เรื่อง เส้นทางอสุรา
บที่ 81 แผนซึ่งมากกว่าการซ้อนแผน
ฟังจากวาจาและดูจากท่าทีของเหล่ามือปราบ การออกปากเอ่ยเตือนเพียงกระทำไปพอเป็นพิธี เพราะคำสั่งของพวกมันี่รับมาคือนำร่างี่ไร้วิญญาณของคนี่สังหารสามสรรพเสียงแห่งขุนเขาไปเท่านั้น กระบี่ในมือจึงเดินทางได้เร็วกว่าเสียง แว่วเสียงพึ่งลอยตามลมมา กระบี่สีเงินวาวี่แผ่พุ่งพลังจิตวิญญาณหลายเล่มก็ได้บรรลุถึงร่างี่พึ่งตะเกียกตะกายขึ้นสู่ฝั่งแล้ว
ทว่าเพียงกระบี่บรรลุถึง สายตาได้มองเห็นเงาร่างนั้นอย่างชัดเจน สภาวะกระบี่ของเหล่ามือปราบทุกผู้ก็ต่างหยุดยั้งอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย เพราะเงาตะคุ่มี่ปีนขึ้นสู่ฝั่งกลับเป็นสุนัขป่าเปียกปอนตัวหนึ่ง!
“ี่แท้ก็สุนัขป่าหรือนี่”
“คืนตำแหน่งและเฝ้ารอต่อไป จนกว่าจะเห็นร่างคนหรือไม่ก็ศพของมัน”
ด้วยปลายทางของสายธารย่อมอยู่ี่เมืองหลวง เป้าหมายการหลบหนีของคนผู้นั้นใครก็คิดว่าคงมิพ้นเมืองหลวง เหล่ามือปราบจึงคิดว่าตนรู้ทันถึงได้มาดักรอี่นี่กันพร้อมหน้า ผู้ี่ไล่ล่าก็ล้วนจับตาอยู่ข้างสายธารไม่ลดละ แต่ทว่าตัวของเฉินซือหยางกลับไม่ได้ไปี่นั่น มันยังคงอยู่ี่เดิม อยู่ภายใต้กระแสน้ำี่เชี่ยวกรากี่มันกระโดดลงตั้งแต่ตอนต้น ทั้งหมดเป็นแผนของมัน มันแสดงเจตนาี่จะหลบหนีไปยังเมืองหลวง แสดงเจตนาว่าจะใช้กระแสน้ำี่เชี่ยวกรากนำพาร่างี่บาดเจ็บจนไม่มีแรงจะเดินให้มุ่งไป ทั้งหมดเพื่อหลอกคนเหล่านั้นให้หลงกลเสียสนิท ทำเป็นเปิดทางให้ผู้อื่นรู้ทัน แล้วล่อผู้อื่นให้หัวปั่น เช่นนั้นมันจะได้ไม่ต้องถูกปูพรมไล่ล่าจนหาทางกลับสู่เมืองหลวงได้ยาก
หากแต่กระแสธารี่มันแหวกว่ายอยู่ ทั้งหมุนวนดึงดูด ทั้งไหลเชี่ยวกระชากร่าง มันไม่คิดว่ากระแสน้ำจะไหลได้รุนแรงเพียงนี้ ถ้ามันไม่เคยฝึกปรือร่างกายด้วยการแบกหินใต้กระแสธารน้ำตกี่หนักอึ้งมาก่อน กอปรกับไม่มีร่างกายี่แข็งแกร่งเกินคนทั่วไป ไม่แน่มันอาจถูกกระแสน้ำนี้กลืนกิน ตกตายภายใต้วังวนี่ราวกับไร้ก้นบึ้ง และร่างี่ไร้วิญญาณอาจไปโผล่ี่เมืองหลวงให้คนเหล่านั้นสามารถค้นพบในท้ายี่สุด
ตอนแรกี่กระโดดลง เฉินซือหยางถูกกระแสน้ำเบื้องล่างพัดไปไกลแล้ว ซ้ำยังถูกพลังี่แหลมคมราวหอกซึ่งแผ่พุ่งปาน-่าพิรุณของคนผู้นั้นรัวแทงมิหยุดหย่อน มันตั้งหลักไม่ได้จึงแทบพลาดพลั้งให้แก่กระแสน้ำเชี่ยวนำพาไป แต่พอคนผู้นั้นหยุดมือ ร่างกายก็เริ่มชินกับสภาวะการไหลของน้ำ มันจึงได้กัดฟันฝืนทนว่ายทวนกระแสน้ำี่ไหลเชี่ยวให้กลับมายังตำแหน่งเดิม ขณะจะจวนตัวรั้งสภาวะไม่อยู่ มันก็สาวมือไปถึงโขดหินใต้น้ำก้อนหนึ่ง ใช้กำลังแรงแขนสุดความสามารถและเป็นแรงเฮือกสุดท้ายี่มียึดเหนี่ยวไว้เพื่อหลบซ่อนจนกว่าคนผู้นั้นจะจากไป
