจ็บากแต่ก็ัพยายามฝืนบินพานางาหลบซ่อนตัวไว้ จากนั้นจึงใช้ตัวเองบินล่อคนพวกนั้นไปอีกทาง
นางพยายามร้องห้ามนกกระจิบป่าหาเชี่ยเอาไว้แต่เขาก็ไม่ฟัง นางจึงตัดสินใจออกาจากที่ซ่อนเพื่อาขอความช่วยเหลือจากสัตว์ที่อยู่ในละแวกนี้
แต่เพราะตัวนางเป็นเพียงแค่หอยทากน้อยตนหนึ่ง แม้จะออกแรงวิ่งากสักเพียงใดก็ไม่ได้เร็วไปกว่าการเคลื่อนตัวของเต่าสักเท่าไร ซ้ำร้ายัโดนก้อนหินกลิ้งลงาทับตัวเอาไว้อีก ความหวังที่มีอยู่น้อยนิดก็แทบจะหมดสิ้นไปจนกระทั่งาเจอกับพวกชิงลู่ลู่ในเวลาต่อา
" เจ้าแน่ใจนะว่าหาเชี่ยบินาทางนี้จริงๆ "
กบอิงอิงหันไปถามหอยทากวัวหนิวที่เกาะอยู่บนไหล่ข้างหนึ่งของชิงลู่ลู่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
" ข้ามั่นใจ หาเชี่ยโดนยิงคงบินไปได้ไม่ไกล ตอนนี้น่าจะหลบอยู่ที่ไหนสักแห่ง ข้ารู้จักหาเชี่ยดีเขาไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ตราบเท่าที่มีหนทางรอดอยู่ "
" เป็นไปได้หรือไม่ที่หาเชี่ยอาจจะถูกคนพวกนั้นจับตัวไป "
" ก็อาจจะเป็นไปได้นะ "
ชิงลู่ลู่เห็นด้วยกับความคิดของกบมิงมิงเพราะจากที่ฟังหอยทากวัวหนิวเล่าถึงลักษณะของนกกระจิบป่าหาเชี่ยแล้วก็พอจะเดาได้ว่านกกระจิบป่าหาเชี่ยตัวนี้คงเป็นพันธุ์ที่หายาก ยิ่งได้รับการยืนยันจากกบอิงอิงว่าเป็นสายพันธุ์ที่พบเจอแค่ในป่าลึกเท่านั้น นางจึงไม่แปลกใจเลยที่คนพวกนั้นเจาะจงที่จะจับตัวหาเชี่ยไปให้ได้
" เพราะข้า ทุกอย่างเป็นเพราะข้า หากข้าาเร็วกว่านี้หาเชี่ยก็คงไม่ถูกจับตัวไป "
" เจ้าอย่าเพิ่งโทษตัวเองไปก่อนเลย พวกเราก็แค่คาดเดากันเองเท่านั้น มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ " กบมิงมิงกระโดดขึ้นาบนไหล่ของชิงลู่ลู่แล้วยกมือเล็กๆ แตะที่ลำตัวหอยทากวัวหนิวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
" หากเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าก็ไม่ต้องกลัวไป พวกเรามีกันอยู่ตั้งหนึ่งคนกับอีกตั้งสามตัว แค่หาทางช่วยหาเชี่ยคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอก ใช่ไหม!! "
" ข้าว่าเราลองเข้าไปหาใกล้ๆ แถวที่มนุษย์พวกนั้นอยู่กันดีหรือไม่ หากว่าหาเชี่ยถูกจับตัวไปจริงเราจะได้รีบพาตัวเขาออกาได้ทัน "
กบมิงมิงเสนอความคิดขึ้นบ้างหลังจากที่ค้นหาบริเวณรอบๆ จนทั่วแล้วแต่ก็ัไม่พบร่องรอยของนกกระจิบป่าหาเชี่ยเลย
" แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามนุษย์พวกนั้นอยู่ที่ไหน " กบอิงอิงยกมือขึ้นกุมคางอย่างใช้ความคิด
" องค์ไท่จื่อพะย่ะค่ะ นี่ก็ใกล้จะยามเซินแล้ว เสด็จกลับพระราชวังเถิดพะย่ะค่ะ ไท่จื่อ!! องค์ไท่จื่อพะย่ะค่ะ ”
