เรื่อง ข้าเสแสร้งจนกลายเป็นเซียน
“อาจารย์ ทางซ้ายจริงหรือ ข้ารู้สึกไม่ดีเลย”
ศิษย์หญิงคนที่5 นาม อวิ๋นซี หน้าตางดงาม ไร้ที่ติ อารมณ์อ่อนโยน ขี้อายต่างจากศิษย์หญิงใหญ่โดยสิ้นเชิง
“ซีเออร์ อาจารย์คำนวนแล้ว เหรียญทองแดงออกหัว สวรรค์บอกถึงความโชคดี!”
ศิษย์ทุกคนมุมปากกระตุก
‘อาจารย์ขอร้องอย่าส่งเสียงบี๊บได้ไหม’
‘ตั้งแต่อยู่กับท่านมาท่านหักเหรียญทุกวันไม่เบื่อหรือ?’
‘วันไหนไม่โชคดีบ้าง?’
‘หัวหรือหางก็ดีทุกวันจะโอ้อวดเพื่อ?’
ขณะเดินไปเรื่อยๆ จู่ๆพื้นที่ก็สั่นสะเทือน
“วิ่ง!! ข้าไม่คำนวนแล้ว ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ข้าจะรั้งให้พวกเจ้าเองและไม่ต้องกลับไปที่สำนัก เราโดนยุบสำนักไปแล้ว!”
สิ้นเสียงทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้ามืดคล้ำมุมปากกระตุก
ศิษย์คนโต ‘บิดาเถอะ!’
ศิษย์หญิงใหญ่ ‘สารเลว ตาเฒ่าจิ้งจอก’
ศิษย์ทุกคน ‘….’
“ข้าดูแล้วรูปแบบนี้เป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย ไปตายดาบหน้าด้วยกันเถอะ”
ศิษย์คนที่4 หลิว ชิงเฟิง กล่าวพร้อมกับหาตารูปแบบเพื่อหยุดค่ายกลราวกับเซียนค่ายกล
ถ้าทุกคนไม่รู้จักชิงเฟิงดีทุกคนเกือบจะเชื่อว่าเขาเป็นเซียนค่ายกลของนิกายศักดิ์สิทธิอันดับ1ของทวีป
“อนิจจา ศิษย์สำนักระดับ9ที่ไม่มีใครรู้จัก”
ใช่แล้วนักพรตเฒ่ารับคนพวกนี้มาเป็นศิษย์เนื่องจากเขาว่าง แต่ไม่มีทรัพยากรมากนัก เขาไร้ซึ่งครอบครัวก่อนไปเจอเด็กหลง เด็กขอทาน ไร้ซึ่งญาติพี่น้อง และเงื่อนไขที่เขาเข้มงวดมากที่สุดคือ หน้าตาดี! เพื่อส่งเสียงบี๊บกดดันชาวยุทธทั่วไปได้ เขาหลอกรับเด็กมาเลี้ยงโดยใช้เทคนิคหักเหรียญล่อลวง ‘เจ้าอนาคตเซียนดาบ เจ้าปรุงยาไร้ที่ติ ฯลฯ’ หวังชุบมือเปิบถ้ามันเป็นอัจฉริยะสักคน แต่ความจริงช่างโหดร้าย ตอนนี้เขาหมดแล้ว ไม่มีหินวิญญาณจ่ายให้ทางการ สำนักโดนยุบยึดทรัพยากรทั้งหมด เลยจบลง ณ จุดนี้
บูม!!!
ค่ายกลพังทลายทุกคนหายไปในอากาศ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องโถงแห่งหนึ่ง
“อาจารย์! ที่นี่มันที่ไหนกัน”
“พาข้าออกไปเถอะ ข้าจะปรุงยาอมตะให้พวกท่านทุกคน”
“หรือจะให้ข้าใช้กระบี่เปิดมิติเพื่อเสี่ยงดวง”
หญิงใหญ่มุมปากกระตุกอีกครั้ง เด็กขยะพวกนี้คำพูดดีมาก
‘ขอร้องอย่าส่งเสียงบี๊บต่อหน้าข้าได้ไหม’
‘ฝึกฝนฉีหลอมยาอมตะ กระบี่เปิดมิติ’
“ฝันเอาเถอะพวกเจ้าแค่ฝึกฉีเท่านั้น ผายลมโอ้อวด!”
