เรื่อง จู้เจียงเจียง แม่ม่ายผู้มั่งคั่ง
เกี่ยวกับุิใบชาี้ จู้เีเีพิจารณาและไตร่ตรองไว้แล้ว
“ทุกคนโปรดวางใจ ข้าจะไม่ยึดภูเขาชาไว้คนเดียว เพียงแต่ตอนีุ้ิใบชายังไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ข้าไม่อาจรับประกันอะไรกับทุกคนได้ จึงอยากขอให้ทุกคนรอกันอีกสักหน่อย”
วันี้ถือว่าใบชาได้เข้าไปอยู่ในสายตาของทุกคนอย่างเป็นทางการวันแรก อีกทั้งยังใช้ประโยชน์จาก ‘เฟิ่งหวงสีทอง’
ส่วนวันหลังจะถูกชาวบ้านยอมรับอย่างแท้จริงหรือไม่ ชาวบ้านจะยอมรับได้กี่คน และจะเผยแพร่ไปไกลได้แค่ไหน สิ่งเหล่าี้จู้เีเีล้วนไม่มีความมั่นใจเลย
นางไม่กล้ายึดแค่ความนิยมเพียงครั้งเดียว ก็มัดคนทั้งหมู่บ้านมาบนเชือกเส้นเดียวกัน
ถึงอย่างไรคนที่นี่แม้แต่เสื้อผ้าอาหารก็ยังไม่ได้แก้ปัญหา แล้วการดื่มชาจะถือเป็นเรื่องใหญ่ได้เช่นไร?
คำพูดี้ของจู้เีเี มีคนที่ฟังเข้าใจ และก็มีคนที่คิดในใจว่า นางคงไม่อยากแบ่งกำไรกับพวกเขา
แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องภูเขาชาี้ล้วนเป็นความคิดของจู้เีเี พวกเขาเข้าไปยุ่งไม่ค่อยได้จริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนถางหญ้าบนภูเขาชา นางก็ไม่เคยเอาเปรียบใคร
“ใช่แล้ว สะใภ้เล็กคิดไตร่ตรองเพื่อทุกคน อีกอย่างหนึ่ง เรื่องผลิตชาพวกเราก็ไม่เข้าใจ ช่างมันไปเถอะ” เหลียงเหวินโจวกระโดดออกหน้ามาไกล่เกลี่ย
ตั้งแต่เขากลับมา ความสำคัญของเขาก็พุ่งขึ้นเป็นอันดับสองของหมู่บ้านภายในคืนเดียว นอกจากั้าหมู่บ้าน ทุกคนล้วนฟังเขา
เพราะว่าเขาเคยเรียนหนังสือ
ดังนั้นขอแค่เขาเอ่ยปาก ทุกคนในหมู่บ้านก็จะไม่พูดอะไรต่อ
เผยจี้รออยู่บนคันนาไม่ไกลจากหน้าหมู่บ้านเสี่ยวฮวงมาโดยตลอด ในขณะที่เขากำลังดูเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าบ้านตระกูลเผย ก็มองดูทุ่งนาใต้เท้าไปด้วย
พืชไร่เกษตรผืนใหญ่ตรงหน้าเขาี้ เป็นที่นาตระกูลเผยของเขา ต้นข้าวในแปลงเจริญเติบโตมาอย่างดี แค่เห็นก็รู้ว่าได้รับการใส่ใจดูแล
แต่ว่า…มารดาของเขาป่วย อีกทั้งร่างกายก็อ่อนแอปานนั้น จะมาเพาะปลูกบนที่ดินผืนใหญ่แบบี้ได้หรือ?
อีกทั้งวันี้เขาอยู่บนภูเขาชาและเดินรอบหมู่บ้านเสี่ยวฮวงหลายรอบ ไม่เห็นแม้แต่เงาของมารดาเขาเลย เห็นแค่น้องสาวที่เขาจำหน้าแทบไม่ได้แล้ว
หรือว่าออกไปข้างนอก?
“พอแล้ว ๆ ทุกคนกลับไปเถอะ หิวมาทั้งวันแล้ว กลับไปกินข้าว...”
