เรื่อง เขาหาว่าผมเป็นเซียน
อาณาเขตะูโม่
โม่ซานมาถึงก่อนกำหนด5วัน เขาไม่คาดคิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้ มันผิดจากที่เขาคาดการณ์ไว้หลายวัน การบรรจุระดับเทวะที่แท้จริง มันแตกต่างจากเทวะเทียมหลายเท่าตัว ....
สิ่งแตกต่างระหว่างเทวะแท้กับเทวะเทียม คือวิถีเซียน หากผู้ใดบรรลุระดับเทวะ แต่ไม่มีวิถีเซียนปรากฏที่เบื้องหลัง จะนับว่าเป็นเทวะเทียม ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเทวะเต็มตัว....
วิถีเซียนคือการยอมรับจากฟ้าดิน ผู้ที่มีจะสามารถใช้งานเขตแดนตามสายวิชาที่ฝึก หากฝึกวิชาธาตุไฟ นิมิตเขตแดนจะออกไปทางพลังงานความร้อน เช่นเขตแดนภูเขาไฟ เขตแดนภูติอัคคี เขตแดนเพลิงตะวัน....ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงต่อให้ฝึกฝนตำราบ่มเพาะเล่มเดียวกัน จนมีวิถีเซียนรูปแบบเดียวกัน แต่เขตแดนอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง
นิยามของเขตแดน หากพูดง่ายๆก็คือพื้นที่ส่วนตัว ความสามารถของมันก็หลากหลายแตกต่างกันไป บางเขตแดนเพิ่มพลังให้เจ้าของได้หลายเท่าตัว บางเขตแดนสร้างภาพมายาลวงตา บางเขตแดนมีพลังแห่งการรักษา ยิ่งกว่านั้นมันยังมีความลับซ่อนอยู่..
..เขตแดนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิถีเซียน หากต้องการบรรลุขั้นถัดไป จำเป็นต้องมีวิถีเซียนเป็นใบเบิกทางเปิดประตูสู่ขั้นที่เหนือกว่าเทวะ... ขั้นจุติ!!!
โม่ซานพบเจอจุติมากมายหลายคน และทุกคนต่างมีวิถีเซียนกันทั้งหมด หากบังเกิดวิถีเซียนมันมีโอกาสเกินครึ่งที่จะบรรลุระดับจุติ แต่การบรรลุระดับนั้นโม่ซานคงไม่มีหวัง.... ถึงเขาจะมีวิถีเซียนปรากฏขึ้นมาแล้ว แต่เขามีมารในใจที่ไม่อาจกำจัดทิ้งได้
นับตั้งแต่เขามีวิถีเซียน เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย ประสาทสัมผัสทั้ง5เฉียบคมมากกว่าเดิม ความสามารถในทุกๆด้านถูกยกระดับ ในคราแรก เขาคาดการว่าจะเดินทางมาถึงหลังจากนี้อีก3วัน แต่พอเอาเข้าจริงความเร็วของเขามันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายเท่า
หลังจากโม่ซานมาถึงะู สิ่งแรกที่เขานึกถึง คือตำหนักไผ่ขจี ตำหนักที่น้องสาวของเขาเคยอยู่อาศัยในอดีต น้องสาวของเขาเป็นคนรักสงบ นางเป็นคนที่ยิ้มง่ายแม้ใบหน้าของนางจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยนิสัยและท่าทางการแสดงออก จึงทำให้นางดูมีเสน่ห์ในแบบของนางเอง เสียก็แต่ความดื้อรั้น ความดื้อรั้นไม่ยอมผู้ใด มันเลยเป็นเหตุให้นางต้องจบชีวิตลง.....นางแอบฝึกตำราบ่มเพาะตะวันจันทราจนนางสิ้นชีพที่ป่าไผ่....