“ดี ดีมาก เจ้ากล้า!พูดแบบนี้กับศิษย์พี่ใหญ่!”
นักพรตเฒ่าหน้ามืด พร้อมคิดหาวิธีออกจากสถานที่บ้าๆนี่
“เงียบ!”
“ตรงนั้นมีประตูอยู่ เราควรออกไปสำรวจดูว่ามีสมบัติหรือบุคคลอื่นอยู่ที่นี่ แล้วเราจะได้ออกไป”
ทุกคนพยักหน้าตกลง
ในขณะนั้นเสียงฟ้าร้องดังลั่นไปทั่วพื้นที่ สั่นสะเทือนจนยืนไม่อยู่
และมีเสียงปริศนาดังมาจากนอกห้องโถง
“ขออภัย! ข้าใจร้อนไปเอง อย่าเสียใจเลยสวรรค์ ในเมื่อข้ามาแล้ว ในโลกนี้คนของข้าทุกคนล้วนเป็นดั่งมังกร!!!”
สูดดด!
ฟ่ออออ!
ทุกคนล้วนตกตะลึง
‘โน้มน้าวโอ้อวดสวรรค์เลยหรือ’
‘ไม่กลัวเหตุและผลเลยหรือ’
‘ข้าคิดว่าข้าส่งเสียงบี๊บได้ยอดเยี่ยมแล้วต่อหน้าเทียนเจียวคนอื่นๆ สรุปข้าคือสวะงั้นหรือ’
‘ท่านยังมีพื้นที่ให้คนอื่นรอดหรือไม่?’
ทางด้านของหลี่เย่ หลังจากสายฟ้าตกลงมา-่าใหญ่ราวกับน้ำตกนั้น เขากลัวแทบตาย คิดว่าชีวิตใหม่นี้คงจบลงแล้ว แต่ทันใดนั้น ก่อนสายฟ้าจะถึงก็ปรากฏโล่ค่ายกลป้องขนาดใหญ่ล้อมรอบสถานที่ครอบคลุมสิ่งปลูกสร้างไว้ทำให้เขารอดมาได้โดยไร้รอยขีดข่วน
“เกือบไปแล้ว เกือบไปแล้ว สารเลว นิสัยพ่นคำพูดเท่ๆออกมาโดยไม่คิดนี่อยู่ยากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเส้นทางสวรรค์ของโลกนี้ยังตื่นอยู่”
“นี่ไม่ถูกต้อง ปกติต้องเดินเรื่องไปจนท้ายเรื่องมิใช่หรือ ถึงจะปลุกเต๋าสวรรค์?”
“ไม่เลว ดูเหมือนจะสนุกเล็กน้อย”
ทันใดนั้นก็มีเงาปรากฎขึ้นในมุมหางตาของหลี่เย่ เห็นรูปร่างคล้ายมนุษย์6ร่าง เดินเข้ามาหาเขาอย่าช้าๆ ทุกคนหน้าตาดีหาที่เปรียบไม่ได้ แต่อารมณ์ของแต่ละคนช่างแตกต่างกันออกไป
‘พวกเขาคือคนที่สวรรค์ส่งมาช่วยข้าสร้างสำนักหรือ ถ้าไม่ใช่ข้าควรจะทำอย่างไร วิ่งหนี? พวกเขาควรจะเป็นผู้ฝึกยุทธแล้วข้าเป็นคนธรรมดา มันจะตายก่อนวิ่งไหม?’
‘ข้าเข้ามาในโหมดนรกซะแล้ว’
ทันในนั้นเสียงของนักพรตชราแต่ดูแข็งแรงถือพัดขนนกสง่างามก็ดังขึ้น
“ขอถามสหายเต๋า ท่านเป็นใคร”
หลี่เย่ผงะ แต่ใบหน้าหล่อเหลายังสงบ ราวกับไม่แยแสมนุษย์ยังคงเข้มขรึม เขาใช้สมองอย่างรวดเร็วนึกถึงพวกตัวเอกอัจฉริยะที่หยิ่งยโสที่เขาเคยรู้จักดีตั้งแต่ต้นจนจบหลายต่อหลายคนและพรั้งปากพูดตอบอย่างรวดเร็ว
“เจ้าสมควรถามหรือ?”
สูดดด!!
ฟ่อออ!!
