เรื่อง Short Erotic

ติดตาม
Senior Story: NANA’s Harem EPISODE 3
Senior Story: NANA’s Harem EPISODE 3
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

วันอาทิตย์ที่ควรได้นอนกลิ้งอยู่ห้อง แต่กลายเป็นวันที่ฉันต้องยืนอยู่หน้าตึกกิจกรรมของคณะ มือถือถุงอุปกรณ์ที่รุ่นพี่ฝากซื้อตั้ง 2 ถุง ทั้งหมดมันเริ่มจากข้อความที่พี่โฟลทส่งมานั่นแหละ

Flott : สาวน้อยคนสวย พรุ่งนี้ว่างมั้ย พี่จะขอแรงหน่อยครับ

แค่ประโยคเดียวฉันก็ตอบไปว่า “ได้ค่ะ” เพราะคิดว่าเป็นงานเล็กๆ แบบจัดเก้าอี้หรือติดป้ายเล็กๆ น้อยๆ แต่พอมาเจอสภาพตรงหน้าโต๊ะเก้าอี้นับ 10 ป้ายขนาดใหญ่หลายป้าย โบรชัวร์นับร้อย และถังน้ำตรงบูธกิจกรรม แถมไม่มีวี่แววของปี 1 คนอื่นเลย ฉันก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ

“หนูคนเดียวเหรอคะ” ฉันถามพี่โฟลทที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงมุมหนึ่งของบูธ มือถือไม้กวาดอย่างปักป่ายอย่างขี้เก๊ก

“อ้าว ก็ชวนแค่หนูไง”

เขาหันมายิ้มแบบร้ายๆ ก่อนจะดีดนิ้วใส่ “สเปเชียลเลยนะเนี่ย ทีมซัพพอร์ตพี่โฟลท”

ฉันที่ได้ยินได้แต่อ้าปากค้าง “แต่…แต่งานโอเพ่นเฮาส์มันน่าจะเป็นหน้าที่ของพี่ๆ ปี 3 ไม่ใช่เหรอคะ?”

“ก็ใช่ไง แต่พี่เบี้ยวกันหมดอ่ะ ไอ้แบล็คโดนลากไปว้ากเด็กใหม่ ไอ้โยอยู่ไหนก็ไม่รู้โทรไม่รับ ไอ้ธินก็ติดธุระที่บ้าน”เขาพูดพร้อมกับกลอกตา

“แก๊งพี่เลยอยู่แค่พี่กับไอ้ริทเนี่ยแหละ” ฉันได้แต่ยืนอึ้ง โดนหลอกแล้วแน่ๆ ถ้ารู้มาก่อนว่านี่ไม่ใช่งานของปี 1 ฉันคงจะไม่มาหรอก

“หืม?” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังทำให้ฉันสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันไปเห็นพี่ริทเดินถือกล่องโบรชัวร์กลับมาพอดี

เขาหยุดยืนข้างๆ แล้วมองฉันก่อนจะพูดเบาๆ แต่ตรงประเด็น “โดนหลอกมาช่วย?”

ฉันได้พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มแห้ง

“โฟลท” พี่ริทหันไปมองเจ้าตัวต้นเหตุที่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงมุมบูธ

“อะไร มองไมห๊ะ”

“แกล้งน้อง นิสัย”

“เอ้า! กูผิดอะไรเนี่ย ก็กูทำงานคนเดียวมันเหงาก็ต้องหาสาวมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อสร้างสรรค์กำลังใจมั้ยล่ะ” พี่ริทมองเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเดินถือกล่องใส่โบรชัวร์จากไปโดยไม่ตอบอะไรสักคำ

“อ่ะ เมินกูอีก” ฉันที่ยืนดูสถานการณ์เงียบๆ ก็ได้แต่ยืนขำแห้ง

“เออใช่ ไหนๆ สาวน้อยก็มาแล้ว เดี๋ยวช่วยจั๸๡ูธฝั่งนี้กับพี่แล้วกันเนาะ” ยังไม่ทันปฏิเสธพี่โฟลทก็มัดมือชก และนั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นของวันหยุดที่ไม่ได้จะหยุดของฉัน

เฮ้อ~ คิดแล้วก็เหนื่อยจริงๆ

ฉันนั่งอยู่หน้าป้ายไวนิลขนาดยักษ์ ใช้สก็อตเทปกับกรรไกรจัดการมุมป้ายให้เรียบร้อย ข้างๆ มีกล่องโบรชัวร์ที่พี่ริทหอบมาวางเรียงอยู่ พี่โฟลทหายไปพักใหญ่ไม่แน่ใจว่าไปเดินป่วนบูธไหนต่อ

“น้องๆ ช่วยแปะตรงนี้ให้พี่หน่อยได้มั้ยจ๊ะ?” เสียงของพี่ปีสามจากบูธข้างๆดังขึ้นมาฉันพยักหน้าก่อนจะลุกไปแปะมุมให้

แล้วพี่คนนั้นก็มองหน้าฉันแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มแบบมีเลศนัย “ว่าแต่น้องชื่ออะไรนะ”