เหลียงเหวินโจวกับหลูชุ่ยฮวาและพวกเด็ก ๆ พยายามช่วยจู้เีเีพูด หยอกเย้าและดึงผู้ปกครองบ้านตัวเองกลับ ชั่วพริบตาลานบ้านตระกูลเผยก็เหลือแค่พวกนางสองคนพี่สะใภ้น้องสามี จู้เีเีกับเผยเสี่ยวอวี๋
เผยจี้เห็นดังนั้นจึงก้าวเท้าเดินไปทางบ้านตระกูลเผย
เขามีคำถามมากมาย ทั้งยังคิดถึงมารดาและน้องสาวเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ตอนี้เขาจะยังแสดงตัวตนกับพวกนางไม่ได้ แต่อย่างน้อยให้เขาได้พูดคุยกับพวกนางสักนิดหน่อยก็ยังดี
“แม่นาง” เผยจี้เรียกจู้เีเีที่ก้มหน้าจัดระเบียบพู่กันกับแท่นฝนหมึกอยู่
จู้เีเีได้ยินเสียงก็เงยหน้า มองเขาอย่างแปลกใจ “แม่ทัพเผย? ที่แท้ท่านยังไม่กลับหรือ?”
ตั้งแต่ลงภูเขาชามาจนถึงตอนี้ นางไม่เห็นเขาเลย ยังนึกว่าเขาไม่สนใจเรื่องใบชาก็เลยกลับไปก่อนแล้วเสียอีก
คิดไม่ถึงเขากลับยังอยู่!
“ท่านต้องการผลิตชาหรือว่าซื้อใบชากัน? ที่ข้ายังมีอีกหลายขวด” จู้เีเีไม่ปล่อยโอกาสเสนอขายใด ๆ ไป
“ข้าน้อยมากินข้าว แม่นางได้โปรดรักษาสัญญาด้วย”
ตอนอยู่บนภูเขาชา นางเคยพูดไว้ ถ้าหากเขาช่วยนางรักษาความลับละก็ นางจะเลี้ยงข้าวเขา
ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ไม่ชอบเอาเปรียบใคร แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธ เขาอยากกินข้าวมื้อี้มาก
พูดจบ สายตาของเผยจี้ก็มองไปที่หน้าประตูบ้านตระกูลเผยอย่างไม่รู้ตัว อยากเห็นคนในบ้านชัด ๆ
“ท่านอยากกินข้าวหรือ?” จู้เีเีสงสัยนิดหน่อย
นางว่าจะเลี้ยงข้าวเขา ทั้งหมดเป็นคำพูดตามมารยาท ทว่าเขาคิดจะกินจริง ๆ!
“หรือไม่สะดวก?”
“ไม่ ๆ สะดวก สะดวกมาก!”
ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ในอนาคต กินข้าวก็กินข้าวเถอะ
นางกำลังคิดอยู่ว่า รอเขาลากลับเมืองหลวงแล้ว จะได้นำใบชาของนางเข้าเมืองหลวงไปเผยแพร่ให้นางด้วย
“งั้นไปเถอะ บ้านแม่นางอยู่ทางไหน?” เผยจี้มองแต่ละบ้านในหมู่บ้านเสี่ยวฮวง รอนางพาเขากลับไปด้วย
แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จู้เีเีตรงหน้าผู้ี้จะไม่ใช่เจ้าสาวของคนอื่น แต่เป็นภรรยาของเขาเอง!
“บ้านข้าก็อยู่ที่นี่ไง”
จู้เีเีถือพู่กันและแท่นฝนหมึกอยู่ จึงเลิกคิ้วส่งสัญญาณให้เขา “ท่านเข้าบ้านไปนั่งก่อนเถอะ ข้าจะไปทำกับข้าวประเดี๋ยวี้ เสี่ยวอวี๋ยกน้ำชาให้แขก...”
“บ้านเจ้า?”
เผยจี้ตกใจมาก ขณะที่กำลังอยากถามนางว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เสียงเผยเสี่ยวอวี๋ที่เรียก ‘พี่สะใภ้’ ก็ดังขึ้นมาจากในห้อง ทำให้เขาถึงกับหยุดนิ่งอยู่กับที่ไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
“รู้แล้ว พี่สะใภ้”
เผยเสี่ยวอวี๋รินชาถ้วยหนึ่งที่เย็นแล้ว ยกไปให้เผยจี้อย่างขี้อาย “พี่ชายน้ำชา”
นางไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคนี้มีสถานะอะไร เพียงแต่เมื่อพิจารณาจากอายุของเขา ก็ควรเรียกเขาว่าพี่ชาย
เสียงเรียก ‘พี่ชาย’ คำี้เผยจี้ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทำให้เบ้าตาของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที คำพูดที่อยากจะพูดพลันต้องกลืนหายลงไปในลำคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เมื่อห้าปีก่อนตอนเขาถูกค่ายทหารจับตัวไป น้องสาวของเขายังเป็นเพียงทารกที่พูดไม่ได้คนหนึ่ง ตอนี้เจอกันอีกครั้งกลับเรียกพี่ชายได้แล้ว
เพียงแต่มารดาของพวกเขาล่ะ?