เนิ่นนานคนผู้นั้นจึงไล่ลัดเลาะไปตามขอบสายธาร เป็นเวลาี่ร่างกายของเฉินซือหยางจักถึงขีดจำกัดเต็มที โชคดีี่การดำรงอยู่ของคนผู้นั้นหายลับไปจากสัมผัสของจินเยว่ จึงเป็นจินเยว่ี่แจ้งเตือนมัน และให้มันรีบทุ่มพลังสุดท้ายี่มีปีนขึ้นสู่ฝั่งให้เร็วี่สุด
เฉินซือหยางจึงรอดอย่างหวุดหวิด และมันก็สามารถหลอกล่อกลุ่มคนี่ไล่ล่าได้อย่างแนบเนียน คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าร่างี่บาดเจ็บสาหัสผู้หนึ่งจะสามารถว่ายทวนกระแสน้ำหลากแห่งสายธารตะวันตกได้อย่างเนิ่นนาน จนสามารถขึ้นฝั่งในตำแหน่งเดิมได้!
เฉินซือหยางนอนแผ่หลาหอบหายใจหนักี่ริมลำธาร บนร่างกายเพิ่มร่องรอยบาดแผลตัดเฉือนี่ช่วงท้องเพราะคมหอก โลหิตยังคงไหลซึมให้เห็น แม้มันจะหดเกร็งกล้ามเนื้อช่วงท้องไว้แล้ว แต่การแช่ในน้ำนานๆ ก็ทำให้บาดแผลและโลหิตนี้ยากจะควบคุม
สองดรรชนีของมันจึงจี้สกัดจุดห้ามเลือด ความเจ็บปวดแผ่ลามจนคนต้องกัดฟัน ปลายชุดคลุมดำถูกฉีกขาดก่อนนำมามัดปากแผลจนแน่นขนัด พอจัดการบาดแผลภายนอกเสร็จสรรพ มันก็ไม่คิดรั้งตัวอยู่นาน เพราะหากคนผู้นั้นเกิดความสงสัยและย้อนคืนกลับมาเมื่อไหร่ แผนล่อหลอกศัตรูของมันจะสูญเปล่าทันที
คิดดังนี้เฉินซือหยางจึงแบกสังขารของตนเองี่เกินขีดจำกัดเต็มที เดินโซซัดโซเซไปยังเมืองหลวงทางทิศใต้ วันนี้มันเพียงตั้งใจมาเอาดาบี่ทำตกไว้ ไม่คิดว่าจะประสบกับมรสุมลูกใหญ่ี่โถมหาไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ผ่านการต่อสู้เป็นตายกับสามสรรพเสียงแห่งขุนเขา ถูกไล่ล่าจากยอดฝีมือ และเกือบตายภายใต้กระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
แต่ภายใต้วันี่โชคร้ายและแสนวุ่นวาย มันกลับรู้สึกยินดีอยู่ภายในใจลึกๆ เพราะเกือบหนึ่งปีก่อน สามสรรพเสียงแห่งขุนเขายังเป็นตัวตนี่มันมิอาจเทียบติดได้ มิต้องเอ่ยถึงการต่อสู้ว่าจะเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของคนเหล่านั้นได้หรือไม่ เพราะลำพังสู้ตัวต่อตัวกับคนใดคนหนึ่งมันก็ย่ำแย่ถึงขีดสุดแล้ว ทว่าตอนนี้ สามสรรพเสียงแห่งขุนเขากลับกลายเป็นผู้ี่ต้องทิ้งชีวิตเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน เป็นสามสรรพเสียงแห่งขุนเขาทั้งสามคนี่พ่ายแพ้ให้แก่มัน เวลาหนึ่งปีมานี้จึงถือว่ามันพัฒนาด้านพลังฝีมือขึ้นได้อย่างมหาศาล ชนิดี่ว่าแม้แต่สามตัวตนี่มีพลังจิตวิญญาณเหนือสามัญระดับหนึ่ง ยังมิอาจคุกคามมันได้อีกต่อไป
ยิ่งคิดยิ่งมีแรงใจ เส้นทางจากี่เคยมืดมนแลจมปลักของมันได้เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ แสงแห่งความโชติช่วงราวกับเปล่งรัศมีอันชัชวาลอยู่ตรงหน้า มันได้มีโอกาสเห็นเส้นทางนี้แล้ว มันจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดมาฉุดดึง หากใครผู้ใดหมายฉุดดึงแลขัดขวางเส้นทางของมัน มันจักกำราบแลจัดการให้เสียสิ้น!