“นานาค่ะ”

“อ้อ~ น้องรหัสโยใช่มั้ย”

ฉันพยักหน้าตอบ “ว่าแต่เรากับโฟลทดูสนิทกันมากเลยนะ เป็นแฟนกันหรอ”

ฉันหัวเราะแห้ง “ก็…ไม่ได้สนิทขนาดนั้นหรอกค่ะ เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเฉยๆ”

“หืม~ แค่รุ่นพี่รุ่นน้องจริงอะ” ฉันกำลังจะยืนยันคำตอบแต่เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นจากด้านหลัง

“ใจร้ายจัง พูดแบบนี้พี่มันไม่สำคัญแล้วสินะ ฮึก”

ฉันสะดุ้งเฮือกหันกลับไปทันทีและก็พบว่าพี่โฟลทกำลังยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มือหนึ่งยกขึ้นเช็ดน้ำตาในอากาศส่วนอีกมือกุมอกตัวเองราวกับอกหัก

“เอ่อ…พี่โฟลท” ฉันอ้าปากพะงาบไม่รู้จะพูดอะไรดี

พี่ปีสามข้างๆ ขำพรืดก่อนจะเดินกลับบูธไป ปล่อยให้ฉันยืนงงกับกับพี่โฟลที่ยังแสดงไม่หยุด

“เฮ้ออ~ ใช่สิพี่มันเลว พี่มันชั่ว คงไม่แปลกหรอที่สาวน้อยของพี่จะรังเกียจ อะฮึก”

“พี่คะ…” พี่โฟลทเดินวนรอบฉันไปราวกับตัวเองเป็นพระเอกมิวสิควิดีโอ

และก่อนที่ความวุ่นวายจะไปไกลกว่านี้ พี่ริทก็ปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ พร้อมกับใช้แขนข้างหนึ่งโอบคอพี่โฟลทจากด้านหลังแล้วลากออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“โอ๊ยๆ ไอ้ริท! ปล่อบกู ทำอะไรของมึงเนี่ย กูยังอู้ไม่เสร็จเลย!”

พี่ริทไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ลากเพื่อนชายเดินดุ่มๆ ออกไปปล่อยให้ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์งงๆ

“อะไรของเขาล่ะเนี่ย”

หลังจากเหนื่อยกันมาทั้งวัน ในที่สุ๸๡ูธก็เป็นรูปเป็นร่างสวยงาม ฉันยืนมองผลงานตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ (แม้จะรู้ว่าตัวเองโดนหลอกมาก็เถอะ) ขณะที่กำลังจะยืดตัวคลายเมื่อย เสียงฝีเท้าก็เดินตรงเข้ามาทางบูธ

“ไง” พอหันไปก็พบว่าเป็นพี่โยในชุดนักศึกษาที่ปล่อยชายเสื้อดูแบ๸๡อย

“สวัสดีค่ะ”

“ดีครับ มาช่วยไอ้พวกนี้จั๸๡ูธหรอ” พี่เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ “ค่ะ หนูโดนหลอกมาน่ะค่ะ”

พี่โยหันมาเลิกคิ้ว “หลอก? ใครหลอกเราหืม?”

“ก็…พี่โฟลทอ่ะค่ะ” พี่โยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยื่นมือมาขยี้ผมของฉันเบาๆ “แล้วก็ไปเชื่อมันเนี่ยนะ ก็รู้อยู่มามันชอบแกล้งเรา”

“ก็…”

“ไอ้เหี้ยโย!มึงหายหัวไปไหนมาห๊ะ! รู้มั้ยชาวบ้านเขาจั๸๡ูธเหนื่อยแค่ไหนเนี่ย” พี่โฟลทร้องขึ้นทันทีพอเห็นเพื่อนในแก๊งจอมแพรวพราวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มร้ายประจำตัว

“ไปช่วยอาจารย์ทำงานเฉยๆ” พี่โฟลทหรี่ตามองแบบไม่เชื่อ “ช่วยงานหรืออะไรมึงคิดว่ากูจะเบื่อมึงเรอะ”

“ก็แล้วแต่มึงล่ะกัน”

ขณะที่สองคนเริ่มจะแลกหมัดกันด้วยปาก ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาจากข้างหลังก่อนจะหันไปมองเป็นพี่ริทที่กำลังเดินเข้ามาใบหน้ายังคงเรียบเฉย มือถือขวดน้ำเปล่าครึ่งขวดในมือก่อนเขาจะหยุดยืนตรงกลางวงและเอ่ยสั้นๆ

“หิวข้าว”

ทุกคนเงียบไปประมาณครึ่งวินาทีก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่พึ่งเดินมาร่วมวงสนทนา

“ไอ้โย มึงเลี้ยงเลย มึงไม่ได้มาช่วยพวกกูจั๸๡ูธอ่ะ”

“ใช่ๆ” กลายเป็นว่าพี่ริทก็เข้าร่วมกับพี่โฟลทด้วย ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนฟังพลางหัวเราะแห้ง

