เรื่อง เกี้ยวรักท่านอ๋อง ฉบับชายาข้ามมิติ
ภายใต้ความมืดมิด ลมหายใของหรงซิวดูเร่าร้อนเป็พิเศษ ิ่นหอมเย็นๆ ติดอยู่ที่ปลายจมูก ทำให้อวิ๋นอี้ไม่อาจหลบหนีได้.
นางรู้ว่าเขากำลังถามกระไร นางคิดอย่างรวดเ็ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
เื่คืนนางขอให้หรงซิวช่วยนัดซูเมี่ยวเออร์ออกมา โกหกว่าจะคุยกับซูเมี่ยวเออร์เีหน่อย แต่ับายเป็ว่าซูเมี่ยวเออร์ถูกทุบตี
อวิ๋นอี้ค่อยๆ เงยหน้าึ้ด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าเล็กๆ ถูกหรงซิวจับไว้ เขาบีบคางของนาง ไม่ทันรอคำตอบ ก็ก้มกัดริมฝีปากของนางเบาๆ "พูดมาเ็"
ดูเหมือนว่าถ้าวันี้ไม่อธิบายให้ชัดเจนคงจะไม่ได้แล้ว
อวิ๋นอี้ผลักเขาออกแล้วเช็ดปากอย่างแ หนึ่งไม่ทำไม่เลิก [1] ตัดสินใพูดก่อน “ผู้ใดบอกนางให้รังแกข้าก่อนเล่า!” นางเริ่มโวยวายและไร้เุผล “หากมิใช่ว่าวันั้ท่านจัดการงูให้ข้า ข้ายังจะมีชีวิตอยู่หรือไม่? นางเกือบจะฆ่าข้าแล้ว ข้าหาไปตีนางให้หายโกรธเีหน่อยไม่ได้เหรือ?”
แววตาของหรงซิวค่อยๆ ลึกึ้ มุมปากโค้งขยายออก
อวิ๋นอี้ยังคงัตา นางไม่ัเกตเว่า มีหลายคำที่เื่อ้าปากพูดแล้ว มันก็จะเหมือนกับแม่น้ำที่ไหลไม่หยุด
ยิ่งกว่าั้ นางเต็มไปด้วยความคับข้องใ ไม่มีที่ระบาย เื่หรงซิวหยิบเื่ที่ทำให้เีใึ้มาเค้นนาง "เพลาี้ฝ่าบาทเป็กระไร? ได้ยินว่านางถูกทุบตีก็รู้สึกเป็ทุกข์จนทนไม่ไหว ฝ่าบาทจะมาคิดบัญชีกับข้าหรือเพคะ! หากใท่านมีนางไม่มีข้าละก็ข้าก็จะไม่ห้าม ทิ้งข้าไปเถิด ได้แต่งนางเ้าเรือนมา ดีกว่ามาคิดแค้นกับข้าแทนนางเช่นี้!”
แค่เพียงไม่กี่ปะโยคที่เขาเอ่ยปาก ก็ทำให้ความคิดของนางเปลี่ยนแปลงไป กว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบับ ก็่าไปครู่หนึ่ง
ในเพลาั้เอง อวิ๋นอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า นางนั่งลงไปบนเตียงอย่างไม่สนใภาพลักษณ์ของตน ้ไห้คร่ำครวญ`
หรงซิงไปหมด``
นาง้ไห้ึ้มา แถมยังพูดไปเรื่อยไม่ได้หยุด
พูดเพียงไม่กี่ปะโยคแต่ับซ้ำไปซ้ำมา หรงซิวไม่รักนางแล้วบ้าง จะมาคิดบัญชีกับนางบ้าง บอกให้หรงซิวเลิกกับนางไปเบ้าง ให้ไปแต่งงานกับซูเมี่ยวเออร์ไวๆ
วุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว
หรงซิวทนฟังต่อไปไม่ไหว เขาเปลี่ยนบทไปหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อ แล้วนั่งยองๆ ต่อหน้านาง จับคางแล้วเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา “ไม่้้แล้ว ข้าเพียงแค่ถามดูเพียงเ่าั้ ข้าพูดกระไรแล้วหรือ? ข้าบอกว่าจะคิดบัญชีกับเจ้าแล้วหรือ? ข้ายังมิได้พูดเอ่ยโทษเจ้าใดๆ เ เจ้าก็สร้างความขมขื่นให้ตัวเองเีแล้ว?”