สองขาี่โซซัดโซเซเมื่อได้พลังแรงใจี่เต็มเปี่ยม กอปรกับแววตาี่เริ่มแรงกล้าก่อตัวอีกครั้ง ความอ่อนล้าก็ดูเหมือนจะได้รับการเติมเต็มมากขึ้นเรื่อยๆ ฝีเท้าของมันจึงหนักแน่นขึ้น เี่ยงตรงขึ้น ก้าวออกไปได้เร็วขึ้น ไม่ว่าอย่างไรมันต้องคืนกลับสู่เมืองหลวงให้ทันก่อนรุ่งเช้า เพราะพรุ่งนี้เส้นทางสู่ความโชติช่วงได้รออยู่ สำนักยุทธ์หมื่นภูษาจักเปิดออก
เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังเฮือกใหญ่ เฉินซือหยางกัดฟันสาวเท้าออกไปสุดแรงเกิด แผลของมันเริ่มปริแตกออกมาอีกครั้ง โลหิตเริ่มหยาดหยดบนพื้น แต่เหล่านี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งแรงใจของมันเอาไว้ได้ อีกทั้งยังมีคนหวังร้ายอยู่ด้านหลัง มัวแต่เชื่องช้าอาจไม่ทันการณ์ มันมาถึงขนาดนี้แล้วจะต้องมิให้คำว่าไม่ทันการณ์เป็นเครื่องฉุดดึง
สายธารตะวันตกยังคงไหลเชี่ยวไม่มีวันหยุดหย่อน ยิ่งดึกสงัดเสียงกระแสน้ำยิ่งดังสนั่นฟังชัด ล่วงเลยสู่ยามสาง เสียงเหล่าภมรหนองแมลงรวมถึงสัตว์ตามธรรมชาติเริ่มสอดประสานส่งเสียง กระแสน้ำี่ไหลเชี่ยวจึงคล้ายเสียงเบาลง ทว่าแท้จริงความรุนแรงในการไหลของน้ำก็ยังมีมหาศาลเช่นเดิม และน้ำเชี่ยวขนาดนี้ เวลาก็ล่วงเลยถึงตอนนี้ สมควรี่ร่างอันบาดเจ็บนั่นจะต้องไปโผล่ี่ท่าน้ำตะวันตกแห่งเมืองหลวงแล้ว ทว่าทหารม้าเกราะเงินผู้นั้น รวมถึงเหล่ามือปราบจำนวนมากี่เฝ้าจับตา กลับไม่พบเห็นวี่แววใดบนผิวน้ำ นอกจากวังวนี่เกิดขึ้นเป็นหย่อมๆ กอปรกับสันน้ำี่ทอดขึ้นเป็นทางยาวตามการไหล ตัวตนใด หรือแม้แต่สิ่งใดก็ไม่ปรากฏให้เห็น!