“เออๆ ก็ได้ เลี้ยงก็เลี้ยง ” พี่โยพูด “แล้วเราจะไปด้วยมั้ย”

“เอ่อ…”

“ไปสิ เนาะสาวน้อย เราก็จะไปด้วยใช่มั้ย” สีหน้าของพี่โฟลทที่หันมาทางฉันเขาทำราวกับว่ากำลังรอคำตอบแกมบังคับ “ปะ-ไปก็ได้ค่ะ”

“มึงไปบังคับน้องแบบนั้นได้ไงน่ะ”

“กูไม่ได้บังคับเว้ย อีกอย่างวันนี้พวกกูจะถลุงเงินมึงให้หม๸๡ัญชีเลย ไอ้พ่อด้วย” พี่โยได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ

“พ่อบอกว่า เดี๋ยวมา” พี่ริทที่ยืนอยู่เงียบๆ ก็เอ่ยขึ้นมา “ธินบอกให้เจอที่ร้าน” พี่โยพยักหน้ารับข่าว ก่อนจะหันมามองฉัน

“จะไปกับพี่มั้ยครับ”

“ไป-”

“ด้วย” ยังไม่ทันจะพูดจบจู่ๆ รุ่นพี่ริทก็โพล่งขึ้นมาทำเอาพวกเราพากันหันไปมอง “ทำไมไม่ไปกับไอ้โฟลทล่ะ เดี๋ยวมันเหงา”

“ช่างมัน”

“เอ้า ไอ้นี่! มึงรังเกียจกูหรอ”

“อือ”

“สัสเอ้ย!!” พี่โฟลทพุ่งตรงจะขยุมหัวเพื่อนชายแต่พี่ริทก็ดันวิ่งหลบมาที่หลังของฉัน “เอาล่ะๆ ไปกันได้แล้วเดี๋ยวไอ้แบล็คมันจะรอ”

พี่โยเดินแยกออกไปเพื่อไปขับรถมารับพวกเราเพื่อพาไปร้านข้าวทำให้เหลือแค่พวกเรา 3 คน

“ว่าแต่เราจะไปกินที่ไหนหรอคะ” ฉันหันไปถามพวกพี่โฟลทที่ยืนอยู่ข้างๆ “อืม…นั่นสิ ห้องเราดีมั้ย” ใบหน้าเจ้าเล่ห์ยื่นเข้ามาใกล้ ทำให้ฉันต้องถดคอหนี

“เอ่อ…อย่าดีหว่าค่ะ” จะให้เขาไปได้ไง ผิงก็อยู่ อีกอย่างพวกพี่เขาผู้ชาย 5 คนส่วนฉันผู้หญิงคนเดียวนะ มันจะดูไม่ดีน่ะสิ

ไม่นานก็มีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของพี่โฟลทว่าพี่โยมาถึงหน้าตึกแล้ว พวกเราเลยพากันเดินไปยังหน้าตึกเพื่อไปขึ้นรถ

ระหว่างที่เดินไปก็แอบสอดส่องพี่ริทที่เดินอย่างเงียบๆ อยู่ทางด้านหลัง แต่เหมือนเขาจะรู้ตัวก่อนจะเลิกคิ้วราวกับถามว่ามองทำไม ทำให้ฉันต้องรีบหันกลับ

พอเดินมาถึงหน้าตึกก็เจอพี่แบล็คกำลังยืนคุยกับพี่โยพอ “ไงมาทำไมเนี่ย มันงานปีสามไม่ใช่ไง”

พี่แบล็คหันมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดันเหมือนเคย “ก็…”

“สาวน้อยเขาใจดีไง เลยมาช่วย ไม่เหมือนพวกมึงที่หายหัวไปนั่งแต่หัววันเลย” เป็นพี่โฟลทที่ตอบแทนทำให้พี่แบล็คที่ได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว

“กูมีธุระมั้ยล่ะ หรือมึงจะทำแทนกู” พี่แบล็คพูดเสียงนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความดุในน้ำเสียงแบบที่คนฟังต้องชะงัก

“เอ้อออ ขอโทษครับพ่อ ผมผิดไปแล้วครับ” พี่โฟลทยกมือยอมแพ้พลางถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะพี่โยจะหันมาหาฉัน “ว่าแต่เราจะไปคันไหนล่ะ”

“เอ่อ…หนูไปคันไหนก็ได้ค่ะ”

“งั้นไปกับพี่มั้ยสาวน้อย เดี๋ยวจะพาไปนั่งรถเล่นดูบรรยากาศสวยๆ” พี่โฟลททำท่าจะเดินเข้ามา แต่ยังไม่ทันถึงตัวก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาดึงกระเป๋าพี่โฟลท

“ไปกับโย”

พี่ริทไม่พูดเปล่าเขาพูดไปลากฉันขึ้นรถพี่โยพร้อมกับตัวเขา ส่วนพี่โฟลทมองตามแล้วทำหน้ามุ่ย “เห้ย แล้วกูอะ กูจะไปกับใคร—”