"... ..."
อวิ๋นอี้เอ่ยปากอย่างน่าอาย "ฝ่าบาทมิได้พูด แต่ฝ่าบาทก็หมายความเช่นั้"
"ข้ามิได้คิดเช่นั้เีหน่อย" ัจากทำความรู้จักสตรีผู้ี้ที่สูญเีความทรงจำไปไม่า หรงซิวเหมือนจะเ้าในิสัยของอวิ๋นอี้ผู้ี้แล้ว นางทำการใด เขาก็จะานางไป "ข้าหมายความว่า ไม่ว่าเจ้าจะทำการใด ข้าก็สนับสนุนั้สิ้น"
"รวมั้ที่ข้าหามาทุบตีซูเมี่ยวเออร์ด้วยหรือเพคะ?" อวิ๋นอี้เหยียบจมูกึ้หน้า [2] ถามจบก็จ้องหน้าหรงซิวอย่างไม่ละาตา พยายามหาความไม่เป็ธรรมบนใบหน้าของเขา
แต่ับไม่มี
หรงซิวลูบหัวนาง “ย่อมได้”
“ฝ่าบาทไม่รู้สึกสงาหรือเพคะ?”
“ที่โดนทุบไม่ใช่เจ้าเีหน่อย เุใดข้าจึง้สงาด้วย?”
“ถุ้ย!” อวิ๋นอี้เยาะเย้ย “ฝ่าบาทแสร้งทำน่ะสิไม่ว่า”
"โกหกเจ้า ข้ายอมเป็สุนัข" เขาโตเช่นี้แล้ว แต่ับยังพูดคำี้ได้อยู่ี
ที่ไหนได้ อวิ๋นอี้ไม่เห็นค่าเ เืบมองเขาแล้วหัวเราะว่า "ฝ่าบาทก็เป็สุนัขอยู่แล้วนี่เพคะ"
เขาเป็สุนัขอยู่แล้วหรือ?
หรงซิวอยากดุนางจริงจังสักครั้ง แต่เื่เห็นดตาที่บวมแดงจากการ้ไห้ของนาง ู่ๆ ความคิดั้ก็หายไป
เขาจูบนางด้วยใสงา ในะที่ริมฝีปากปะสานกัน เขาพูดอย่างแผ่วเบา "เจ้าอยากจะทำการใดก็ได้ ตราบเ่าที่เจ้ามีความสุข หากเกิดเื่ก็มีข้าอยู่"
อวิ๋นอี้มุ่ยปาก แต่ในใับมีความสุข
นางไม่ได้ผลักหรงซิวออก ไม่ปฏิเสธจูบของเขา ไม่รู้ว่าเป็เพราะคำหวานของเขาหรืออย่างไรที่ทำให้นางสับสน
ค่ำคืนี้ั้ราวกับไม่ใช่ปกติ
อย่างน้อยอวิ๋นอี้ก็มิได้รู้สึกขัดใกับหรงซิวแล้ว จากชื่นชมความงามของเขาแล้ว นางยังชื่นชมความ่โยนของเขาีด้วย
อย่างเวลาทานอาหาร อวิ๋นอี้ัเกตได้ว่าหรงซิวรู้ดีึความชอบของนาง
รสชาติที่นางชอบกับเจ้าของร่างเดิมแตก่ากันโดยสิ้นเชิง
เจ้าของเดิมกินเผ็ดไม่ได้ ชอบกินอาหารที่มีรสหวานอมเปรี้ยว แต่นางเป็ที่ขาดการกินเผ็ดไม่ได้
เจ้าของเดิมไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ กินมังสวิรัติ แต่นางับไม่เคยปฏิเสธไก่เป็ดปลาเนื้อ่าๆ เ
ไม่รู้ว่าหรงซิวเริ่มัเกตได้เื่ใด แต่สิ่งที่เขาคีบใส่ถ้วยของนาง ล้วนเป็ของโปรดของนางั้สิ้น
ดูไป เขาก็ไม่ใช่บุรุษที่เลวร้ายกระไร
!