‘มู่กงกง’ ขันทีชราส่วนพระองค์ขององค์ไท่จื่อ(2)แคว้นเหลิ่งร้องเรียกผู้เป็นนายเหนือหัวอยู่นอกกระโจมเมื่อเห็นว่าจะล่วงเข้าสู่ยามเซิน(3)แล้วเกรงว่าจะมืดค่ำและอาจเป็นอันตรายต่อองค์ไท่จื่อได้
แต่ร้องเรียกอยู่นานก็ัไม่มีเสียงขานรับใดๆ ตอบกลับา
มู่กงกงเริ่มจะสังหรณ์ใจบางอย่างเพราะรู้จักนิสัยองค์ไท่จื่อของตนผู้นี้เป็นอย่างดี จึงถือวิสาสะเดินเข้าไปภายในกระโจม
และมันก็เป็นไปอย่างที่กงกงเฒ่าคาดเอาไว้ เพราะยามนี้ภายในกระโจมหลังนั้นไร้ซึ่งเงาของผู้เป็นองค์ไท่จื่อเสียแล้ว
มู่กงกงถอนหายใจออกาอย่างปลดปลง
“ พวกเจ้าออกไปตามหาองค์ไท่จื่อให้พบและอารักขาพระองค์กลับวังหลวงโดยเร็ว แล้วจำเอาไว้องค์ไท่จื่อต้องปลอดภัย ไปได้แล้ว!! ”
สิ้นเสียงสั่งการเงาร่างสีดำจำนวนหนึ่งก็วูบหายไป
มู่กงกงถอนหายใจอีกครั้งแม้จะกังวลใจอยู่ากแต่ก็ต้องทำตัวตามปกติเพื่อไม่ให้ผู้อื่นสงสัย จากนั้นจึงแสร้งเดินออกาสั่งการให้เหล่าทหารเตรียมตัวกลับวังหลวงก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินตามหายกำหนดการเดิม
“ เป็นอย่างไร ”
“ ัไม่ตายพะย่ะค่ะ ”
‘หัวเทียนหั่ว’ องครักษ์ประจำตัวองค์ไท่จื่อส่งร่างนกกระจิบตัวเล็กที่มีขนสีฟ้าครามสวยตัวหนึ่งให้ ‘ไท่จื่อเหลิ่งต้าหลง’ แล้วถอยหลังกลับไปยืนประจำเบื้องหลังตามเดิม
“ ดี!! ข้าจะนำกลับไปให้อี๋เอ๋อร์ ”
เหลิ่งต้าหลงมองนกสีฟ้าในมืออย่างอารมณ์ดียามเมื่อนึกไปถึงใบหน้างดงามตรึงใจของ ‘อี๋เหมยเหนียง’ หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเหลิ่งที่ทรงสนิทเสน่หาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่ฉับพลันนั้นเองกับมีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าเฉียดใบหน้าด้านข้างของเหลิ่งต้าหลงไปปักที่โคนต้นไม้ใหญ่ด้านหลังอย่างจัง
หัวเทียนหั่วพลิกกายขึ้นากำบังคมธนูให้ผู้เป็นนายพร้อมชักกระบี่เตรียมพร้อมอารักขาความปลอดภัย ด้านเหลิ่งต้าหลงเองก็ชักกระบี่ออกาตั้งรับศัตรูในเงามืดอย่างเคร่งเครียดในขณะที่มือใหญ่อีกข้างัคงจับร่างของนกกระจิบป่าสีฟ้าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ไม่นานลูกธนู-่าใหญ่ก็พุ่งตรงาัคนทั้งสองราวกับเม็ดฝน หัวเทียนหั่วและเหลิ่งต้าหลงใช้กระบี่แฝงกำลังภายในปัดป้องและหลบหลีกได้อย่างว่องไว แต่ถึงอย่างนั้นเหลิ่งต้าหลงก็ัพลาดท่าโดนลูกธนูปักเข้าที่หัวไหล่ข้างซ้ายจนได้
“ ไท่จื่อ!! ”
หัวเทียนหั่วเห็นเหลิ่งต้าหลงทรุดลงกับพื้นก็รู้ได้ทันทีว่าลูกธนูดอกนั้นอาบยาพิษ เพราะหากเป็นเพียงแค่ลูกธนูธรรมดาผู้มีวรยุทธแข็งแกร่งเช่นองค์ไท่จื่อไม่มีทางเสียท่าง่ายๆ เช่นนี้แน่ เพื่อความปลอดภัยขององค์ไท่จื่อ หัวเทียนหั่วจึงตัดสินใจรวบรวมกำลังภายในซัดร่างของเหลิ่งต้าหลงกระเด็นออกไปนอกวงล้อมของธนู-่าใหญ่