“ขออภัยท่านสหายเต๋า พวกเป็นผู้ฝึกฝนสันโดษและไม่รู้ว่าพวกเรามาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร”
ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ในสถานะตึงเครียด นักพรตเฒ่าเลยพูดทำลายบรรยากาศกลิ่นดินปืนนี้เพราะกลัวอีกฝ่ายจะลงมือโดยไม่พูด
“ข้านามว่า เสวี่ย ชิงไท่ ผู้ฝึกฝนสันโดษ ไร้สังกัด”
หลี่เย่ใช้สมองอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
‘ฉันไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย จะทำเควสอย่างไร ฐานการบ่มเพาะก็ยังไม่มี จะออกจากที่นี่ได้อย่างไรคนพวกนี้ต้องเป็นผู้ช่วยเริ่มต้นของฉันแน่! เห็นได้ชัดว่าปรากฎตัวขึ้นหลังฟ้าผ่า ก่อนหน้านี้ทุกที่ไม่มีใครในที่แห่งนี้’
‘ใช่แล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ ผู้ช่วยเริ่มต้นของฉัน พวกเขาคงจะเหลือความทรงจำเพียงน้อยนิดแล้วมาช่วยสร้างสำนักสินะ ไม่เลวๆ เสี่ยงชีวิตเพื่อดุด่าสวรรค์ยังได้รับผลตอบแทน เยี่ยมมาก!’
หลี่เย่ยิ้มออกมา ทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึง ราวฤดูใบไม้ผลิหลังวสันตฤดู
‘หล่อเหลาอะไรอย่างนี้! มีคนแบบนี้ในโลกได้อย่างไร’
นักพรตเสวี่ย ชิงไท่และคนอื่นๆคิด
“พวกท่านคือคนที่เต๋าสวรรค์ส่งมาช่วยข้าสร้างสำนักสินะ งั้นข้าจะยอมรับด้วยความไม่เต็มใจ ถ้าหักหลังข้าก็อย่าหาว่าข้าไม่สุภาพเลย”
หลี่เย่แสร้งทำส่งเสียงบี๊บมากขึ้นด้วยท่าทางที่สงบโดยอ้างไปถึงสวรรค์เพิ่มกดดันผู้ฝึกยุทธเข้าไปอีก เพราะตอนนี้เขายังไม่แน่ใจ100%ว่าเป็นของขวัญมือใหม่หรือไม่
‘มารดาเถอะ’
นักพรตเสวี่ยชิงไท่คิดในใจ
‘ศิษย์ข้า มาเสแสร้งกับข้าเถอะ ไม่งั้นเราจะตายแบบไร้ที่ฝัง’
นักพรตส่งกระแสจิตให้ศิษย์ทุกคนของเขาทราบสถานะการณ์
“ข้ามีความทรงจำไม่แน่ชัดนัก แต่ข้าจำได้เลือนลางว่า ก่อนนี้ข้าเคยเป็นเจ้าสำนักอันดับ1ในแดนสวรรค์ชั้นฟ้าแต่ภาพก็ตัดไป ข้าจำอะไรได้ไม่ดีนักต้องขออภัยสหายเต๋าแล้ว”
ศิษย์ทุกคนของเขามุมปากกระตุกอย่างรุนแรง
‘ท่านจะรุนแรงเพื่อ?’
‘ข้ายอมรับในการส่งเสียงบี๊บของอาจารย์จริงๆ รูปลักษณ์กับพัดขนนกในมือข้าเกือบเชื่อแล้วอนิจจา’
‘โอ้ ข้าเชื่อท่าน’
‘หากผู้เยี่ยมยุทธคนนี้ไม่เชื่อ ข้ากลัวว่าท่านจะตายโดยไร้ศพแทนไร้ที่ฝัง’
“ไม่เลว! แล้วคนที่มากับท่านเล่า มีเช็ตติ้ง หรือสำรองข้อมูลไว้บ้างหรือไม่?”