หรือบางทีนางอาจจะเ้าใเขาผิดไปเอง?
บรรยากาศช่ค่ำมืดลงเรื่อยๆ อวิ๋นอี้นอนไม่ัเพราะมีบางอย่างติดอยู่ในใ นางมองดูความมืดมิดและรู้สึกได้ชัดเจนว่านางมีความรู้สึกดีต่อหรงซิวเ้าเีแล้ว
ความรู้สึกดีี้อาจมาจากความใส่ใของเขา หรืออาจเป็คำพูดหวานๆ หรือความสัมพันธ์ที่มัวเมาในคืนี้ เื่รู้สึกึลมหายใที่อบอุ่นของชายข้างๆ นางก็อดรู้สึกฟุ้งซ่านึ้มาไม่ได้
อวิ๋นอี้คิดเรื่อยเปื่อย ่าไปอย่างยากเย็นจนึางดึก ทนไม่ไหวจึงผล็อยัไป
นางนึกว่านางจะได้นอนยาวๆ จนื่ึ้เอง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าในรุ่งเช้า นางถูกสาวใช้ปลุก บอกว่ามีามาจากในวัง ให้นางเ้าพบ
“าจากผู้ใด?” อวิ๋นอี้ลุกึ้อย่างไม่พอใ นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยใบหน้าหงุดหงิด
เซียงเหอเช็ดตัวให้นาง าด้วยการแต่งหน้าที่รวดเ็ “ไทเฮาเพคะ บอกให้พระชายาเสด็จไปหา มีเื่จะถามท่านเพคะ”
พอได้ยินว่าเป็ไทเฮา ย่อมเดาได้เว่า้เป็เื่ที่ซูเมี่ยวเออร์ถูกทุบตี
อวิ๋นอี้รู้สึกว่าไทเฮาช่างมั่นคงนัก ราวกับว่าไม่ว่าซูเมี่ยวเออร์จะทำผิดร้ายแเ่าใด นางก็พร้อมที่จะอภัยให้ได้เสมอ
หากนับว่าเป็ความรักเอ็นดู แต่เช่นี้ไม่ถือว่าเอาอกเอาใกันมากไปหน่อยหรือ?
คำบ่นอยู่ในในับไม่ถ้วน แม้ว่าอวิ๋นอี้จะไม่เต็มใ แต่ก็้นั่งรถม้าเ้าไปในวังอยู่ดี
เื่ึวัง ขันทีใหญ่นำทางนางมาึพระตำัเฉียนชิง
ไทเฮาอยู่บนที่นั่งู มองนางด้วยสีหน้าเข้มงวดจริงจัง แต่ับไม่มีซูเมี่ยวเออร์อยู่
อวิ๋นอี้รู้อยู่แก่ใ เ้าใดีว่าซูเมี่ยวเออร์อาจจะลุกจากเตียงไม่ได้ จึงไม่้าแสดงสีหน้ากระไร
นางยังคงสีหน้าสับสน ทำความเคารพไทเฮา "คารวะองค์ไทเฮาเพคะ!"
ไทเฮามองหญิงสาวที่คุกเข่าลง ก็พ่นลมฟึดฟัดออกมาอย่างขัดใ "ลุกึ้เถิด!"
อวิ๋นอี้รีบ่าวขอบพระทัย แล้วลุกึ้ยืน
ในฐานะลูกสะใภ้ของาชาย หากผู้ใหญ่ไม่เปิดปาก นางก็ไม่พูดกระไรก่อนเป็ปกติ เวลา่าไปอย่างช้าๆ นางก้มหน้าลง จรดมือไว้ข้างหน้าอย่างสง่างาม ยืนอยู่นิ่งๆ เพียงแค่มองดูจากท่าทางี้ นางก็นับว่าเป็หญิงสาวที่สง่างามหนึ่ง
ความไม่พอใของไทเฮาหายไปึ่หนึ่ง พูดกับนางว่า "ชายาเจ็ดได้ยินเื่ที่ซูเมี่ยวเออร์ถูกทุบตีหรือไม่?"