ตัวของเขารู้มาตลอด เขารู้แต่เขาก็ห้ามนางเอาไว้ไม่ได้ ตลอดหลายร้อยปี เขาเอาแต่กล่าวโทษตัวเอง วันนั้นหากเขาเด็ดขาดไม่ตามใจนาง เรื่องเลวร้ายคงจะไม่เกิดขึ้น
เขาเป็นเทวะที่มีชีวิตยืนยาว เขาต้องติดอยู่ในฝันร้ายซ้ำๆซากๆ มานานนับร้อยปี
ถึงท่านเซียนจะมอบคำอวยพร จนเขาถูกยอมรับจากฟ้าดิน แต่เขาไม่อาจสลัดภาพจำที่มีต่อน้องสาวไปได้ เลือดของนางที่เปื้อนมือ แม้จะกาลเวลาจะหมุนเวียนผ่านไปเนิ่นนานโม่ซานก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นจากของเหลวสีแดงได้อยู่
ครืน~ ครึม~
เสียงฟ้าร้องเป็นดังคำเตือนถึงพายุฝนลูกใหญ่ เมฆครึ้มบดบังแสงจันทร์ ดวงดาวหลบซ่อนในราตรี มีเพียงแสงวาบของสายฟ้าที่หยอกเย้าสายตาผู้คนเป็นระยะ
"ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว " โม่ซานรับรู้ได้ทันที บรรยากาศที่หนาวเย็นแบบนี้ อีกไม่นานจะต้องมี-่าฝนตกลงมาเป็นแน่ สายฝนเป็นสิ่งที่โม่ซานไม่ชอบ บาดแผลในใจมันไม่มีใครช่วยเขาได้ นอกเสียจากตัวของเขาเอง
บรรยากาศอันมืดมิด แต่โม่ซานยังเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าอาณาเขตสงบจิต ป้ายบ่งบอกเขตแดนถูกทำขึ้นมาใหม่ แต่สิ่งก่อสร้างยังคงเหมือนเดิม ภาพสถานที่ในความทรงจำมันฉายซ้อนทับกับภาพเบื้องหน้า กำแพงหิน ซุ้มประตู ทุกอย่างยังคงเดิม เพียงแต่ต้นไม้หน้าทางเข้า จากที่ต้นมันสูงเพียงแค่3เมตร จนตอนนี้มันสูงแทบจะมองไม่เห็นยอดแล้ว กาลเวลานับหลายร้อยปีทำให้มันเติบโตแข็งแรง
หากน้องสาวของเขารู้ว่าต้นไม้ที่นางและพี่ชายทั้งสองร่วมกันปลูก เติบโตสูงใหญ่ได้ขนาดนี้ นางคงจะยิ้มดีใจไปหลายวัน แต่มันก็เป็นเพียงความคิดของโม่ซานเท่านั้น น้องสาวของเขาสิ้นชีพไปนานแล้ว เขาไม่มีวันที่จะได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีก
โม่ซานเดินผ่านต้นไม้ใหญ่จนมาถึงสวนป่าไผ่ ความมืดไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเขา ภาพจำในส่วนลึกเป็นตัวกำหนดทิศทางให้เขาเดินต่อไป แต่ละก้าวเหยียบย้ำลงบนเศษใบไม้ หัวใจของเขาเริ่มจมดิ่งตกสู่ภวังค์ ภาพอดีตฉายวนเวียนในความคิด ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เขาก็จะเห็นแต่ภาพน้องสาวกำลังทำสิ่งต่างๆ หินใหญ่ก้อนนั้นนางเคยขึ้นไปยืน ลำไม้ไผ่นางเคยเอามาทำเบ็ดตกปลา ศาลาข้างทางเมื่อก่อนนางเคยมานั่งรอเขา แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแต่เขายังจดจำมันได้ทุกรายละเอียด
โม่ซานเดินมาจนถึงบ้านไม้ไผ่หลังหนึ่ง ตัวบ้านมันดูแตกต่างไปจากความทรงจำ มันถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนหลังเก่าที่ผุพังตามกาลเวลา แม้บ้านหลังนี้จะดูธรรมดาและเล็กกว่าเดิม แต่ความธรรมดากลับทำให้มันดูเงียบสงบน่าอยู่อาศัยโดยไม่ต้องแต่งเติมสิ่งใดให้มากมาย รอบตัวบ้านมีต้นไม้หลายชนิดใส่กระถางวางเรียงเป็นระเบียบ ต้นไม้เหล่านั้นถูกดัดเป็นทรงต่างๆ การจัดทรงพวกมันเช่นนี้ เป็นการดึงความงดงามของมันออกมาได้ดี
แม้จะมืดแต่โม่ซานก็ยังพอจะมองเห็นผ่านประสาทสัมผัสที่ถูกยกระดับขึ้น...พอเขาดูๆไป มันก็เพลิดเพลินตา ไม้ดัดพวกนี้ถูกดูแลมาอย่างดีโดยผู้มีฝีมือ
เปรี้ยง~
ครึ้นนนนน~
เสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะ เมฆครึ้มรอเวลาที่จะปลดปล่อยหยาดฝน กลิ่นไอความเย็นลอยคละคลุ้ง สายลมเริ่มพัดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงไม้ไผ่เสียดสี เสมือนเสียงร้องโหยหวนของปีศาจร้าย แต่ทว่า อาณาเขตรอบๆบ้านไม้ไผ่ กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มันเงียบสงบเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก
โม่ซานไม่รู้สึกแปลกอะไร เพราะมันเป็นค่ายอาคมที่พี่ใหญ่เป็นคนลงเอาไว้ให้น้องสาว พี่ใหญ่ของเขาเป็นผู้ใช้อาคมระดับสูง แต่น่าเสียดายที่การทะลวงเทวะได้พรากชีวิตพี่ชายของเขาไป ผู้ใช้อาคมจำเป็นต้องสัมผัสวิถีฟ้าดินมากกว่าศาสตร์อื่นๆ การหยิบยืมพลังธรรมชาติไม่ใช่ใครก็ทำได้ เส้นทางการเป็นผู้ใช้อาคม มันต้องพึ่งพาปัจจัยหลายอย่าง วิชาบ่มเพาะต้องสอดคล้องกับวิถีธรรมชาติ บุคคลนั้นต้องมีพลังธาตุมากกว่า2ธาตุในตัว
พี่ชายของเขาเกิดมามี3ธาตุ นับเป็นยอดอัจฉริยะในรอบร้อย100ปี แต่น่าเสียดาย ตำราบ่มเพาะตะวันจันทรา มันไม่เกื้อหนุนวิถีธรรมชาติ เพราะเหตุนั้น เวลาที่ตัดผ่านก้าวสู่ระดับเทวะ ทัณฑ์สวรรค์จะรุนแรงเป็นเท่าทวี
เปรี้ยง~~
เปรี้ยง~
เสียงฟ้าผ่ากำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขณะโม่ซานกำลังจะละสายตาจากต้นไม้ ทันใดแสงสว่างวาบจากสายฟ้า ทำให้เขาสังเกตเห็นหนึ่งในไม้ดัดที่ดูสะดุดตามากกว่าต้นอื่น ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ หัวใจของเขารู้สึกเจ็บแปล๊บ...มันเป็นต้นไม้ที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอีกในชีวิต
"อะไรกัน!!! ต้นหยาดพิรุณมันยังไม่ตายอีกเหรอ" โม่ซานจำมันได้ดี มันเป็นของขวัญที่น้องสาวมอบให้เขา ตอนที่เขาบรรลุระดับจักรพรรดิ มันมีอายุมากกว่า200ปี ถึงจะเป็นสมุนไพรระดับต่ำ แต่มันมีรูปร่างและผลที่สวยงาม น้องสาวของเขาจึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ
ซึ่งต้นหยาดพิรุณตรงหน้า มันคือต้นเดียวกับที่น้องสาวมอบให้เขาไม่ผิดแน่ ในคืนที่น้องสาวของเขาตาย ต้นหยาดพิรุณมันก็เริ่มเหี่ยวเฉา ใบของมันร่วงลงมาจนหมด และวันที่เขาบรรลุระดับเทวะ เจ้าต้นหยาดพิรุณ ก็กลายเป็นซากแห้งๆไปเสียแล้ว ในช่วงที่เขาออกเดินทางเขาได้ก็สลักอักษรคำว่าเยว่ลงบนซากของต้นผลพิรุณ
เขาวางมันไว้หน้าหลุมศพน้องสาวของเขา แล้วเหตุอันใดมันถึงมาตั้งอยู่ที่นี่ได้ มิหนำซ้ำมันยังถูกเลี้ยงดูอย่างดีจนออกดอกออกผลมาให้เห็น มันผลิบานสวยงามเหมือนช่วงที่น้องสาวของเขายังมีชีวิต...
ควับ~ พรึบ
เสียงเบาๆลอยออกมาจากในตัวบ้าน มันเป็นเสียงของการเปิดหนังสืออย่างเบามือ แต่สำหรับเทวะอย่างโม่ซาน เขาได้ยินมันอย่างชัดเจน
"ผู้ใดที่อยู่ข้างใน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!!!" โม่ซานแปลกใจ ทั้งที่เขามีสัมผัสเฉียบคมและถูกยอมรับจากฟ้าดิน ตามปกติสิ่งมีชีวิตใดๆที่เข้ามาในระยะ10ลี้ เขาสามารถรับรู้ได้ในทันที แต่แล้วเหตุใดเขากลับสัมผัสไม่ได้ถึงการมีอยู่ของบุคคลข้างใน เหมือนกับว่าคนผู้นั้นเป็นเพียงก้อนหินข้างทางทั่วไปๆ โม่ซานเพ่งจิตสัมผัสเข้าไปสำรวจในตัวบ้าน แต่เขาก็ไม่พบเจออะไร มีเพียงหนังสือ และตะเกียงน้ำมันที่ส่องสว่าง
"ข้าน้อยขออภัยที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับผู้อาวุโส ข้าน้อยชื่อโม่เยว่ซิน เป็นธิดาของโม่หยางเจ้าค่ะ" เสียงหญิงสาวตอบกลับมา