ทหารม้าเกราะเงินผู้สวมชุดป่านแขนกุดผู้นั้นขมวดคิ้ว ในหัวครุ่นคิดถึงความไม่น่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา ก่อนมันจะสาดสายตาจ้องมองไปยังทางเดิมี่ตนจากมา เป็นตำแหน่งแรกี่คนผู้นั้นทะยานลงยังสายธารตะวันตก
“จะเป็นไปได้อย่างไร แม้แต่ข้าี่ไม่บาดเจ็บหากกระโดดลงลำธารนี้แม้รักษาชีวิตได้แต่สุดท้ายก็ต้องถูกกระแสน้ำเชี่ยวซัดร่างให้ไปโผล่ี่ท่าน้ำตะวันตกแห่งเมืองหลวงอย่างแน่นอน… แต่จะบอกว่าคนี่บาดเจ็บเช่นนั้นมันจะสามารถว่ายทวนกระแสได้?”
มันพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อกับตนเอง ในใจก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สัญชาตญาณบางอย่างกระตุ้นเตือนจิตใจมัน ทำให้มันมิอาจรออย่างนิ่งเฉยอีกต่อไป มันจึงตัดสินใจรีบพุ่งทะยานกายคืนกลับไปจุดแรกเริ่ม มันจะไปดูด้วยตาของตนเอง
ด้วยข้างธารตะวันตกแห่งนี้มีทั้งโขดหินสูงชัน ป่าใหญ่ดกครึ้ม ปิดเป็นแนวกำแพงสองฝั่ง หากคนจะกระโดดลงไปในน้ำย่อมพอทำได้ แต่หากจะให้ปีนขึ้นจากน้ำนั้นมิน่าจะทำได้ นี่เป็นอีกข้อเท็จจริงหนึ่งี่บุรุษสวมชุดป่านแขนกุดผู้นี้ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวตนนั่นจะยังหลบหนีในตำแหน่งเดิมได้
ทว่าพอมันไปถึงตำแหน่งี่คนผู้นั้นได้กระโดดลงน้ำ มันก็พบว่าห่างไปไม่ไกลมีรอยหญ้าแหวกและดินโคลนี่ดูตะเกียกตะกายพาดผ่านโขดหิน ดูเหมือนร่องรอยของอะไรซักอย่างี่พยายามปีนป่ายขึ้นมา คราแรกพิจารณาดูว่าคล้ายร่องรอยสัตว์ป่า แต่พอเห็นคราบโลหิตี่กระจุกตัวเป็นหย่อมๆ บุรุษผู้นั้นก็เบิกตาขึ้นมาทันใด
“บัดซบ เจ้าบ้านั่นหลอกข้าเสียสนิท”
ี่เหนือกว่าการหลอกคือสิ่งี่บุรุษชุดป่านแขนกุดคิดไม่ตก คนผู้นั้นสามารถว่ายทวนกระแสน้ำและปีนขึ้นฝั่งเดิมด้วยสภาพร่างกายี่สาหัสเช่นนั้นได้อย่างไร และดูจากคราบโลหิต มันคงออกจากี่แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
เมื่อนึกถึงบทลงโทษหากปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ บุรุษชุดป่านแขนกุดก็บังเกิดความร้อนรน มันสบทเสียงออกมาดังลั่น รวบรวมแรงกายทั้งหมดพุ่งทะยานติดตามร่องรอยของคนผู้นั้นไป ไม่ว่ามันจะใช้วิธีไหน ไม่ว่ามันจะหลบหนีได้ตั้งแต่ตอนใด ตนก็จะไปลากคอมันมาให้จงได้ ตนต้องได้ร่างอันไร้ชีวิตของมันเพื่อไปประกอบกับเรื่องการตายของสามสรรพเสียงแห่งขุนเขา
“ข้าจะไม่ให้เจ้าหลุดมือ!”