“ เสด็จหนีไปพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะต้านพวกมันเอาไว้เอง ”
หัวเทียนหั่วตะโกนบอกองค์ไท่จื่อที่นอนฟุบอยู่กับพื้นจากแรงกระแทกของกำลังภายในที่ตนเองซัดออกไปก่อนจะทะยานขึ้นไปด้านหน้าเพื่อฆ่าฟันศัตรูในเงามืดอย่างไม่ห่วงชีวิต
เหลิ่งต้าหลงกัดฟันข่มความเจ็บระบมจากแรงกระแทกและบาดแผลตรงหัวไหล่แล้วรวบรวมพละกำลังดึงลูกธนูอาบยาพิษออกแล้วสกัดจุดบริเวณบาดแผลป้องกันไม่ให้พิษแพร่กระจายไปากกว่านี้ จากนั้นจึงค่อยพยุงร่างของตนเองขึ้นพลิ้วกายด้วยวิชาตัวเบาหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
เพราะชายหนุ่มฝืนเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วจนเกินกำลังของตน ไม่นานร่างกายก็ทนรับต่อไปอีกไม่ไหวล้มลงข้างโขดหินใหญ่ริมลำธารแห่งหนึ่ง ยามนี้ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลโทรมกาย บริเวณหัวไหล่ซ้ายมีเลือดสีดำขุ่นเข้มไหลซึมออกาไม่ขาดสาย พิษส่วนที่สกัดไว้ไม่ทันเริ่มออกฤทธิ์ส่งผลให้ร่างใหญ่เกิดอาการชาหนึบจนไม่อาจจะขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป
' ปล่อยข้านะเจ้าคนสารเลว ปล่อยข้า!! '
นกกระจิบป่าส่งเสียงก่นด่าชายหนุ่มที่นั่งพิงก้อนหินอย่างหมดแรงไม่หยุด ตัวมันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเจ้ามนุษย์ผู้นี้จะจับมันาด้วยทำไม สู้ปล่อยมันทิ้งแล้วหาทางหลบหนีไปจะไม่ง่ายกว่าหรอกหรือ?
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงกู่ร้องไม่หยุดของนกกระจิบป่าจึงนึกขึ้นาได้ว่าตนจับมันติดมือาด้วย แต่ทว่ายามนี้ชายหนุ่มอ่อนล้าเกินกว่าจะใส่ใจกับมัน เพราะสิ่งที่ต้องระวังากที่สุดในขณะนี้คือพยายามควบคุมไม่ให้ลมปราณแตกซ่านและรวบรวมพละกำลังให้ฟื้นคืนกลับาโดยเร็วที่สุด
เหลิ่งต้าหลงปิดเปลือกตาลงแล้วเริ่มเดินลมปราณด้วยความยากลำบากทีละนิดๆ ในจังหวะนั้นเองชายหนุ่มพลันได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนาเดินเข้าาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ตนเอง ด้วยสถานการณ์คับขันเช่นนี้เขาทำได้เพียงนิ่งสงบให้ได้ากที่สุดเพื่อรอดูท่าทีของผู้าเยือน ตรงข้ามกับจิตใต้สำนึกที่กำลังหมุนวนเร็วรี่คิดหาหนทางเอาตัวรอดด้วยความตึงเครียด
หายเหตุ
1) 1 ชั่วยาม = 2 ชม.
2) รัชทายาท
3) เวลา 15:00 – 16:59 น.
*หวังว่าทุกคนจะเอ็นจอยนะคะ (๑˙❥˙๑)
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??