ตอนนี้โม่ซานแน่ใจแล้ว ว่ามีคนอยู่จริงๆ น้ำเสียงของนางฟังดูคุ้นหูอยู่บ้าง สตรีนางนี้ต้องเป็นยอดฝีมือ ไม่ก็ต้องมีของวิเศษที่ช่วยปิดบังตัวตน นางมีแซ่เดียวกันกับเขา ความเป็นไปได้ในข้อหลังจึงมีมากกว่า ถ้าหากนางเป็นชนรุ่นหลังจริง แล้วเหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ตำหนักไผ่ขจีเป็นสถานที่ต้องห้ามที่เขาหวงแหนมากที่สุด ก่อนออกจากะู เขาได้กำชับไว้ว่าไม่ให้ผู้ใดมาพักอาศัยในที่แห่งนี้
"แม่หนู แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ออกมาต้อนรับผู้อาวุโสเช่นข้า" โม่ซานเอ่ยถามเสียงเรียบ ทั้งที่เขาสมควรจะเกรี้ยวโกรธ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในใจของเขาบอกว่าไม่ควรทำเช่นนั้น
สิ้นคำพูด เสียงของหญิงสาวก็เงียบหายไป จนโม่ซานต้องขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ฉับพลันในมือของเขา บังเกิดถ้วยชาที่ทำมาจากไม้ไผ่สีน้ำตาลอ่อน ในถ้วยมีน้ำชาสีเหลืองอำพันส่งกลิ่นไอร้อนลอยอบอวลออกมา
โม่ซานยกถ้วยชาขึ้นมาไว้บริเวณริมฝีปาก ใบหน้าของเขาเริ่มเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใครกันแน่ บางทีอาจจะเป็นศัตรูปลอมตัวมาก็เป็นได้
ครืดดดดด~
เสียงพื้นไม้เสียดสีกับอะไรบางอย่าง พอโม่ซานใช้จิตสัมผัสตรวจดู เขากลับไม่พบเจออะไร ทุกอย่างยังคงเดิม เขาไม่เข้าใจจริงๆ เสียงมันมาจากที่ใดกัน ในความว่างเปล่ามันจะเกิดเสียงได้ยังไง
แครกกกกก~
ทันใดนั้น ประตูบ้านได้ถูกเปิดออก เงาร่างคนผู้หนึ่งปรากฏสู่สายตาของโม่ซาน หญิงสาวนั่งอยู่บนรถเข็นไม้ ด้านข้างรถเข็นมีตะเกียงน้ำมันวางเอาไว้ หญิงสาวค่อยๆก้มลงไปหยิบตะเกียงขึ้นมา พอแสงสว่างตกกระทบในหน้าของหญิงสาว โม่ซานก็ยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ถ้วยชาในมือเริ่มสั่น เขาแสดงออกว่าตกใจอย่างเห็นได้ชัด.....หญิงสาวผู้นี้ นางมีใบหน้าเหมือนน้องสาวที่จากไปของเขา!!!
"ยะเยว่เล่อ!! เจ้า...." โม่ซานเขาพูดติดขัด ดวงตาของเขาเริ่มแดงระรื่น เขาอยากจะถาม ว่าทำไม่นางยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป
"เยว่ซินคารวะผู้อาวุโสเจ้าค่ะ ขออภัยที่ข้าไม่สะดวกไปต้อนรับ " โม่เยว่ซินไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร แม้นางจะหวาดระแวง แต่นางยังมีสติ นางวิเคราะห์จากรูปร่างท่าทาง นางคาดเดาว่าเขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโส ที่เดินทางกลับมาร่วมงานต้อนรับบรรพบุรุษะูโม่
โม่ซานตกอยู่ในภวังค์ เสมือนเวลาได้หยุดเดิน เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ ในหัวของเขามีเพียงภาพซ้อนทับของน้องสาวกับหญิงเบื้องหน้าของเขา
จู่ๆน้ำตาของเขาก็เริ่มไหลหยดลงมา มันไหลลงมาพร้อมหยาดฝนจากเบื้องบนท้องฟ้า
"ผู้อาวุโสท่านเป็นอะไรหรือไม่ ฝนเริ่มตกแล้ว ท่านเข้ามาหลบในชายคาบ้านก่อนสิเจ้าคะ" หญิงสาวเห็นชายวัยกลางคนเงียบไป นางจึงเอ่ยถาม
"อะอืม..... ต้องรบกวนเจ้าแล้ว" โม่ซานเอ่ยตอบ เขาหันไปมองต้นหยาดพิรุณพร้อมกับหันมามองหญิงสาว จู่ๆเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา เขาสัมผัสได้ถึงหยดน้ำเย็นๆ ตกกระทบลงบนศีรษะของเขา
โม่ซานเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี น้ำฝนมันไหลมารวมกับน้ำตาของเขา มันรวมกันจนดูไม่ออกว่าเขาร้องไห้หรือเป็นเพียงหยดน้ำจากเบื้องบน จู่ๆเขายื่นมือมาสัมผัสกับหยาดฝนก่อนจะเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ
"หยาดพิรุณ มันงดงามเช่นนี้มาตลอดเลยรึ...."
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??