ยังไม่ทันที่เขาจะบ่นจบพี่แบล็คก็เอ่ยสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงรำคาญก่อนจะคว้าคอเสื้อของพี่โฟลทไว้แล้วลากมันตรงไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ไม่ไกล

“ไปกับกูเนี่ยไอเวร”

“ไม่เอา!! กูจะไปกับสาวน้อย~”

“ขึ้นรถ”

เสียงโวยวายลากยาวของพี่โฟลทค่อยๆ เบาลงตามระยะทางที่พี่แบล็คลากไป ส่วนฉันกัแก็ได้แต่ยิ่ยิ้มแห้งและมองตาม ส่วนพี่ริทก็ยังคงทำใบหน้าเรียบนิ่งที่เหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้นก่อนเขาจะเอนตัวนอนกับเบาะ

“เรามานั่งหน้า ปล่อยให้ไอริทนั่งหลังไป”

“อ่อ…ค่ะ” กำลังจะลงจากรถแต่ก็ถูกมือแกร่งของคนข้างๆ รั้งเอาไว้ “นั่งนี่”

“ไอ้ริทปล่อยน้อง ให้น้องมานั่งหน้า”

“ไม่ เหงา”

“ริทกูไม่ใช่คนขับรถของมึงนะ” ฉันได้แต่ยิ้มแห้งไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้ “คือ…สรุปจะให้หนูนั่งไหนหรอคะ”

พี่ริทลืมตาขึ้นมาน้อยๆ พร้อมกับบึนปากอย่างขัดใจก่อนจะยอมปล่อยมือฉันแต่โดยดี

ฉันลงไปนั่งข้างคนขับตามที่พี่โยขอ แล้วพอนั่งจัดท่าดีแล้วก็แอบเหลือบมองคนด้านหลังเบาะที่ตอนนี้กำลังเอนหัวพิงประตูหลับตาพริ้ม ก้มมองมือของตัวเองสัมผัสอุ่นจากพี่ริทยังคงอยู่ที่มือ จู่ๆ ก้อนเนื้อในอกก็เต้นแรงขึ้นอย่างผิดปกติ

นี่ฉันเขินกับแค่พี่ริทจับมือหรอเนี่ย บ้าแล้วแน่ๆ เลย







ร้านชาบูในห้างกลางเมืองช่วงเย็นคนค่อนข้างเยอะ แต่เพราะพี่ธินโทรจองโต๊ะไว้ก่อนทำให้พวกเราจึงได้โต๊ะใหญ่ริมกระจกมองเห็นวิวถนนพอดี

ฉันกับพี่ริทนั่งตรงหัวโต๊ะด้านใน พี่โฟลทกับพี่ธินนั่งฝั่งซ้ายส่วนพี่แบล็คกับพี่โยนั่งฝั่งขวา

“เอาอะไรมามั่ง” พี่โยว่าเอ่ยถามพี่ริทที่กำลังเลือกเมนูอยู่ พี่ริทเงยหน้ามองเพื่อนด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ไม่รู้ เอาเยอะ” เขาคงหมายความสั่งมาเยอะแหละมั้ง

ไม่นานที่สั่งไปก็มาส่ง ทุกคนเริ่มเอาเนื้อสด ผักและวัตถุดิบอื่นๆ ลงไปลวกในหม้อชาบูที่เดือดปุดๆ กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว

“เฮ้ยไอ้แบล็ค! นั่นเนื้อส่วนของกูนะ มึงตักไปเยอะขนาดนั้นได้ไง” พี่โฟลทโวยวายเมื่อเห็นพี่แบล็คคีบเนื้อชิ้นโตๆ ลงหม้อไปหลายชิ้น พี่แบล็คเงยหน้ามองพี่โฟลทด้วยสายตาขวางๆ “ก็กูหิว มึงจะทำไม”

“หิวแล้วก็ไปตักของตัวเองดิ๊ นี่มันส่วนที่กูจะให้สาวน้อยนานาคนสวยของพวกเรากิน” พี่โฟลทว่าพลางคีบเนื้อจากถาดของตัวเองมาใส่ชามฉัน๯๞เกือบล้น “นานา กินเยอะๆ นะ จะได้โตไวๆ”

พี่ธินที่นั่งข้างๆ ส่ายหน้ายิ้มๆ “โฟลทก็เว่อร์ไป นานาจะกินหมดได้ไง”

ฉันได้แต่ยิ้มแหยๆ พยายามกินเนื้อและผักในชามไปทีละนิด แต่ไม่นานก็รู้สึกแน่นท้องไปหมด พี่ริทที่นั่งข้างๆ สังเกตเห็นว่าฉันเริ่มช้าลงก็เอื้อมมือมาหยิบชามของฉันไปโดยไม่พูดอะไร แล้วจัดการคีบเนื้อเข้าปากตัวเองอย่างสบายๆ ฉันรู้ว่าเขากำลังช่วยฉันอยู่ แต่ก็แอบเขินนิดๆ ที่เขาทำแบบนั้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