บุรุษชุดแขนกุดวิ่งทะยานติดตามร่องรอยไป เห็นรอยเท้าเก่าี่ทิ้งไว้บนพื้นและร่องรอยโลหิตเจือจางของคนผู้นั้นมุ่งไปทางใต้มันก็พอมีความมั่นใจ ระยะทางจากตรงนี้มุ่งไปี่ประตูเมืองหลวงทางทิศใต้ต้องใช้เวลาอีกเท่าตัว คนผู้นั้นบาดเจ็บแม้หลบหนีไปได้ไกลแล้วแต่ตนก็ยังสามารถตามทันได้อยู่ ยังมีเวลาให้ตนได้สังหารมัน
เป็นอีกครั้งี่ทหารม้าเกราะเงินผู้สวมชุดป่านแขนกุดผู้นี้ทุ่มพลังอย่างไม่ออมรั้ง ฝีเท้าี่พุ่งทะยานออกไปของมันจึงรวดเร็วราวอัสนีบาตร ติดตามร่องรอยซึ่งมุ่งลงใต้เรื่อยๆ มุ่งหน้าได้เกือบครึ่งทางร่องรอยบนพื้นจากี่เคยเด่นชัดก็ค่อยๆ จางลง ทั้งยังดูทิ้งช่วงมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ไปสุดอยู่ี่โขดหินโขดหนึ่ง และเบื้องหน้าก็ไร้ร่องรอยจากคนผู้นั้นไปเสียดื้อๆ
จนถึงตอนนี้บุรุษี่สวมชุดป่านแขนกุดก็ร้องบัดซบขึ้นมาในใจอีกหน มันแทบอยากจะตีอกชกหัวตัวเอง มิน่าเล่าร่องรอยถึงได้เด่นชัด มิน่าเล่าจึงดูให้ติดตามได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นทิศทางมุ่งลงสู่ทิศใต้ี่ดูเหมือนว่าปลอดภัยี่สุด หลบรอดจากกองกำลังี่ปิดล้อมมากี่สุด ทว่าทั้งหมดกลับเป็นอุบายล่อหลอกให้ตนหลงกลอีกหน มันจงใจใช้วิธีนี้เพื่อให้ตนคิดว่ามันจะหลบหนีมาี่นี่ ทว่าแท้จริงมันวกกลับทางประตูทิศตะวันตกี่อยู่ใกล้ี่สุด
บุรุษผู้นั้นจึงคำรามลั่น
“ตัวบัดซบ อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร ข้าสาบานว่าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
แล้วมันก็วกกลับไปทางทิศตะวันตก พุ่งทะยานไปไม่นานก็เห็นร่องรอยฝีเท้าลางๆ เพียงบางช่วงมุ่งไปยังตะวันตกจริงๆ มันจึงมั่นใจว่าตัวบัดซบนั่นมุ่งเข้าประตูทางทิศตะวันตกแล้ว
ฝีเท้าี่ใช้ออกด้วยความเดือดดาลนั้นรวดเร็วกว่าฝีเท้าคราแรกมากนัก ไม่นานมันก็พุ่งไปทางทิศตะวันตกจนหายลับไม่เห็นหลัง เมื่อมันหายไป เฉินซือหยางก็ค่อยๆ ออกมาจากซอกหลืบของโขดหิน ชายหนุ่มยังคงอยู่ตรงรอยเท้าสุดท้ายี่สิ้นสุดนี้ มันลบประกายพลังชีวิตและจิตวิญญาณตามี่เคล็ดวิถีี่จินเยว่ถ่ายทอดให้อย่างไร้ร่องรอยี่จะสัมผัสถึง มันหลบซ่อนอยู่ตรงนี้ มันยังคิดี่จะมุ่งลงสู่ใต้ แต่สิ่งี่มันสร้างขึ้นมานั่นเป็นแผนซ้อนแผนและซ้อนในแผนอีกทอดจนคนี่ไล่ล่ามันหัวปั่นยากคาดเดา ทำให้เหมือนจงใจว่าจะลงใต้ หลอกให้คนผู้นั้นติดตามไปจนถึงจุดสุดท้าย แล้วปล่อยให้มันเอะใจว่าตนจะวกกลับทิศตะวันตกโดยการย้อนกลับไปสร้างรอยเท้าเบาบางและแนบเนียนช่วงหนึ่ง จากนั้นก็ย้อนกลับมาหลบซ่อนตัวี่จุดสิ้นสุดรอยเท้าทางทิศใต้ดังเดิม รอจนศัตรูตกหลุมพรางติดตามอีกร่องรอยไปทางตะวันตก มันค่อยมุ่งสู่ทางใต้ต่อ
ชายหนุ่มหลอกคนผู้นั้นได้อีกครั้ง
เฉินซือหยางมองไล่หลังยังทิศทางี่คนผู้นั้นจากไป ปากก็กล่าวเสียงแผ่วเบา
“ตอนนี้เจ้าไล่ล่าข้าได้ แต่ซักวันจะเป็นข้าี่ไล่ล่าเจ้าบ้าง… ข้าจดจำน้ำเสียงนั่นไว้แล้ว!”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??