หลี่เย่ถาม เขาเชื่อ100%แล้วว่านี่คือของขวัญมือใหม่ ที่ส่งมาให้เขาเพราะจอมยุทธอื่นๆหากไม่ใช่ของขวัญคงเยาะเย้ย โจมตีเขาไปนานแล้วแทนที่จะฟังเขาส่งเสียงบี๊บ
‘มารดาเถอะ เซ็ตติ้งคืออะไร’
‘ข้อมูล ใช่แล้ว น่าจะถามว่าจำคนที่มาด้วยได้หรือไม่ ข้าเข้าใจแล้วๆ’
‘ศิษย์แนะนำตัวให้ท่านผู้อาวุโสทราบทีละคน โอ้อวดเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับที่เต๋าสวรรค์ส่งมา!’
นักพรตอธิบายให้ศิษย์ทราบโดยเร็วและรีบตอบหลี่เย่
“ใช่แล้ว พวกเขากับข้าลงมารอท่านหลายปีแล้วเพื่อตรวจสอบข้อมูลของทวีปนี้ เพื่อท่าน คนพวกนี้คือศิษย์ของข้าเองให้พวกเขาแนะนำตัว”
“คาราวะผู้อาวุโส ข้า เย่ ชิงเฉิน วิถีกระบี่อันดับ1 ในใต้หล้านี้ วิชาของข้าค่อนข้างใช้งานไม่ได้อยู่บ้าง แต่ข้าจะทำตามคำสั่งผู้อาวุโสอย่างดี!”
‘สารเลว เจ้าพูดอะไรใช้งานไม่ได้’
‘ข้าไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะโอ้อวดและบอกความจริงทีหลังด้วย’
‘ถ้าผู้อาวุโสไม่ชอบเพราะใช้งานไม่ได้เล่า มารดาเถอะ ชิงเฉิน!’
‘เจ้าาาาา’
“โอ้ เหตุใดถึงใช้งานไม่ได้ช่วยบอกข้าผู้นี้ได้หรือไม่ เย่ ชิงเฉิน”
“กลับไปที่ผู้อาวุโส มีข้อต้องห้ามบางอย่างเมื่อข้าชักกระบี่ของข้าแล้วภูเขาจะขาด ทะเลจะแหวก มิติจะเปิดออกข้าเลยไม่อยากจะรุนแรงมากนัก”
นักพรตชิงไท่และทุกคนมุมปากกระตุกรัวๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไว้ข้าจะสอบถามพวกเจ้าทีละคนเมื่อมีเวลา แนะนำตัวต่อไป”
“ข้า แทนไท ชิงเสวียน”
“ข้า กู่ หมิงตี้ วิถีปรุงยาใต้หล้าหามีใครเทียบได้ไม่”
“ข้า หลิว ชิงเฟิง ภายใต้ค่ายกลสรรพสิ่งล้วนเท่าเทียม!”
“ขะ ข้า อวิ๋นซี ข้ารักษาท่านได้เจ้าค่ะ”
“ยอดเยี่ยมมาก เต๋าสวรรค์ส่งพรสวรรค์ที่ครบถ้วนมาให้ข้า ข้าจะทำให้ทั้งโลกเลื่อมใสไม่ได้อีกหรือ”
หลี่เย่พูดพยักหน้า ยินดีกับของขวัญมือใหม่ ถึงแต่ละคนจะถูกจำกัดความทรงจำ และมีข้อห้ามการใช้พลังบ้างแต่ในช่วงเริ่มต้นควรอยู่ยงคงกระพันแล้ว ข้าจะให้พวกเขารู้ไม่ได้ว่าข้าอ่อนแอเหมือนไก่!
‘ข้าควรส่งเสียงบี๊บเพิ่มไหม เล่นใหญ่ดีไหม ถ้าให้พวกเขาไปหาที่พักเฉยๆคงไม่ดีเท่าไร’
อืม พอคิดได้แล้วเขาก็คิดคำพูดได้ทันที
“หึหึ ข้าแด่เต๋าสวรรค์ถ้าโลกนี้ไม่รู้จักนามข้า ข้าไม่ขอเป็นเซียน!”
บูม!!!
อาจจะด้วยสภาพอากาศ ฟ้าร้องราวกับตอบสนองความต้องการของหลี่เย่
สูดดดดด!!!
‘พวกข้ามาเจอกับอะไรกันแน่!?!!’
“กลับไปที่ผู้อาวุโสขอทราบนามอันทรงเกียรติ์ของท่านผู้อาวุโสได้หรือไม่ แล้วนิกายของเราชื่ออะไร โปรดอาวุโสแจ้งให้ทราบด้วย”
หลี่เย่ ’ …… ‘
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??