จังหวะนั้นเองพี่โยที่เพิ่งกลับมาจากที่ไปกดน้ำเพิ่มก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เขามองชามของฉันที่เกลี้ยงแล้วก็ถามขึ้น “นานากินหมดแล้วเหรอ เร็วแท้”

พี่โฟลทหันมามองด้วยความแปลกใจ “หืม? ทำไมกินหมดไวจัง”

ฉันกำลังจะอ้าปากตอบ แต่พี่แบล็คก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงห้วน “ไอ้ริทแดกไปแล้ว มึงเล่นยัดให้น้องมันเยอะขนาดนี้ใครจะไปกินหมดวะ”

พี่แบล็คพูดใช้ตะเกียบในมือพลางชี้ชามเปล่าในมือพี่ริทที่ยังคงทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พี่โฟลททำหน้างอแงเหมือนเด็ก “โธ่! ก็กูอยากให้สาวน้อยน่ารักโตไวๆ นี่”

“มึงพูดอะไรของมึงเนี่ยโฟลท” พี่ธินเอ็ดเบาๆ ก่อนจะหันมามองฉันอย่างอ่อนโยน “นานาอยากกินอะไรเพิ่มไหม”

ฉันส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่แล้วค่ะพี่ธิน แค่นี้ก็อิ่มมากแล้ว”

“อิ่มแล้วเหรอ เสียดายจัง กะว่าจะขุนเราเพิ่มสักหน่อย” พี่โยบ่นอุบพร้อมกับตักเนื้อหมูสามชั้นลงหม้อเพิ่ม “แง่ะ”

จากนั้นบทสนทนาก็วนเวียนอยู่กับการแซวพี่ริทเรื่องความกินจุของเขา และการที่พี่แบล็คกับพี่โฟลทผลัดกันแย่งเนื้อชิ้นสุดท้ายในหม้อด้วยลีลาที่ฮา๯๞ฉันหลุดขำออกมาหลายครั้ง พี่ธินคอยเป็นกรรมการห้ามทัพ ส่วนพี่โยก็หัวเราะร่วนไปกับความวุ่นวายของเพื่อนๆ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วหม้อชาบูที่เคยเต็มไปด้วยเนื้อ ผัก และเส้นต่างๆ ก็เหลือเพียงน้ำซุปก้นหม้อที่ขุ่นข้น ทุกคนต่างอิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า พี่ริทที่กินเยอะที่สุดก็ดูเหมือนจะมีความสุขเป็นพิเศษ ใบหน้าเรียบเฉยของเขามีรอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นมาให้เห็นบ้างประปราย

“อิ่มแล้วโว้ยยย” พี่โฟลทลูบท้องป่องๆ ของตัวเอง “สาวน้อยกลับกับใคร เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“เดี๋ยวให้ไอ้โยไปส่ง มึงอ่กลับกับกู” พี่แบล็คสวนขึ้นทันควันพร้อมปรายตามองพี่โย

พี่ธินที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ก็ยิ้มบางๆ แล้วหันมาถามฉัน “นานาอยากกลับเลยไหม หรือจะเดินดูของก่อน?”

ฉันมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ปกติแล้วฉันไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกกับกลุ่มผู้ชายหลายคนแบบนี้ ยิ่งแต่ละคนก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันสุดขั้วแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งทำให้มื้อนี้มีสีสันเป็นพิเศษ

“นานาอยากกลับเลยไหม หรือจะเดินดูของก่อน?” พี่ธินหันมาถามฉัน เหลือบมองนาฬิกาบนมือถือก็พบว่ายังไม่เย็นมากนัก

“เอ่อ…หนูกะว่าจะเดินดูของนิดหน่อยค่ะ”

“งั้นให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” พี่ธินเสนอตัวอย่างใจดี ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไร พี่แบล็คก็แทรกขึ้นมาทันที “อะไร จะไปเดตกันแค่สองคนไง”

พี่โฟลทพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ๆ ทำแบบนี้มันไม่แฟร์นะ ถ้าจะไปเดตต้องให้พี่ไปด้วยสิ” เขาว่าพลางส่งยิ้มหวานหยดมาให้

“งั้นให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” พี่ธินเสนอตัวอย่างใจดี ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไร พี่แบล็คก็แทรกขึ้นมาทันที “อะไร จะไปเดตกันแค่สองคนไง”

พี่โฟลทพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ๆ ทำแบบนี้มันไม่แฟร์นะ ถ้าจะไปเดตต้องให้พี่ไปด้วยสิ” เขาว่าพลางส่งยิ้มหวานหยดมาให้

“แล้วมึงล่ะไอ้ริท จะไปกับเขาไหม” พี่แบล็คเอ่ยถามเสียงห้าว

พี่ริทที่ปกติจะนิ่งเฉย หันมามองพวกเราด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะพูดสั้นๆ ว่า “อยากกินติม”

ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ทุกคนก็พร้อมใจกันถอนหายใจเฮือกใหญ่กับเพื่อนสายกินของพวกเขา