อีกอย่าง…ทำไมนางถึงต้องเรียกจู้เีเีว่าพี่สะใภ้?
เผยจี้นำความสงสัยเหล่าี้เข้าบ้าน อีกสักพักต้องหาโอกาสถามให้ชัดเจนให้จงได้
บ้านของตระกูลเผยยังเหมือนกับในความทรงจำ ประตูี้ หน้าต่างี้ เขาและบิดาช่วยกันลงมือทำเองทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าหลังคาไม่ได้มุงใหม่มานานแล้ว ทั้งบางและเก่า
หากฝน-่าใหญ่ตกลงมาหลังคาคงรั่วเป็นแน่
ในห้องที่เขาเคยอยู่ เดิมมีแค่เตียงเก่า ๆ เตียงหนึ่งเท่านั้น ตอนี้กลับมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย
ของบนเตียงถึงแม้จะไม่ใช่เนื้อผ้าที่ดีอะไร แต่ก็ยังมองออกว่าเป็นลักษณะเฉพาะของผู้หญิง
จู้เีเีทำกับข้าวอยู่ข้างนอก ส่วนเผยเสี่ยวอวี๋นั่งคัดใบชาสดที่แก่แล้วที่เก็บกลับมาวันี้อยู่ในบ้าน
เผยจี้ที่สำรวจบ้านจนทั่วแล้วหนึ่งรอบ เมื่อเห็นแบบี้จึงย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งตรงข้ามเผยเสี่ยวอวี๋ เริ่มคุยกับนาง “เจ้าชื่อเสี่ยวอวี๋ใช่ไหม”
เด็กน้อยพยักหน้า
“แม่นางจู้ข้างนอกคนนั้นเป็นอะไรกับเจ้า?”
“นางเป็นพี่สะใภ้ของข้า พี่สะใภ้ของข้าดีกับข้ามาก!” พูดถึงจู้เีเี เผยเสี่ยวอวี๋ก็อดไม่ได้ที่จะโอ้อวด
เพราะพวกเด็ก ๆ ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็อิจฉานางที่มีพี่สะใภ้ดีมากคนหนึ่ง
เผยจี้กลับไม่ได้อยากได้ยินนางพูดว่าจู้เีเีดีแค่ไหน เขาแค่อยากรู้ว่าพี่สะใภ้คนี้ของนางมาได้อย่างไร?
“ในเมื่อนางเป็นพี่สะใภ้เจ้า งั้นก็เป็นภรรยาของพี่ชายเจ้า เช่นนั้นแล้วพี่ชายเจ้าเล่า? มารดาเจ้าเล่า? ทำไมไม่เห็นพวกเขาเลย?”
ตอนี้เขารู้สึกสงสัยผู้หญิงสองคน หนึ่งผู้ใหญ่ หนึ่งเด็ก กำลังมายึดครองบ้านตระกูลเผยของพวกเขาอยู่หรือเปล่า?
“ท่านปู่ั้าหมู่บ้านบอกว่า พี่ชายข้าอยู่ชายแดน ท่านแม่ข้า...ท่านไปหาท่านพ่อแล้ว อยู่บนภูเขา” ตอนเผยเสี่ยวอวี๋พูดถึงพี่ชาย ในดวงตาเต็มไปด้วยการเฝ้ารอ
แต่ตอนพูดถึงมารดาตัวเอง ในแววตากลับหม่นหมองลงไม่น้อย
“อะไรนะ?! เจ้าว่าท่านแม่...แล้ว”
เมื่อเผยจี้ได้ยินข่าวว่ามารดาของเขาเสียแล้ว จึงพูดออกไปอย่างร้อนใจ แต่ยังดีที่หยุดทัน จึงเปลี่ยนคำพูดใหม่ “ข้าหมายความว่า ท่านแม่เจ้าไปหาท่านพ่อเจ้าเมื่อไร? ทำไมถึงเป็นแบบี้ไปได้?”
“ท่านแม่ป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก่อนท่านนอนหลับไป ได้ฝากข้าให้ท่านปู่ั้าหมู่บ้านดูแล และยังให้ท่านปู่ไปหาสะใภ้คนหนึ่งมาให้พี่ชายข้าด้วย จากนั้นข้าก็มีพี่สะใภ้แล้ว”
เผยเสี่ยวอวี๋เอียงหน้า ดวงตาที่ไร้เดียงสาคู่หนึ่งเบิกกว้าง พูดในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจจนถึงตอนี้
เผยจี้รู้ว่าเด็กอายุหกขวบคนหนึ่งความสามารถในการแสดงออกย่อมมีจำกัด จึงไม่ถามต่ออีก เห็นทีจะต้องหาโอกาไปถามั้าหมู่บ้านัั้แล้ว
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??