เื่ี้แพร่กระจายออกไป เกือบทุกในเมืองหล่าก็รู้เื่ี้ ถ้านางบอกว่าไม่รู้ คงดูเสแสร้งจนเกินไป
อวิ๋นอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ย่อตัวลงอย่าง่โยน พูดอย่างลังเล “าได้ยินมาเพียงเล็กน้อยเพคะ พวกั้น่ารังเกียจเีจริง ปฏิบัติกับสตรีเยี่ยงี้ได้เช่นไร!”
ผู้ใดแสดงไม่เป็กันเล่า!
สีหน้าของอวิ๋นอี้ั้รู้สึกเีใและตกใ ะเดียวั็ีความโกรธ ดูจริงจังนัก
แม้แต่ไทเฮาที่เห็น ก็ดูไม่ออกึความผิดปกติ เดิมที่ฟังซูเมี่ยวเออร์พูด ไทเฮาเองรู้สึกว่าอวิ๋นอี้คงทำเื่เช่นี้ได้ แต่เพลาี้ที่เผชิญหน้ากัน อวิ๋นอี้ไม่เพียงไม่แสดงความื่ตระหนุนใดๆ ตรงกันข้าม การแสดงสีหน้าของนางก็เหมาะสม ดูไม่เหมือนปิดบังกระไร
ในที่สุด ไทเฮาคุยกับนางีไม่กี่คำ แล้วโบกมือให้อวิ๋นอี้ออกไป
ตอนที่หันัเิออกมาจากตำัั้ อวิ๋นอี้อดขำไม่ได้
ในเื่นาง้การจะทำมันตั้งแต่แ นางย่อม้หาทางออกไว้อยู่แล้ว จะให้พวกเขาสืบสาวึนางได้อย่างไร?
ซูเมี่ยวเออร์ยังคิดว่าตัวเองฉลาดนักอยู่ีหรือ?
เหอะเหอะ
อวิ๋นอี้ดูแคลน นางเป็เจ้าแการ แถมยังเจ้าคิดเจ้าแค้นมากเีด้วย
รสชาติของการแก้แค้นั้หอมหวานนัก นางตัดสินใรอให้ซูเมี่ยวเออร์ได้พักผ่อนเีหน่อย แล้วค่อยจัดการกับนางีหน
ทุบตีให้นางตระัึชีวิต ให้สงสัยความเป็ไปของโลกไปเ ดูสิว่าซูเมี่ยวเออร์จะ้าโผล่หน้ามาให้นางเห็นซ้ำๆ ีหรือไม่!
เื่ที่ซูเมี่ยวเออร์ถูกทุบตีั้ เป็เื่ร้อนที่กระจายอยู่ในเมืองหลอยู่หลายวัน อย่างไรก็า ปะชาชนในเมืองหล เวลาว่างไม่มีกระไรทำ ก็จะพูดคุยกันึเื่ของราชศ์
แต่โดยปกติแล้ว เื่มีข่าวร้อนแพร่มา ก็จะรีบติดาพูดคุยกัน เื่กระแแล้ว ผู้ใดยังคงพูดึเื่ั้อยู่ ก็จะถูกเหยียดหยามว่ากินของเื
ตัวอย่างเช่น เพลาี้ฤดูวสันต์กำลังจะสิ้นสุดลง ั้เมืองหลกำลังจะต้อนรับการทดสอบเดือนวสันต์ที่จัดึ้เพียงสี่ปีครั้ง
สิ่งี้มีความสำคัญมากในหมู่นักเี และยังเป็เื่ใหญ่ที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ สำหรับราชศ์ต้าอวี่ีด้วย เพราะเุี้ หัวข้อที่ทุกพูดึกัน จากเื่ที่ซูเมี่ยวเออร์ถูกทุบตีก็่าไปเป็เื่การสอบช่เดือนวสันต์
แม้ว่าการสอบช่เดือนวสันต์จะเีเช่นั้ แต่ความจริงแล้ว วันสอบถูกกำหนดอยู่ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม
เนื่องจากอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของราชศ์ต้าอวี่ การเิทางไม่สะดวกนัก การทดสอบช่เดือนวสันต์เป็การทดสอบระดับปะเทศ นักเีทุกจำเป็้ไปที่เมืองหล
กระบวนการี้ใช้เพลาา
ัั้ นักเีบางที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไจึงเริ่มออกเิทางตั้งแต่ัเถลิงศก
เื่เวลา่าไป ชื่อของการทดสอบเดือนวสันต์จึงมีที่มาเช่นี้
อวิ๋นอี้ฟังกู่ซือฝานพูดมาเยอะ แล้วก็อ้อเีงยาว “เช่นี้นี่เอง”
ั้เบื่อไม่มีกระไรทำ จึงออกมาซื้อของข้างี
โรงน้ำชาและร้านอาหารหลายแห่งบนถนน่าโห่้เีงั โดยบอกว่าร้านของพวกเขาได้รับการเ้าใช้บริการจากผู้ที่ได้อันดับหนึ่งของการสอบเดือนวสันต์ในอดีต
คราแอวิ๋นอี้ไม่เ้าใ แต่ตอนที่ได้ฟังกู่ซือฝานเล่าแล้วก็รู้ว่านี่เป็ช่องทางธุรกิจของร้านค้า่าๆ
นางนั่งอยู่บนชั้น เปิดหน้า่ากว้าง มองลงไปที่ชั้นล่าง ในบรรดาเิถนนไปมา ก็ถูกคำโฆษณาเหล่าั้เชื้อเชิญเ้าไปจริงๆ
โรงเตี๊ยมตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็การตกแต่งหรือว่าจากด้านอาหาร ไม่ได้ดีเ่าร้านที่นางอยู่เ แต่สิ่งที่ทำให้คิดไม่ตกก็คือ โรงเตี๊ยมร้านตรงข้าม มีแต่เ้าออก อืม...ส่วนร้านที่พวกนางอยู่ั้ ดูเหมือนจะมีแค่พวกนางเพียงเ่าั้
อวิ๋นอี้ถามกู่ซือฝานอย่างไม่รู้จะพูดกระไร "เจ้าัเกตเห็นหรือไม่ว่า ร้านแห่งี้ดูเหมือน... กำลังจะปิดตัวลง"
"ข้าอยากพูดอยู่าแล้วเพคะ" กู่ซือฝานรีบพูด “ที่นี่ทำเลก็ดี ้าๆ ก็กิจการดี มีแขกอยู่ตลอดเวลา เุใดร้านของพวกเขาับมีแค่พวกเราเล่าเพคะ?”
ครั้งก่อนก็เป็เช่นี้ ครั้งที่แล้วก็ด้วย คราี้ีพ
หรือว่าร้านี้จะมีแค่พวกเราเ่าั้ที่มองเห็น?
พูดเื่ตลกกระไร
อวิ๋นอี้อยากรู้ึ้มาจึงเคาะโต๊ะ แล้วเีให้เสี่ยวเอ้อเีจ่างกุ้ย [3] มา
จ่างกุ้ยเป็ชายวัยางเตี้ยๆ แต่ดตาคู่ั้ดูฉลาดและสดใส ทันทีที่เขาเ้าไปในห้อง เขาก็คำนับอย่างสุภาพ “มิทราบว่าท่านหญิงั้เีหาข้าน้อย มีกระไรจะรับสั่งหรือขอรับ?"
อวิ๋นอี้มองจ่างกุ้ย ตบเก้าอี้แล้วเีให้เขานั่งลง "มานั่งนี่สิ ข้ามีกระไรจะถามเจ้าหน่อย"
เชิงอรรถ
[1] หนึ่งไม่ทำไม่เลิก 一不做二不休 หมายึ จะทำการใด้ทำให้สุดทาง
[2] เหยียบจมูกึ้หน้า 蹬鼻子上脸 หมายึ ีฝ่ายให้เกรียติตน แต่ตนับยิ่งวางท่าได้ใ
[3] จ่างกุ้ย 掌柜 หมายึ ผู้จัดการร้าน
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??