“จะแดก-่าอะไรนักหนา ไอ้ที่ยัดเมื่อกี้มันไม่อิ่มรึไง” พี่แบล็คบ่นอุบ

พี่ริทส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ ก่อนที่เพื่อนคนอื่นๆ จะส่ายหน้าตามกันเป็นแถวด้วยความเอือมระอา

“งั้นก็ไปกันทั้งหมดนี่แหละ” พี่โยเอ่ยสรุปอย่างปลงตก “แล้วระหว่างทางที่เดินเล่นมึงจะแวะแดกอะไรก็บอกแล้วกัน ไม่ใช่เดินหายแบบครั้งก่อนนะ ขี้เกียจเดินหา”

พี่ริทพยักหน้าหงึกหงักตกลงเหมือนเด็กน้อย ทำให้ฉันอดนึกเอ็นดูไม่ได้จริงๆ

หลังจากที่ตกลงกันว่าจะเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าพวกเราทั้งหมดก็เริ่มออกเดิน พี่ธินเดินอยู่ข้างๆ ฉัน เราคุยกันเรื่องธุระที่เขาไปทำตอนช่วงที่ฉันไปช่วยจั๸๡ูธของปีสามเมื่อเช้า

“เมื่อเช้าพี่ธินไปไหนหรอคะ เห็นพี่โฟลทบอกว่าพี่ไปทำธุระ” ฉันเปิดประเด็น

พี่ธินพยักหน้ายิ้มๆ “อ๋อ พอดีร้านอาหารเปิดใหม่ของลูกพี่ลูกน้องพี่ดันเกิดปัญหาน่ะ เลยต้องปลีกเข้าไปช่วยเขาก่อน” เขาเล่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ก็เลยพลาดโอกาสเจอเราเลย”

“ดูท่าจะเหนื่อยเลยนะคะนั่น”

“ก็นะ” พี่ธินไหวไหล่เล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ดันมีคนมาโวยวายน่ะสิ พอไปถามเค้นก็พบว่าคนพวกนั้นเป็น

ระหว่างที่เราคุยกันอย่างออกรส จู่ๆ เสียงห้าวๆ ของพี่แบล็คก็ดังขึ้น “เฮ้ย ไอ้ริทไปไหนวะ!”

พี่โฟลทที่กำลังอ้าปากงับไอศกรีมโคนคำโต๯๞แก้มตุ่ย พูดเสียงอู้อี้ขณะเคี้ยวไปด้วย “อ้าว! ไม่เดินเกาะมึงอยู่เหรอ”

พี่แบล็คขมวดคิ้ว “เกาะเหี้ยอะไรล่ะ ถ้าเดินเกาะกูอยู่ กูจะถามมั้ยล่ะ”

ทุกคนเริ่มชะเง้อมองหาพี่ริทแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา พี่โยส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “เอาอีกแล้วไอ้ริท สงสัยแอบไปหาอะไรกินแน่ๆ”

“งั้นเราแยกกันหาดีกว่า” พี่ธินเสนอ “เดี๋ยวพี่ไปทางโซนหนังสือพิมพ์ พวกแบล็คไปทางร้านเกม ส่วนนานาไปทางฝั่งของเล่นเด็กนะ เผื่อไอ้ริทมันไปยืนดูอะไรแถวนั้น มันชอบของเล่น”

ฉันพยักหน้าตกลง แม้จะงงนิดหน่อยว่าทำไมต้องเป็นโซนของเล่นเด็กแต่ก็ยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ พวกเราแยกย้ายกันไปตามทิศทางที่พี่ธินบอก ฉันเดินผ่านร้านเสื้อผ้า ร้านกาแฟ และร้านค้าต่างๆ ๯๞กระทั่งมาถึงโซนร้านของเล่นเด็ก

ขณะที่ฉันกำลังจะถอดใจคิดว่าพี่ริทคงไม่ได้มาแถวนี้ สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นร่างสูงคุ้นตาที่มุมหนึ่ง พี่ริทกำลังยืนก้มหน้าคุยกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่กำลังยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่

ฉันรีบเดินเข้าไปหา “พี่ริท…เกิดอะไรขึ้นหรอคะ”

พี่ริทเงยหน้าขึ้นมามองฉันนิ่งๆ ก่อนจะชี้ไปที่เด็กน้อย “หลงทาง” คำสั้นๆ แต่ฉันก็เข้าใจสถานการณ์ทันที

ฉันย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าเด็กน้อย “สวัสดีจ๊ะ พี่ชื่อยาวนานะ หนูชื่ออะไรหรอคะ แล้วคุณแม่ไปไหนเอ่ย”

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตา “หนูชื่อน้องมิ้นท์ค่ะ ฮึก…หนูไม่รู้ คุณแม่หายไปไหนไม่รู้”

ฉันหันไปมองพี่ริทที่ยังยืนนิ่งอยู่ข้างๆ “เราช่วยน้องมิ้นท์หาคุณแม่กันเถอะค่ะ ยังไงก็มีเวลาก่อนกลับ”

พี่ริทพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำไปทางประชาสัมพันธ์ ฉันกับน้องมิ้นท์เดินตามไปติดๆ พี่ริทแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับน้องมิ้นท์ให้กับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ฟังอย่างกระชับและได้ใจความ ไม่นานเสียงประกาศตามหาผู้ปกครองของน้องมิ้นท์ก็ดังไปทั่วห้าง

เรายืนรอน้องมิ้นท์อยู่พักหนึ่ง ๯๞กระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เธอทรุดตัวลงกอดน้องมิ้นท์แน่นด้วยความโล่งใจ “น้องมิ้นท์! แม่หาน้องมิ้นท์ตั้งนาน ลูกไปอยู่ไหนมา!”

น้องมิ้นท์กอดตอบผู้เป็นแม่แน่นพร้อมกับร้องไห้โฮด้วยความดีใจ ฉันกับพี่ริทมองดูภาพแม่ลูกกอดกันด้วยความอบอุ่นใจ คุณแม่หันมาขอบคุณพวกเรายกใหญ่ “ขอบคุณมากนะคะคุณ ขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยลูกสาวของดิฉันไว้”

ฉันยิ้มรับ “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเต็มใจ”

พี่ริทเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ เมื่อเห็นว่าแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันอย่างปลอดภัยแล้ว เราสองคนก็เดินออกมาจากโซนนั้น ปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันต่อ

เมื่อเรากลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่กำลังรออยู่หน้าทางออกห้าง สิ่งแรกที่ฉันได้ยินคือเสียงบ่นของพี่โฟลท

“หายไปไหนมาไอ้ริท! พวกกูตามหา๯๞ขาลากเนี่ย!” พี่โฟลทว่าพลางฟาดกระบาลพี่ริทไปที

พี่แบล็คเองก็เสริมทัพ “นึกว่าโดนใครจับตัวไปยัดใส่กล่องของเล่นแล้วซะอีก”

พี่ริทเพียงแค่หาวหวอดๆ ไม่ได้ตอบอะไร ทำให้ทั้งพี่แบล็คและพี่โฟลทยิ่งบ่นหนักกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ในความนิ่งเฉยของพี่ริท

หลังจากจัดการค่าจอดรถเรียบร้อย พวกเราก็เดินออกมาจากห้าง เพื่อเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับ

“เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ” พี่โยหันมาบอกทุกคน “มีธุระด่วนต้องรีบไปเคลียร์”

พี่ธินพยักหน้ารับ “ได้ๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้”

“กูก็มีธุระด่วนเหมือนกันว่ะ” พี่แบล็คพูดขึ้นพลางหันไปลากแขนพี่โฟลท “ไอ้โฟลท มึงไปกับกู เดี๋ยวอู่มีประชุมด่วน”

พี่โฟลททำหน้าเหยเก “อะไรวะ! จะประชุมอะไรตอนนี้ กูยังไม่อยากกลับ กูอยากอยู่กับสาวน้อย~”

“ไม่ต้องบ่น! ไปได้แล้ว!” พี่แบล็คไม่รอฟังคำค้าน ลากพี่โฟลทออกจากกลุ่มไปทันที ทิ้งให้ฉันยืนงงอยู่กับพี่ริทสองคน

“งั้นนานากลับกับพี่ริทนะ” พี่ธินหันมายิ้มให้ฉันอย่างใจดี “พี่ต้องไปทำธุรให้แม่ต่อน่ะ คงไปส่งพวกเราไม่ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว แล้วเจอกันนะคะ”

“ครับ เจอกันครับ ไอ้ริทดูแลน้องด้วย”

พี่ริทพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร เราสองคนโบกมือลาพี่ธินกับพี่โย ก่อนจะเดินไปที่จุดเรียกแท็กซี่

บนรถแท็กซี่อากาศในรถค่อนข้างเงียบ พี่ริทเอนตัวพิงเบาะหลับตาพริ้มไปแล้วตั้งแต่รถออกตัวได้ไม่นาน มีเพียงเสียงวิทยุเบาๆ และเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเป็นซาวด์ประกอบ

“หนูสองคนเป็นแฟนกันเหรอจ๊ะ” คุณตาคนขับแท็กซี่เอ่ยถามขึ้นมา ทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย

ฉันรีบปฏิเสธด้วยความเขิน “ปะ-เปล่าค่ะคุณตา เป็นพี่น้องกันน่ะค่ะ”

คุณตายิ้มบางๆ ในกระจกมองหลัง “ตาเห็นพวกหนูดูแลกันดี ก็นึกว่าเป็นแฟนกัน” คุณตาเว้นช่วงไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“ตาเองก็มีเมียอยู่คนหนึ่ง รักกันมาตั้งแต่วัยรุ่น แต่ตอนนี้แกป่วยติดเตียง ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ตาเลยต้องออกมาขับแท็กซี่หาเงินแบบนี้แหละ”

ฉันฟังแล้วรู้สึกสงสารคุณตาจับใจอยากจะช่วยเหลือแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉันเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไร

ไม่นานนัก รถแท็กซี่ก็มาถึงหน้าหอพักของฉัน ฉันหันไปปลุกพี่ริทเบาๆ “พี่ริทคะ ถึงแล้วค่ะ”

พี่ริทขยี้ตา หาวหวอดๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ฉันลงจากรถ “ลงไปรอ จ่ายเงินก่อน”

ฉันพยักหน้าแล้วเปิดประตูลงจากรถ แต่แทนที่จะเดินเข้าหอไปเลย ฉันกลับยืนรอพี่ริทอยู่ข้างรถ ฉันเห็นพี่ริทยืนคุยกับคุณตาคนขับแท็กซี่อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สายตาของฉันจะเหลือบไปเห็นปึกธนบัตรจำนวนหนึ่งในมือของคุณตา

คุณตายกมือไหว้พี่ริทพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอ ภาพนั้นทำให้ฉันตกใจและสงสัยเป็นอย่างมาก แล้วฉันก็แอบเห็นรอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเรียบเฉยของพี่ริท ฉันแน่ใจว่าพี่ริทต้องให้เงินคุณตาคนนั้นไปแน่ๆ และมันคงเป็นเงินจำนวนมากพอสมควร

ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยาก๯๞อยากจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายก็ไม่ทันเพราะคุณตาขับออกไปแล้ว ฉันหันไปมองพี่ริทที่กำลังเดินกลับมาหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พี่ริทใจดีจังเลยนะคะ” ฉันเอ่ยแซวพร้อมกับยิ้มขำๆ

พี่ริทเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไร และยังคงทำหน้านิ่งราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ทันใดนั้นฝนเม็ดใหญ่ก็เริ่มโปรยปรายลงมาก่อนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ๯๞กลายเป็นพายุฝนกระหน่ำ ทำให้เราสองคนรีบวิ่งฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเข้าไปในหอพัก ฉันกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่พักอยู่

พอเปิดประตูห้องพักเข้ามา ฉันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกที่รอดพ้นจากฝนมาได้

“พี่ริทตามสบายเลยนะคะ หนูขอไปเก็บของก่อน” ฉันบอกพี่ริทที่เดินไปนั่งลงบนโซฟาแล้วรีบตรงไปที่ห้องนอนเพื่อเก็บกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว

ไม่นานหลังจากเก็บของเสร็จ ฉันก็เดินออกมาจากห้องนอนแต่กลับต้องตกใจ๯๞ตาเบิกโพลง เมื่อเห็นพี่ริทกำลังยืนถือชุดนอนของฉันอยู่ ชุดนอนแนวคาวาอี้สีขาว ตัวเสื้อเป็นสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น ผ้าบางเบาตกแต่งด้วยลูกไม้ดูเซ็กซี่เล็กน้อย มันเป็นชุดที่ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่

ใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมาทันทีด้วยความอับอาย ฉันรีบปรี่เข้าไปดึงชุดนอนในมือพี่ริทกลับมาอย่างรวดเร็ว

พี่ริทมองฉันด้วยใบหน้านิ่งๆ เหมือนเดิมแต่คราวนี้มีแววสงสัยเล็กน้อยในดวงตาของเขา ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ชอบแนวนี้เหรอ”

คำถามของเขาทำเอาฉันหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ฉันกำชุดนอนในมือแน่นพยายามหาคำตอบแก้ตัวแต่ก็คิดอะไรไม่ออก

“เอ่อ…ไม่ใช่ค่ะ! ค-คือ…” ฉันพูดติดอ่าง มองซ้ายมองขวาอย่างเลิ่กลั่ก “หนู…หนูขอเอาไปเก็บก่อนนะคะ”

แต่ะยังไม่ทันจะเดินหนีเข้าห้องข้อมือก็ถูกรั้งเอาไว้ เขาออกแรงดึงเบาๆ ทำให้ร่างฉันเซเล็กน้อย“ยังไม่ตอบ”

“พ-พี่จะไปอยากรู้ทำไมล่ะคะ” ฉันสวนกลับไปทันควัน พยายามดึงมือออกแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้

“อยากรู้ อยากเห็น” พี่ริทพูดสั้นๆ ด้วยสีหน้าหน้าตายยิ่งกว่าเดิม

รู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าว หัวใจเต้นรัวแรง๯๞แทบจะทะลุออกมานอกอก

“คนทะลึ่ง!” ฉันตะโกนใส่หน้าเขาเบาๆ ก่อนจะสะบัดข้อมือออก แล้วรีบวิ่งแจ้นเข้าห้องนอนไปทันที ปล่อยให้อีกคนยืนงงอยู่แบบนั้นแหละ

คนบ้าอะไร เห็นเห็นเงียบๆ ทำไมทะลึ่งขนาดนี้เนี่ย!


ตอนต่อไป
Senior Story: NANA’s Harem EPISODE 4

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา